น้องส้ม นศ.สาวพิการ คิดบวก และสู้เมื่อได้โอกาส
จากเหตุการณ์ดังกล่าว [b]ทำให้เธอสลบไปถึง 9 วัน นอนในห้อง ICU 19 วัน และต้องใช้เวลาในการรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลถึง 4 เดือน โดยผ่านการผ่าตัดมาแล้วกว่า 20 ครั้ง[/b] โดนตัดขาขวา ใส่ขาเทียมข้างขวา มือข้างซ้ายไม่มีนิ้ว ข้างขวาเหลือเพียงนิ้วก้อยและนิ้วนาง ตามร่างกายและแขนข้างขวา และศีรษะมีแผลจากไฟไหม้ตนเองต้องสวมวิกผมปลอมตลอดชีวิต
แม่เล่าให้หนูฟังว่า [b] “ตอนที่ฟื้นขึ้นมาตนเองไม่อยากรับสภาพของตนเอง ต้องพันตัวเหมือนมัมมี่นอนรักษาแผลตามร่างกายอยู่บนเตียงในห้องปลอดเชื้อถึง 4 เดือน และที่เสียใจยิ่งคือไม่มีขาข้างขวาอีกต่อไป ตอนนั้นตนเองได้แต่ร้องไห้[/b] ครวญคางกับแม่ว่าอยากจะตาย ไม่อยากมีชีวิตอยู่ และต้องทรมานกับแผลไฟไหม้ ที่ต้องตัดชิ้นเนื้อในร่างกายมาปะติด” ตอนนั้นมีเพียงแม่ที่นอนเฝ้าตนเองอยู่ข้างเตียง เนื่องจากพ่อกับแม่แยกทางกันตั้งแต่ตนเอง 2 ขวบ
ปัจจุบันตนเองอาศัยอยู่กับแม่และพ่อเลี้ยง และน้องสาวอีกหนึ่งคน [b]กำลังใจจากคนรอบข้างเป็นสิ่งที่สำคัญ “กำลังใจของแม่” เป็นพลังพิเศษที่ทำให้ตนเองอยากมีชีวิตอยู่ต่อไป[/b] ซึ่งระหว่างที่รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล เพื่อน ครูอาจารย์มาให้กำลังใจ และให้ตนเองสามารถเรียนที่โรงพยาบาลได้ ทำให้เรียนทันกับเพื่อน ระหว่างนอนพักที่โรงพยาบาลค่าใช้จ่ายสูงมากตอนนั้นแม่ต้องมาเฝ้าที่โรงพยาบาลจึงต้องลาออกจากงาน
[b]ภาระจึงเป็นของพ่อเลี้ยง ซึ่งไม่พอกับการรักษา ด้วยคนเป็นแม่ที่อยากให้ลูกหายจากโรคและความทรมาน แม่จึงได้เขียนหนังสือถวายฎีกาถึงในหลวง ตนเองจึงได้รับเป็นผู้ป่วยในพระบรมราชานุเคราะห์[/b] และได้รับทุนการศึกษามูลนิธิสำนักทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ตอนปี 2553 จนสำเร็จปริญญาตรี ปีละ 30,000บาท
[b]หลังจากที่พักฟื้นจนแผลหายหมด มีช่วงอารมณ์หนึ่งที่คิดตั้งคำถามในใจ ว่ารถสิบล้อต้องลากตนเองไป จนเกิดไฟไหม้ เคยมีอารมณ์โมโหกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ตอนนี้ไม่โทษใคร เนื่องจากอาจจะเป็นเวรกรรม ชาติไหนหรือชาติหน้าที่ตนเองอาจจะทำไว้[/b] หรือถือว่าเป็นเรื่องโชคดี ที่ตนเองไม่เสียชีวิต ฟ้าอาจลิขิตให้ตนเองเกิดมาเป็นแบบอย่างให้กับคนท้อ เป็นแบบอย่างในการใช้ชีวิต “เหตุการณ์ดังกล่าว มันสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ทุกคนมีความประมาท [b]ดังนั้นควรขับรถอย่างระมัดระวัง เคารพกฎจราจร ให้ระวังชีวิตของตัวเอง หรืออีกฝ่ายอาจจะได้รับอันตรายจากความประมาทของคุณ”[/b]
[b]เมื่อโดนตัดขา สิ่งที่ตามมา คือ เดินไม่ได้ ถ้าเดินไม่ได้ จะไปเรียนได้อย่างไร ตนเองจึงต้องใส่ขาเทียม เพื่อจะได้ใช้ชีวิตเหมือนปกติที่เคยใช้[/b] ซึ่งกว่าตนเองจะชินกับขาเทียม เหมือนเริ่มหัดเดินใหม่ ต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร มีท้อบ้างแต่แม่จะคอยบอกว่า [b] “ถ้าอยากไปเรียนต้องเดินให้ได้” [/b] เมื่อเดินได้และหายจึงกลับไปเรียนตามปกติ [b]ตอนที่กลับไปโรงเรียนอีกครั้งการใช้ชีวิตอาจจะไม่เหมือนเดิม จากที่เคยทำกิจกรรมกับเพื่อน เคยยิ้ม เคยสนุก กลับเป็นคนเก็บตัว เพราะว่าตนเองไม่เหมือนเดิม[/b] นั่นคือความคิดที่เกิดจากการคิดของตนเอง แต่เมื่อไปที่โรงเรียน มีกำลังใจจากเพื่อนและครู ตนเองจึงยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตนเอง พยายามใช้ชีวิตให้ปกติที่สุด
“ส้ม” นางสาวอรธีรา รสหอม นักศึกษาชั้นปีที่ 2