ยอดคุณแม่โคราชผู้เสียสละ! ฐานะยากจนยอมทิ้งทุกอย่าง ทุ่มชีวิตเลี้ยงลูกพิการลำพังมา 12 ปี
ฉะนั้น [b]โอกาสที่เด็กจะกลับมาเหมือนเดิมแทบจะเป็นไปไม่ได้ ซึ่งอาการของน้องน้ำฝน คือ แขนขาลีบ ไม่มีแรง คออ่อน ลุกนั่งคลานเดินไม่ได้ และช่วยเหลือตัวเองอะไรไม่ได้[/b] จนถึงปัจจุบันอายุได้ 12 ปี แล้วยังพูดไม่ได้แม้แต่คำว่า“แม่”จึงสื่อสารกันด้วยเสียงร้องของลูกและความรู้สึกผูกพันของความเป็นแม่กับลูกเท่านั้น
น.ส.จรรยา กล่าวต่อว่า [b]น้องน้ำฝน อายุได้เพียง 7 เดือน พ่อของน้องน้ำฝนก็มาทิ้งพวกเราไปมีครอบครัวใหม่ ตนต้องเลี้ยงลูกตามลำพังตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา[/b] หลังครอบครัวขาดเสาหลักไป เราเป็นแม่ก็ต้องคอยเป็นทุกอย่างให้แก่ลูก และยิ่งลูกไม่ปกติเหมือนเด็กคนอื่น ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ก็ต้องทุ่มเทดูแลมากเป็นพิเศษ อาชีพการงานที่เคยทำรายได้ที่เคยมีก็ต้องลาออกมาเพื่อดูแลลูก แต่หากจะทิ้งลูกไปภาระหน้าที่อันหนักหน่วงทุกอย่างต้องตกเป็นของแม่ของตนหรือยายน้องน้ำฝนซึ่งอายุมากแล้วและป่วยเป็นโรคหลายอย่างทำงานอะไรแทบไม่ได้
ในฐานะเราเป็นลูก และเห็นแม่ลำบากมาทั้งชีวิตจนถึงวันนี้ [b]หากทิ้งหลานพิการซึ่งเป็นลูกของเราให้แม่เลี้ยงอีกก็รู้สึกผิดมาก ไม่สามารถทำได้ จึงต้องก้มหน้าทนเลี้ยงลูก และละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อทุ่มเทให้แก่ลูก[/b] เพราะเขาพิการช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ทุกอย่างต้องทำให้หมดแม้แต่การขับถ่ายต้องช่วยสวนเมื่อมีปัญหา
โดยช่วงเวลารับหมอนมาเย็บรับจ้าง จะเอาลูกนอนไว้ในเปลใต้ถุนบ้าน หรือนอนบนรถเข็น บ้างก็นอนกับพื้น เพื่อเราจะได้ทำงานมีรายได้เล็กๆ น้อยๆ บ้าง แต่ต้องคอยสังเกตอาการของลูกตลอดเวลา เพราะลูกพูดสื่อสารไม่ได้“บางครั้งรู้สึกน้อยใจในโชคชะตาของตัวเอง รู้สึกท้อแท้แต่หันกลับมามองดูลูกก็ทำให้เราต้องสู้ต่อไป เพราะเขาไม่มีใครนอกจากเรา [b]ลูกคือทุกสิ่งทุกอย่างของชีวิต เห็นพ่อแม่คนอื่นไปส่งลูกเรียนหนังสือที่โรงเรียนเราก็นึกน้อยใจแอบร้องไห้คนเดียวว่า ลูกมีชีวิตไม่เหมือนคนอื่น อยากให้ลูกมีโอกาสได้เล่าเรียนหนังสือ[/b] ได้ไปโรงเรียนและวิ่งเล่นสนุกสนานตามประสาเด็กกับเพื่อนคนอื่นๆ”น.ส.จรรยากล่าวทั้งน้ำตา
ชาวบ้านและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าช่วยเหลือเบื้องต้นแด่ครอบครัวของ น.ส.จรรยา