การปฏิรูปการเมืองต้องอาศัยการปฏิรูปกิจการยุติธรรม
เปรียบเสมือน คนไทยที่หุงข้าวเป็น ทำกับข้าวเป็น อยู่ที่ไหนก็ดัดแปลงสิ่งของรอบตัวมารับใช้การหาอยู่หากินได้ โดยไม่ยุ่งยากขัดเขิน [b]ถ้าคนไทยรู้จักและเข้าใจกลไกของความเป็นธรรมถึงขั้นรู้ได้ใช้เป็น บังคับสิทธิของตนเองได้ การปฏิรูปการเมือง การปฏิรูปสังคม และการทำให้เกิดเป็นจริงในทางปฏิบัติจึงจะเกิดขึ้นได้[/b] และเกิดผลสะเทือนต่อเนื่องผลักดันให้สังคมเปลี่ยนแปลงไปทั้งสังคมได้
[b]หัวใจ ของการปฏิรูปการเมืองจึงอยู่ที่การปฏิรูปความรู้ความเข้าใจ และความเชื่อมั่นต่อความเป็นธรรม[/b] การเข้าถึงความเป็นธรรม และการบังคับสิทธิให้เกิดความเป็นธรรมได้ด้วยน้ำมือของประชาชนเอง
[b]คำถามหลักของการปฏิรูปจึงอยู่ที่ว่า: ทำอย่างไรจึงจะทำให้ระบบกฎหมายและความเป็นธรรมอันควรจะเป็นรากฐานของสังคม และองคาพยพของรัฐในปัจจุบันและอนาคตจึงจะไม่เป็นของไกลตัว[/b] แต่เป็นจริงชนิดที่รู้สึกได้และดำรงอยู่ในชีวิตประจำวันของชาวไทยอย่างมี ชีวิตชีวา ไม่เฉื่อยชา ถูกบิดเบือน และใช้เป็นเครื่องมือในทางทุจริตได้โดยง่ายอย่างที่ปรากฏอยู่ในเวลานี้?
เพื่อ ตอบคำถามนี้ จะต้องมีการกำหนดเจตจำนงทางการเมืองอันแน่วแนที่จะดำเนินการทั้งปวงเพื่อ ผลักดันการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมให้การปกครองโดยกฎหมายซึมซับเข้าไปสู่ สังคมไทยจนกลายเป็น “เลือดและเนื้อ” ของชาวไทยให้ได้ [b]การปฏิรูปเช่นนี้จะมีได้ภายใต้หลักการสำคัญอย่างน้อย 3 ประการ “สร้าง กระบวนการยุติธรรมที่สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน” [/b] ด้วยการขยายโอกาสเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม และเสริมสร้างเครือข่ายให้ความช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมายครั้งใหญ่ [b] “สร้างกลไกยุติธรรมถ้วนหน้า” [/b] เพื่อให้ประชาชนเห็นประจักษ์ว่า กระบวนการยุติธรรมนั้นไม่ห่างเหินประชาชน ลึกลับหรือเข้าใจยาก แต่เป็นกระบวนการที่ใช้ง่าย เข้าใจง่าย และไว้ใจได้
มือประสาน