ไทยถอยหลังรั้งเพื่อนอาเซียน ติดหล่มพัฒนาการเมือง-ศก.
มุมมอง-ผู้สันทัดกรณี บน[b]เวทีบรรยายสรุปสำหรับสื่อมวลชน เรื่อง “การชุมนุมทางการเมือง : ภาพสะท้อนการเติบโตของประชาธิปไตยในดินแดนอาเซียน”[/b] ณ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย.
[b]“การชุมนุมยืดเยื้อ ไม่จบ เหตุเข้าข่ายซีโร่ซัมเกม สองฝ่ายต้องการเป็นผู้ชนะ[/b] ฉุดขาดโอกาสพัฒนาการเมืองและเศรษฐกิจ ใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 10 ปีจึงจะหลุดกับดัก ไทยเดินถอยหลังขณะที่เพื่อนบ้านอาเซียนเดินหน้าสู่การพัฒนา” นั่นคือ “ไฮไลต์” ส่วนหนึ่งในงานบรรยายสรุปสำหรับสื่อมวลชน เรื่อง “การชุมนุมทางการเมือง : ภาพสะท้อนการเติบโตของประชาธิปไตยในดินแดนอาเซียน” จัดโดย ชมรมนักข่าว ณ อาคารสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย เมื่อ 18 ก.พ. ที่ผ่านมา ซึ่งสาระเข้มข้นน่ารับฟังยิ่ง
[b]รศ.ดร. สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ [/b]นักวิชาการอิสระด้านเศรษฐศาสตร์และการเมือง มองความขัดแย้งจากการชุมนุมทางการเมืองที่เกิดขึ้นจะยืดเยื้ออีกยาวนาน เพราะ[b]รัฐบาลเป็นฝ่ายได้เปรียบ จึงเล่นเกมลากยาวได้[/b] ซึ่งสอดคล้องกับทฤษฎีทางเศรษฐศาสตร์ ที่เรียก “ชนะได้หมด แพ้เสียหมด” (zero sum game) ทั้งสองฝ่ายจึงแข่งขันกันเพื่อเป็นผู้ชนะ ไม่มีผู้ต้องการเป็นฝ่ายแพ้ ฝ่ายหนึ่งต้องการล้มล้างอำนาจรัฐบาล ขณะที่ฝ่ายรัฐบาลมีฐานมวลชนกลุ่มที่ผูกพันและชื่นชอบนโยบายผลประโยชน์ตอบแทน ด้วยประชานิยมจากรัฐบาล
ดังนั้น [b]การต่อสู้ครั้งนี้ ทำให้ไทยต้องติดอยู่ในกับดัก “วงจรอุบาทว์”[/b] ที่มีนักการเมืองแสวงหาอำนาจด้วยการซื้อเสียงและโกงการเลือกตั้ง รัฐบาลที่ชนะการเลือกตั้งก็ดำเนินนโยบายระยะสั้นที่เอาใจฐานเสียงทางการเมืองแทนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระยะยาว จึงทำให้ประชาชนอีกฝ่ายที่ไม่พอใจรัฐบาลที่มีอำนาจลุกขึ้นมาขับไล่รัฐบาล
เขา กล่าวเพิ่มเติมว่า [b]เมืองไทยต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 10 ปีในการปฏิรูป เรียนรู้การพัฒนาประเทศไปสู่การพัฒนาประชาธิปไตยที่สมบูรณ์[/b] เช่นเดียวกันกับโมเดลการปฏิรูปประชาธิปไตยของยุโรป ที่ไม่ได้มีความหมายแค่เพียงการเลือกตั้ง แต่ต้องเริ่มต้นจากการได้มาซึ่งการเลือกตั้ง การคงอยู่ และการจบหรือลงจากตำแหน่ง ซึ่งหากมีประชาธิปไตยที่เข้มแข็ง จะนำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศอย่างยั่งยืน [b]การเมืองจะเกิดประโยชน์ที่นำมาสู่การเปลี่ยนแปลงประเทศก็ต่อเมื่อนักการเมืองทั้งสองฝ่าย มองเห็นประโยชน์ของประเทศ เปิดเจรจาแบบแบ่งปันผลประโยชน์[/b]ร่วมทั้งสองฝ่าย (Win Win) หรือต่อสู้ไปจนเริ่มเกิดความเสียหายทั้งสองฝ่ายจนไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้ (Negative sum game) คู่ขัดแย้งจึงจะเดินเข้าสู่แนวทางเจรจา
ภาพ ตำรวจประเทศกัมพูชาพยายามปิดประตูไม่ให้ผู้ชุมนุมเข้าประตูได้