รักใดเท่าแม่!แม้ป่วยหนักไม่หาหมอ ขอสู้-ดูแลลูกพิการ
เมื่อหมดหนทางรักษาลูก-ชีวิตถูกทอดทิ้ง สองมือหอบลูกร่อนเร่กลับมายังบ้านเก่าย่านซอยเรวดี หวังตั้งรากฐานชีวิตใหม่ [b]โชคยังดีที่ฟ้าเมตตาประทานเพื่อนบ้านมีน้ำใจ คุณบุญช่วย อ่ำสอน (หลี) อายุ 68 ปี ผู้ให้เช่าบ้านราคาถูกเพียง 1 พันบาท พร้อมช่วยดูแลลูกเมื่อออกหางานนอกบ้าน[/b] แต่ก็ไม่มีใครอยากได้ “หญิงชรา-ป่วยโรคกระดูกทับเส้น” เข้าทำงาน
พี่สาวป้าหลีจึงเอื้อเฟื้อเปิดพื้นที่หน้าบ้านติดถนนให้ตั้งโต๊ะค้าขายผลไม้ แต่รายได้ก็ไม่พอจ่าย ยังต้องกู้หนี้ยืมสินอยู่ดี [b]ชีวิตยิ่งวิกฤตหนักเมื่อปี 2554 เกิดน้ำท่วมใหญ่ บ้านที่เขาให้เช่ากลับถูกน้ำท่วมเสียหาย ต้องหอบลูกหนีไปอาศัยอยู่ที่อื่น ด้วยความเวทนา 2 แม่ลูก ป้าหลีพร้อมเพื่อนบ้านรายอื่นๆได้แจ้งเรื่องความช่วยเหลือไปยังเทศบาลนครนนทบุรี[/b] ทางเทศบาลฯจึงเข้ามอบสิ่งของยังชีพพร้อมซ่อมแซมบ้านเช่าที่ถูกน้ำท่วมหนักให้ตามโครงการบ้านท้องถิ่นไทยเทิดไท้องค์ราชัน และส่งเจ้าหน้าที่ติดตามความเป็นอยู่
“ตอนน้ำท่วมใหญ่ ชีวิตลำบากมาก ต้องระหกระเหินไปหาที่อยู่ ไปอยู่ไหนใครก็ไล่ แต่ดีที่ป้าหลีและเพื่อนบ้านแจ้งเทศบาลฯมาช่วย [b]โดยเฉพาะซ่อมบ้านและติดเหล็กดัดให้ เพื่อป้องกันคนเข้ามาทำไม่ดีต่อลูก เพราะลูกแก้ผ้าเดินอยู่ในบ้านตลอด ช่วงนั้นเป็นห่วงมาก เพราะเคยเกิดเหตุบ่อย[/b] ก็ได้เพื่อนบ้านที่ช่วยกันสอดส่อง”
[b]เมื่อบ้านเช่าซ่อมแซมเสร็จประกอบกับมีเพื่อนบ้านใจดี ป้าอี๊ดก็กลับมาปักหลักอยู่บ้านหลังเดิม พร้อมกับของใช้เก่าๆ สิ่งที่ขาดไม่ได้ คือ[/b] พัดลมที่ไว้ดับร้อนให้กับลูก พัดลมเพดานและพัดลมตั้งพื้น ได้รับบริจาคจากเพื่อนบ้าน และได้ทางการไฟฟ้ามาช่วยติดตั้งให้ พร้อมกำชับข้อห่วงใย ห้ามเปิดพัดลมตัวเดียวตลอดทั้งวัน หมั่นสลับใช้ตัวอื่น กังวลว่าบ้านหลังนี้อาจเสี่ยงไฟไหม้
[b]เรื่องกลิ่นเหม็นคละคลุ้งทั่วบ้านจากการขับถ่ายของลูก เป็นอีกข้อกังวลของป้าอี๊ด ที่ไม่ค่อยมีเวลาทำความสะอาดบ้าน เพราะต้องออกไปตลาดคลองถมแต่หัวรุ่งเพื่อหาซื้อผลไม้มาขาย[/b] กว่าจะได้กลับเข้ามาบ้านแต่ละวันก็มืดค่ำ ทำได้เพียงแค่แวะมาดูลูกที่บ้านได้ไม่กี่นาที และการมาแต่ละครั้งต้องนั่งวินมอเตอร์ไซค์ไป-กลับ เสียเงินราว 20 บาทต่อครั้ง แม้ระยะทางจากที่ขายของถึงตัวบ้านห่างเพียงไม่ถึงกิโลเมตร ก็ไม่สามารถเดินเหินมาได้ เนื่องจากเจ็บปวดจากโรคอาการกระดูกทับเส้น
“ทุเรศตัวเองนะ แต่ละวันแค่จะแว๊บไปดูลูก ทางไม่ถึงโล ยังแทบเดินไปไม่ได้ ต้องมาเสียค่าวินฯนั่งไปกลับอีก เจ็บแค่ไหนก็ต้องแบกร่างไปหาลูกให้ได้ ห่วงไปหมด กลัวใครมาทำอะไร กลัวเขาหกล้มเจ็บหรือทำร้ายตัวเองอีก กลัวไฟไหม้ กลัวสารพัด เหตุผลที่ไม่ไปหาหมอมากว่า 10 ปี ก็เพราะเราเป็นห่วงเขามากมากกว่าเราห่วงตัวเอง“
[b]เมื่อพูดถึงอาการป่วยของลูก คุณนุชป่วยพิการซ้ำซ้อนตั้งแต่ ตาบอด หูหนวก เป็นใบ้ โรคหัวใจ ลมชัก ร่างกายร้อนตลอดเวลาถึงขั้นใส่เสื้อผ้าไม่ได้มากกว่า 30 ปี[/b] และทีมข่าวถึงกับตกใจ ขณะเมื่อสัมภาษณ์ป้าอี๊ด คุณนุชได้พยายามควักลูกตาออกมา จนป้าอี๊ดต้องช่วยนำใส่เข้ากลับที่เดิม ซึ่งเป็นอีกอาการป่วยที่น่าเป็นห่วง เพราะคุณนุชมักควักลูกตาออกอยู่บ่อยครั้ง
คุณแม่ระเบียบ สุตะวิบูลย์ (อี๊ด) อายุ 64 ปี ประกอบอาชีพขายผลไม้