สุดสะเทือนใจ!เด็กเรียนดี-กตัญญูต่อพ่อแม่พิการ กลับถูกรถเมล์ชนขาขาด
[b]สองแม่ลูกร่ำไห้เรียกหากันบนความเจ็บปวด ท่ามกลางไทยมุงเต็มท้องถนนและเหล่าพลเมืองดีที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือแจ้งมูลนิธิฯนำส่งตัวลูกรักษาตัวเร่งด่วน[/b]ที่ รพ.ชลประทาน ก่อนเคลื่อนย้ายไปที่ รพ.ศิริราช โดย[/b]มีผู้เป็นพ่อ คือ คุณคำมูล มีภัย อายุ 41 ปี มีความพิการแขนซ้ายขาดและเดินกะเผลกจากอุบัติเหตุรับงานก่อสร้างเมื่อ 40 ปีก่อน[/b] ขณะที่ผู้เป็นแม่กลับมารักษาบาดเเผลที่ห้องพัก ม.เอื้ออาทร นอนซมอยู่บนแคร่อยู่หลายวัน ท่ามกลางการดูแลและให้กำลังขอเหล่าเพื่อนพิการ
สำหรับ[b]อาการบาดเจ็บของน้องแหวนนั้น วันแรกอยู่ในอาการโคม่ามา แพทย์ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจและดูดเสมหะอยู่ตลอด[/b] ขณะที่ขาข้างขวา แพทย์ไม่สามารถยื้อไว้ได้ จำต้องตัดขาออกไปจนถึงส่วนของน่องขา แต่แผลติดเชื้อ จนวันที่ 7 มี.ค.59 แพทย์จำต้องผ่าตัดขาข้างขวาออกส่วนที่เหลือออกไปอีกครั้ง จนขาของน้องแหวนขณะนี้ถูกหั่นสั้นถึงส่วนของสะโพก
[b]หลังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ครอบครัวนี้ต้องมีสมาชิกกลายเป็นคนพิการเพิ่มเข้ามา ทั้งที่ก่อนหน้านี้น้องแหวน คือ หัวเรี่ยวหัวแรงหลักในการช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน และช่วยทำมาหากิน[/b] ในการช่วยพ่อแม่พิการขายไอศครีมและลอตเตอรี่หลังเลิกเรียนอยู่เป็นประจำ พอพลบค่ำน้องแหวนยังหารายได้พิเศษด้วยรับใบเตยที่พับเป็นดอกกุหลาบ มาตระเวนขายตามศาลาวัดที่มีงานต่างๆ ซึ่งในแต่ละวันกว่าจะได้กลับถึงบ้านเวลาก็ยามวิกาลเสียแล้ว
[b]ความกตัญญูของน้องแหวน ไม่ส่งผลกระทบต่อการเรียน เพราะทุกปีการศึกษาน้องยังรักษามาตรฐานการเป็นเด็กเรียนดี ด้วยเกรดเฉลี่ย 4.00 และยังเด่นด้านกิจกรรม[/b] ที่เป็นทั้งนักกีฬา และ ตัวแทนการแสดงนาฏศิลป์ของโรงเรียน [b]แต่….ความหวังเพื่อพึ่งพาของพ่อแม่ก็ดับสลาย เมื่ออุบัติเหตุครั้งนี้พรากสภาพร่างกายของน้องไป[/b] แต่ไม่ได้สามารถพรากจิตใจที่เข้มแข็งของน้องได้ [b]เมื่อวันที่น้องรับรู้ถึงความพิการของตนเอง กลับไม่แสดงอาการเสียใจ แต่กลับ “ยิ้มสู้” [/b] และปลอบใจกับพ่อแม่แทนว่า “อย่าเสียใจ” – “หยุดร้องไห้” น้องยังไหวและพร้อมสู้ต่อไป
“เขาบอกกับป้า อย่าร้อง ให้ป้าสู้ๆ เพราะเขาก็สู้อยู่ แค่ขาขาด ไม่ได้ทำให้ชีวิตเขาแย่ลงเลย เขาอยู่สู้ต่อไปไหว ยังสามารถช่วยพ่อแม่ต่อไปได้ และเชื่อว่า ไม่กระทบการเรียนเขา เพราะสมองเขายังอยู่ พ่อกับแม่สู้ๆนะ และเขาก็ขอโทษที่ทำให้พ่อแม่ต้องร้องไห้เพราะเขา”
เรื่องราวของความช่วยเหลือบังเกิด! ขึ้นเมื่อผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ได้แชร์ภาพ-คลิปวีดีโอเหตุการณ์ในวันเกิดเหตุ จนเกิดกระแสการบริจาคช่วยเหลือ และเกิดเสียงสะท้อนไปยังหน่วยราชการ [b]จนผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรีพร้อมส่วนราชการได้ลงพื้นที่เยี่ยมเยียนและมอบสิ่งของบรรเทาทุกข์เบื้องต้น[/b] และยังมีผู้ใจบุญยังติดต่อเข้ามาอยู่บ้าง
[b]โดยเงินบริจาคทั้งหมด ป้ากมลวรรณ ได้เก็บไว้เพื่อเป็นค่ารักษาอาการต่อเนื่องให้กับน้องแหวน เเม้น้องจะใช้สิทธิ์บัตรทองอยู่ก็ตาม[/b] พร้อมนำไปใช้จ่ายในเรื่องอื่นๆประดังเข้ามา อาทิ ค่าซ่อมรถราวหมื่นกว่าบาท ค่าผ่อนบ้านเดือน 3 พันบาท ค่าน้ำค่าไฟ หนี้สินในระบบและนอกระบบ ซึ่งมียอดรวมๆกว่า 2 แสนบาท รวมถึงค่าครองชีพรายวันในขณะนี้ ที่ทั้งคู่ต้องหยุดงาน เพื่อสับเปลี่ยนไปเฝ้าดูแลน้องแหวน ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ในห้องไอซียู
ภาพขณะน้องแหวนประสบเหตุ