เตือนหวนดื่มหนักหลัง “ออกพรรษา” ทำคนตาย-พิการหลายราย วอนอย่ากลับไปสู่จุดเดิม
วันที่ (4 ต.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. [b]ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เครือข่ายเหยื่อเมาแล้วขับ มูลนิธิเมาไม่ขับ ร่วมกับ[/b] เครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เครือข่ายองค์กรงดเหล้า มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล มูลนิธิสื่อเพื่อเยาวชน โรงพยาบาลธัญญารักษ์ และ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) [b]จัดกิจกรรมให้กำลังใจคนงดเหล้าครบพรรษา โดยนำเหยื่อเมาแล้วขับ ผู้พิการนั่งวีลแชร์ และผู้ได้รับผลกระทบฯ กว่า 50 ชีวิต จัดกิจกรรม “ร้อยดวงใจ สู่คนหัวใจหิน” [/b] ช่วยกันทำของที่ระลึกเพื่อมอบเป็นกำลังใจให้คนที่อยู่ระหว่างรักษาอาการติดเหล้าและคนที่อยู่ระหว่างงดเหล้าให้ครบพรรษา [b]ภายในงานยังมีการยืนไว้อาลัย “น้องอิงฟ้า” อายุ 4 ขวบ ที่เสียชีวิตจากคนเมาแล้วขับ ที่จังหวัดระยอง[/b] และรับบริจาคเงินช่วยเหลือครอบครัว โดยมอบเงินผ่านนางสาวภัทราวรรณศิริชนม์แม่ของน้องอิงฟ้าซึ่งมาร่วมกิจกรรมในวันนี้ด้วย
นายสุรสิทธิ์ ศิลปงาม ผู้จัดการมูลนิธิเมาไม่ขับ กล่าวว่า [b]กิจกรรมที่จัดขึ้นครั้งนี้เพื่อต้องการให้กำลังใจคนที่งดเหล้าช่วงเข้าพรรษา ซึ่งเป็นช่วงโค้งสุดท้าย จึงอยากให้นึกถึงสิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงที่ไม่แตะต้องน้ำเมาแล้วจะทำให้เราหนักแน่นขึ้น แต่สิ่งที่น่าหนักใจและเป็นข่าวทุก ๆ ปี คือ[/b] การดื่มฉลองหลังงดเหล้าครบพรรษาอย่างหนัก จนทำให้เกิดอุบัติเหตุเสียชีวิต และเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทขึ้น ทำให้สิ่งที่อุตส่าห์พิสูจน์ตัวเองมาตลอดสามเดือนกลับต้องไปอยู่ในจุดที่สุ่มเสี่ยงอีก [b]ทั้งนี้ จากข้อมูลพบว่าช่วงเทศกาลเข้าพรรษาช่วยลดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้มากถึง 15-20%[/b] ดังนั้น การฉลองงดเหล้าครบพรรษาขอให้มีสติไม่ควรใช้วิธีดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แต่ควรใช้โอกาสนี้เริ่มต้นชีวิตใหม่ทำสิ่งดีๆเพื่อสุขภาพของตัวเองและคนที่เรารัก
[b]“ความสูญเสียจากน้ำเมา ยังคงเป็นประเด็นที่รุนแรงและเกิดเหตุขึ้นไม่เว้นแต่ละวัน[/b] กรณีล่าสุดเหตุเกิดกับน้องอิงฟ้า อายุ 4 ขวบ ที่เสียชีวิตในขณะที่คุณยายได้รับบาดเจ็บต้องเข้าโรงพยาบาลเป็นข่าวที่สร้างความสะเทือนใจกับผู้คนในสังคมอย่างมาก จะต้องมีครอบครัวและใครอีกกี่รายที่ต้องสูญเสียจากคนเมาแล้วขับ ทุกคนเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และวันนี้เครือข่ายเหยื่อเมาแล้วขับและภาคีเครือข่ายได้ร่วมกันระดมทุน และรับบริจาคเงินช่วยเหลือครอบครัวน้องด้วย ทั้งนี้ [b]ทางเครือข่ายนักกฎหมายเพื่อเด็กและเยาวชน ได้เตรียมให้การช่วยเหลือในทางกฎหมายอย่างเต็มที่ ประเด็นสำคัญคือ เราจะยอมรับให้ปัญหาเมาแล้วขับเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจนชาชินแบบนี้หรือ ถึงเวลาหรือยังที่จะต้องมีมาตรการที่เข้มข้น[/b] เพียงพอในการรับมือกับพฤติกรรมแห่งความสูญเสียนี้ ควรมีกฎหมายเมาแล้วขับให้เป็นเรื่องของการเจตนาทำให้ผู้อื่นเสียชีวิต มิใช่แค่ประมาท หรือการจัดตั้งศาลจราจรก็ควรจะเกิดขึ้นในประเทศนี้เสียทีและควรทำให้สำเร็จในรัฐบาลนี้ด้วย”นายสุรสิทธิ์กล่าว
[b]นายแสงเดือน สุรเดช อายุ 47 ปี เหยื่อเมาแล้วขับ กล่าวว่า[/b] ย้อนไปเมื่อ 18 ปีก่อน ตนเหมือนตายทั้งเป็น เพราะถูกคนเมาขับรถเทรลเลอร์มาชนระหว่างที่กำลังขับรถไปทำงาน จนทำให้กระดูกก้านคอหัก แพทย์ช่วยชีวิตและรักษาด้วยการเอากระดูกตรงสะโพกมาดามไว้ [b]อุบัติเหตุครั้งนั้น ทำให้เป็นอัมพาตทั้งตัว ไม่มีความรู้สึกตั้งแต่ช่วงคอลงมา ส่วนคู่กรณีไม่สามารถฟ้องร้องเอาผิดได้ เพราะไม่มีพยานหลักฐาน[/b] มีเพียงตำรวจตามจับไว้ได้ว่าเมาแล้วขับ ซึ่งสมัยนั้นยังไม่มีกฎหมายเมาแล้วขับด้วยซ้ำ ส่วนเงินประกันที่ได้ก็ไม่เพียงพอต่อการรักษา ปัจจุบันตนต้องไปพบแพทย์ตามนัดเพื่อเปลี่ยนสายปัสสาวะทุกเดือน บางครั้งก็เป็นแผลติดเชื้อ สภาพตอนนี้กลายเป็นผู้ป่วยนอนติดเตียงมีแผลกดทับ
ผู้เข้าร่วมกิจกรรม “ร้อยดวงใจ สู่คนหัวใจหิน”