′ยูเอ็น′ ห่วงการเมืองไทย ใช้ภาษาเหยียดเพศหญิง
นางโรเบอร์ต้ากล่าวว่า [b]"ประเทศไทยก็เหมือนที่อื่นๆ ในโลก ที่ผู้หญิงเข้ามามีส่วนร่วมและเป็นผู้นำทางการเมืองอยู่น้อย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการเลือกปฏิบัติต่อผู้หญิงและวัฒนธรรมทางการเมืองที่ลดค่าของผู้หญิง[/b] ตลอดจนเป็นอุปสรรคต่อการสร้างผลงาน ผู้หญิงจำนวนไม่น้อยลังเลที่จะเข้าสู่เส้นทางการเมืองเพราะเกรงว่าจะถูกคุก คาม กลั่นแกล้ง และเหยียดหยาม เพราะเหตุแห่งทางเพศและความเป็นผู้หญิง ด้วยเหตุนี้ การเพิ่มการมีส่วนร่วมทางการเมืองของผู้หญิงจึงเป็นเครื่องบ่งชี้ประการ หนึ่งว่ามีความเสมอภาคระหว่างเพศหรือไม่ อนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบ (CEDAW) ซึ่งประเทศไทยเข้าเป็นภาคีตั้งแต่ปี 2528 เรียกร้องให้มีการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อผู้หญิงในบทบาทสาธารณะและบทบาททางการเมือง [b]การเลือกปฏิบัติดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อมีการกล่าวถึงหรือปฏิบัติต่อผู้หญิง อย่างไม่เป็นธรรม โดยมีเจตนาหรือส่งผลที่จะจำกัดหรือทำให้ผู้หญิงไม่สามารถเข้าถึงสิทธิมนุษย ชน และอยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรีเพราะเหตุแห่งเพศ"[/b]
[b]"ความเสียเปรียบข้างต้นจะขจัดให้หมดไปได้ ก็ต่อเมื่อรัฐ ชุมชน และปัจเจกบุคคล จะต้องเปลี่ยนแบบแผนความประพฤติทางสังคมและวัฒนธรรมของผู้ชายและผู้หญิง[/b] ซึ่งอยู่บนพื้นฐานของความคิดเกี่ยวกับความต่ำต้อยหรือความสูงส่งของอีกเพศ หนึ่ง ในบริบทสถานการณ์ทางการเมืองของประเทศไทยในปัจจุบัน นับเป็นความน่ากังวลอย่างยิ่งยวด ที่ได้พบว่ามีการใช้ภาษาที่เหยียดหยามก้าวร้าวต่อผู้หญิงด้วยเหตุแห่งเพศและ ความเป็นผู้หญิงเพื่อแต้มต่อในวาระทางการเมือง ข้อความแสดงความเห็นและภาพอันมีเนื้อหาดูถูกเหยียดหยามทางเพศและหลู่เกียรติ ลดค่าของผู้หญิง ด้วยเหตุแห่งเพศและบทบาทของความเป็นผู้หญิงนี้ ไม่ควรจะเป็นที่อดทน และไม่ควรได้รับการส่งเสริม ประเทศไทยมีความก้าวหน้าอยู่มาก ทั้งในด้านกฎหมายและนโยบายเพื่อสร้างหลักประกันส่งเสริมให้ผู้หญิงมีพลังและ สร้างความเสมอภาคระหว่างเพศ [b]ความก้าวหน้าดังกล่าวจะเพิ่มขยายต่อไปได้ ต่อเมื่อผู้หญิงจำนวนมากขึ้นเข้ามามีส่วนร่วมและมีบทบาทสร้างสรรค์กระบวนการ ทางการเมืองและการบริหารจัดการทั้งในพื้นที่สาธารณะและพื้นที่ส่วนตัว เพื่อให้สิ่งเหล่าเกิดขึ้นได้ เราต้องมีสภาวะแวดล้อมที่เคารพในสิทธิและศักดิ์ศรีของทุกๆ คน" [/b]นางโรเบอร์ต้ากล่าว
ผู้หญิงแต่งตัวแฟชั่น