มจธ.พัฒนาเครื่องสแกน “เด็กพิการทางสมอง” จากการทรงท่า
ทีมนักวิจัยจากสถาบันวิทยาการหุ่นยนต์ภาคสนาม (ฟีโป้) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) [b]วิจัยและพัฒนา “เครื่องวิเคราะห์การทรงท่าของทารก” หรือเครื่องสแกนเด็กพิการทางสมอง[/b] หลังเห็นความสำคัญว่าการตรวจคัดกรองเด็กทารกที่มีพัฒนาการช้าได้เร็ว จะช่วยลดความพิการถาวรลงได้ [b]โดยองค์การอนามัยโลกได้ประมาณการไว้ว่าปัญหาความพิการด้านใดด้านหนึ่งในระดับปานกลางจนถึงระดับรุนแรงจะเกิดขึ้นกับประชากรเด็กมากถึง5%[/b]
ทว่าการคัดกรองที่แม่นยำยังมีข้อจำกัด [b]โดยเฉพาะในกรณีที่มีความผิดปกติไม่รุนแรงหรือมีการแสดงออกของอาการไม่ชัดเจน ซึ่งการประเมินพัฒนาการในด้านความสามารถในการทรงท่าและการเคลื่อนไหวร่างกาย ยังต้องทำโดยแพทย์เฉพาะทาง[/b]ที่มีประสบการณ์จากการสังเกตการเคลื่อนไหวของทารกด้วยตาเปล่าจึงเป็นที่มาของการพัฒนาเครื่องดังกล่าว
[b]ดร.ปราการเกียรติ ยังคง อาจารย์ประจำสถาบันวิทยาการหุ่นยนต์ภาคสนาม (ฟีโบ้) หัวหน้าทีมวิจัย เปิดเผยว่า[/b] การพัฒนาต้นแบบเครื่องวิเคราะห์การทรงท่าดังกล่าวตอบโจทย์ให้กับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการฟื้นฟูการเคลื่อนไหวของเด็ก [b]โดยเป็นเครื่องที่ใช้วัดความสมมาตรของการทรงท่า ซึ่งเป็นสิ่งที่เด็กควรต้องมีพัฒนาการที่สมวัย เช่น[/b] ทารกในวัยก่อนสามเดือนจะมีการทรงท่านอนหงายที่ไม่สมมาตร เอียงซ้ายขวาสลับไปมา แต่เมื่อหลังอายุสามเดือนเด็กปกติจะมีการทรงท่าที่มีการลงน้ำหนักตัวอย่างสมดุลอยู่ในแนวกลางตัวได้มากและนานขึ้น ดังนั้น ต้นแบบเครื่องวิเคราะห์การทรงท่าของทารกที่พัฒนาขึ้นนี้ จะถูกนำไปใช้สำหรับการตรวจคัดกรองเด็กทารกที่มีพัฒนาการช้าในด้านการทรงท่าและการเคลื่อนไหวซึ่งเหมาะกับเด็กทารกในระหว่างอายุแรกเกิดถึง4เดือน
[b] “เครื่องวิเคราะห์การทรงท่ามีลักษณะคล้ายเครื่องถ่ายเอกสาร มีการติดตั้งกล้องและระบบเซ็นเซอร์ไว้ภายใน โดยนำเด็กทารกวางลงบนกระจกใสที่อยู่ด้านบน[/b] เบื้องต้นพื้นที่สัมผัสระหว่างทารกกับเครื่องจะทำการวิเคราะห์ในท่านอนคว่ำและท่านอนหงาย การเอียงซ้าย เอียงขวา หรือ การทรงท่าของเด็กทารกจะถูกเก็บบันทึกด้วยเทคนิคการประมวลผลภาพดิจิตอลเพื่อใช้ในการคำนวณหาค่าดัชนีความสมมาตร และเครื่องจะทำการจัดเก็บข้อมูลและถ่ายภาพการเคลื่อนไหวของเด็กในท่าทางต่างๆ [b]เพื่อให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการฟื้นฟูเด็กนำไปใช้ประกอบในการวินิจฉัยต่อไป ว่าเด็กคนดังกล่าวมีพัฒนาการสมวัยหรือมีแนวโน้มความผิดปกติทางสมองหรือไม่ เป็นการช่วยคัดกรองในเบื้องต้น[/b] หากเราสามารถพบเด็กทารกที่มีพัฒนาการช้าได้เร็วเท่าไหร่ก็จะช่วยให้การรักษาได้เร็วและถูกต้องตั้งแต่ต้นทาง หากพบปัญหาดังกล่าวเมื่อเด็กโตขึ้นแล้วจะสามารถทำได้เพียงรักษาตามอาการเท่านั้นซึ่งเป็นการรักษาที่ปลายเหตุ”นักวิจัยอธิบายการทำงานของเครื่อง
[b]ดร.ปราการเกียรติ กล่าวว่า[/b] เบื้องต้น เครื่องวิเคราะห์การทรงท่าถูกนำไปทดสอบเปรียบเทียบการทรงท่าของเด็กปกติที่มีอายุระหว่าง 2 เดือน กับ 4 เดือน [b]พบว่า ค่าดัชนีความสมมาตรของร่างกายในกลุ่มเด็กแตกต่างกัน โดยกลุ่มเด็กสุขภาพดีจะมีค่าดัชนีความสมมาตรต่ำ ( ทรงท่าดี ) ทั้งท่านอนหงายและท่านอนคว่ำ[/b] นอกจากนี้ เครื่องวิเคราะห์การทรงท่ายังช่วยวิเคราะห์พื้นที่สัมผัสของเด็กที่กระทำกับพื้น โดยได้รับการออกแบบให้ใช้หลอดไฟแอลอีดี (LED) สีเขียวติดตั้งเข้ากับด้านข้างของแผ่นอะครีลิคที่อยู่ด้านบนของเครื่อง ทำให้แสงสะท้อนกลับหมดไม่ส่องเข้าตาเด็กทารก และทำให้ได้ภาพพื้นที่สัมผัสที่แนบกับแผ่นอะครีลิคเกิดแสงสีเขียวสำหรับการคำนวณหาค่าดัชนีความสมมาตร
ดร.ปราการเกียรติ ยังคง อาจารย์ประจำสถาบันวิทยาการหุ่นยนต์ภาคสนาม (ฟีโบ้) หัวหน้าทีมวิจัย