ธุรกิจส่วนใหญ่ยังคงเสี่ยงใช้ Windows XP และ Office 2003!
[/p]
นายรชฏ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้จัดการกลุ่มธุรกิจและการตลาดวินโดวส์และเซอร์เฟซ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “การลดลงอย่างรวดเร็วของจำนวนผู้ใช้งานวินโดวส์ XP ในประเทศไทยถือได้ว่าเป็นแนวโน้มที่ดี สวนทางกับวินโดวส์ 7 และวินโดวส์ 8 ที่มีผู้ใช้งานเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา เราทำงานอย่างใกล้ชิดกับองค์กรธุรกิจต่างๆ เพื่อแจ้งให้ทราบถึงความจำเป็นในการเปลี่ยนมาใช้งานระบบปฎิบัติการที่ทันสมัย โดยเฉพาะสำหรับธุรกิจเอสเอ็มอี วิธีการ ใช้เทคโนโลยีของผู้คนในยุคปัจจุบันได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากตลอดช่วง ทศวรรษที่ผ่านมา และวินโดวส์ XP ไม่ได้ถูกออกแบบมา เพื่อรองรับการทำงานนอกสถานที่ซึ่งต้องอาศัยการเชื่อมต่อ อินเตอร์เน็ตตลอดเวลา ทั้งยังขาดระบบป้องกันอันตรายจากภัยคุกคามใหม่ๆ ในโลกออนไลน์ อีกนับล้านรูปแบบ เพราะฉะนั้น อย่าติดยึดกับเทคโนโลยีที่ล้าสมัยไปแล้วถึง 12 ปี แม้แต่โทรศัพท์มือถือที่ คุณใช้ ก็ไม่ใช่แบบเดียวกับที่ใช้เมื่อ 12 ปีก่อนอีกต่อไป วินโดวส์ XP เองก็มีข้อจำกัดและความเสี่ยงต่างๆ มากมายในสถานการณ์ปัจจุบัน”
หลังจากวันที่ 8 เมษายนนี้เป็นต้นไป ไมโครซอฟท์จะยุติการพัฒนาอัพเดทด้านความปลอดภัย การปรับปรุงแก้ไขคุณสมบัติต่างๆ และการช่วยเหลือหรือให้บริการทางเทคนิคสำหรับวินโดวส์ XP และ Office 2003 ซึ่งหมายความว่าธุรกิจที่ยังคงพึ่งพาวินโดวส์ XP จะไม่ได้รับการอัพเดทใดๆ เพื่อปกป้องตนเองจากไวรัสที่อันตราย สปายแวร์ และซอฟต์แวร์ประสงค์ร้ายต่างๆ ยิ่งไปกว่านั้น การไม่ได้รับการสนับสนุนทางเทคโนโลยียังจะส่งผลเสียต่อธุรกิจ เช่นกรณีที่ระบบไม่ทำงาน หรือ ปัญหาเรื่องความเข้ากันได้ของซอฟต์แวร์
จากรายงาน Security Intelligence Report (Vol. 15) ฉบับล่าสุดของไมโครซอฟท์ พบว่าวินโดวส์ XP SP3 มีความเสี่ยงด้านความปลอดภัยมากกว่าวินโดวส์ 8 ถึง 5.68 เท่า ซึ่งเท่ากับว่าคอมพิวเตอร์ที่ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการวินโดวส์ XP มีโอกาสในการโดนมัลแวร์จู่โจมสูงถึง 82.4% ยิ่งไปกว่านั้นมูลค่าเฉลี่ยของความเสียหายที่เกิดจากภัยทางด้านความปลอดภัย ระดับร้ายแรงสำหรับเอสเอ็มอีก็สูงถึง 54,000 ถึง 100,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ
ธุรกิจส่วนใหญ่ยังคงเสี่ยงใช้ Windows XP และ Office 2003!