เร่งอัดฉีด "ไอโอดีน" สกัดเด็กไทย...ไอคิวต่ำ
[b] “เราคงเคยเห็นคนที่มีคอพอกออกมาโตมากกว่าปกติ นั่นคือสัญลักษณ์ของการขาดสารไอโอดีนในผู้ใหญ่[/b] บางคนแม้ว่าคอจะไม่โตออกมามาก แต่ก็มีอาการคอพอกแอบแฝง การทำหน้าที่ของร่างกายด้อยลง ทั้งทางร่างกาย จิตใจ และสมรรถภาพในการทำงาน หากเป็นเพศชายอาจมีอาการแสดง คือ เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ ส่วนผู้หญิงก็อาจจะมีภาวะของประจำเดือนมาไม่ปกติได้”
เพื่อให้การ แก้ไขปัญหาภาวะขาดสารไอโอดีนได้ผลดีและยั่งยืนที่สุด คุณหมออภิชัย บอกว่า [b]ได้วางแนวทางแก้ไขไว้ในกลุ่มเสี่ยงหลักๆ 3 กลุ่ม กลุ่มแรกคือ 1)หญิงตั้งครรภ์[/b] จะมีการส่งเสริมให้หญิงตั้งครรภ์ครั้งแรกรับประ-ทานยาเสริมไอโอดีน 2 แคปซูล สามารถอยู่ในร่างกาย 1 ปี ทำให้มั่นใจได้ว่าตลอดการตั้งครรภ์และตอนให้นมบุตรแม่มีไอโอดีนเพียงพอ รวมทั้งให้ลูกได้ใช้ในการสร้างไทรอยด์ฮอร์โมน [b]2)กลุ่มเด็กทารกแรกเกิด[/b] จะส่งเสริมให้เด็กแรกเกิดทุกคนต้องได้รับการเจาะส้นเท้าตรวจเลือดเพื่อดู ระดับไทรอยด์ฮอร์โมนที่ส่งผลต่อความเฉลียวฉลาด และการเจริญเติบโตของเด็ก เนื่องจากฮอร์โมนไทรอยด์จะสัมพันธ์กับไอโอดีน ถ้าทารกตั้งแต่แรกเกิดถึงอายุ 2-3 ขวบ ขาดไอโอดีนจะมีสติปัญญาด้อย ไอคิวต่ำกว่าที่ควรจะเป็นถึง 30 จุด ยิ่งถ้าเด็กอยู่ในพื้นที่เสี่ยงต่อการขาดไอโอดีนมักมีไอคิวต่ำลงประมาณ 13.5 จุด และเด็กที่เกิดจากแม่ที่มีปัญหาไทรอยด์มักมีไอคิวต่ำกว่า 85 และ [b]3)กลุ่มเด็กเล็กจนถึงผู้ใหญ่[/b]ทั่วไป จะมีการรณรงค์ส่งเสริมให้ประชาชนกินอาหารที่มีไอโอดีน เลือกใช้เกลือและน้ำปลาที่ทำจากเกลือทะเล หรือเกลือที่เสริมไอโอดีน
อธิบดี กรมวิทยาศาสตร์ บอกด้วยว่า [b]ที่ผ่านมา ได้มีการดำเนินการแก้ไขปัญหาภาวะขาดสารไอโอดีนทั้ง 3 กลุ่มเสี่ยง[/b] โดยในหญิงตั้งครรภ์ได้จัดทำโครงการเฝ้าระวังระดับไอโอดีนในปัสสาวะของหญิง ตั้งครรภ์ในพื้นที่เสี่ยงต่อการขาดไอโอดีนในทุกจังหวัดของประเทศไทย กลุ่มทารกแรกเกิด กรมวิทย์ฯ ได้ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนเก็บเลือดทารกที่มีอายุมากกว่า 2 วัน นำมาตรวจวัดระดับไทรอยด์สติมูเลติง ฮอร์โมน หรือทีเอสเอช [b]หากพบว่าร่างกายผลิตทีเอสเอชผิดปกติ จะแจ้งให้โรงพยาบาลรีบตามตัวมารักษา ซึ่งหากไม่ ได้รับการรักษาภายใน 2 สัปดาห์ ทารกจะมีระดับไอคิวลดลงกว่าที่ควรจะเป็น และถ้าปล่อยทิ้งไว้นานจะกลายเป็นเด็กปัญญาอ่อนได้[/b]
สแกนสมอง