"อังคณา วังทอง" พยาบาลจิตเวช รุกหน้างานสุขภาพจิต เยียวยาใจผู้ได้รับผลกระทบ
[/p]
จากการเป็นพยาบาลประจำห้องฉุกเฉิน ต้องคอยรับรักษาผู้บาดเจ็บจากสถานการณ์[b] ความไม่สงบที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และภาพความเศร้าเสียใจจากการสูญเสียที่เกิดขึ้นซ้ำซาก จึงเห็นความจำเป็นของงานเยียว ยาด้านจิตใจ ประกอบกับความสนใจงานด้านจิตเวชที่เป็นทุนอยู่เดิม[/b] กลายเป็นแรงผลักดันให้ “นางอังคณา วังทอง พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ หัวหน้าศูนย์เยียวยาฟื้นฟูสุขภาพจิต โรงพยาบาลหนองจิก จ.ปัตตานี” หันมาทำงานเยียวยาฟื้นฟูจิตใจอย่างจริงจัง
"ปกติโรงพยาบาลชุมชนทั่วไปจะไม่เน้นงานจิตเวช ไม่มีพยาบาลจิตเวช และนักจิตวิทยาประจำอยู่ แต่จากเหตุการณ์ไฟใต้ ทำให้กลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับโรงพยาบาลหนองจิก [b] จึงเลือกเรียนต่อและเป็นพยาบาลจิตเวชที่นี่"[/b] นางอังคณา เริ่มต้นเล่า และบอกว่า ทันทีที่มีคนถูกยิง แน่นอนเราต้องเร่งช่วยชีวิต รักษาทางกายเพื่อให้พ้นวิกฤตก่อน จากนั้นจึง เป็นการเยียวยาจิตใจที่เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ซึ่งการรักษาทางใจไม่เหมือน ทางกายที่ฉีดยากินยาแล้วหาย แต่ต้องใช้ระยะเวลา งานติดตามดูแลผู้ป่วยจึงถือเป็นเรื่องสำคัญ
นางอังคณา กล่าวว่า แนวทางการเยียวยาจิตใจ [b]ช่วงแรกที่ประสบเหตุการณ์รุนแรง ผู้ป่วยยังรับต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ ชอบอยู่คนเดียว มีอารมณ์หงุดหงิด ฉุนเฉียว และมีภาวะซึมเศร้า ต้องใช้เวลาในการทำใจ เราจึงต้องเข้าใจพร้อมให้กำลังใจ ซึ่งหลังจากผู้ป่วยออกจากโรงพยาบาลแล้ว งานยังไม่จบเพียงเท่านั้น ยังต้อง ตามเยี่ยมบ้านอย่างต่อเนื่อง[/b]เพื่อดูแลและประเมินสภาพจิตใจ ซึ่งจากความช่วย เหลือของทุกฝ่าย เมื่อเวลาผ่านไปผู้ป่วยจะค่อยๆ ดีขึ้น ยอมรับความจริงได้มากขึ้น แม้แต่ผู้ป่วยที่อยู่ในภาวะอัมพาต ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ก็ตาม ทั้งนี้ยอม รับว่างานด้านสุขภาพจิตเป็นงานที่ซับซ้อน ใช้ศิลปะ การรักษาทางใจยากกว่าการรักษาทางกาย แต่หากทำสำเร็จจะช่วยให้คนๆ หนึ่งกลับมาใช้ชีวิตที่เป็นสุขได้
"มีรายหนึ่งเป็นผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บร้ายแรงจากเหตุการณ์ความไม่สงบ ทำให้เป็นอัมพฤตต้องนอนติดเตียง ใส่เครื่องช่วยหายใจตลอดเวลา ทั้งที่อายุไม่มาก เกิดความท้อแท้ในชีวิต ซึมเศร้า บางครั้งหงุดหงิด ฉุนเฉียว หลังจากที่นอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลและแพทย์ลงความเห็นว่าให้กลับ [b]บ้านสิ่งที่ช่วยเหลือคือทำให้เขาสามารถอยู่บ้านได้อย่างสบายที่สุด ดังนั้น เราจึงเข้าไปดูที่บ้าน ปรับภูมิทัศน์ให้เหมาะสม อย่างน้อยก็ช่วยให้เขารู้สึกดีขึ้นได้บ้าง ไม่ได้ถูกทอดทิ้ง” [/b] นางอังคณา กล่าว
ในการบำบัดจิตใจนั้น หัวหน้าศูนย์เยียวยาฟื้นฟูสุขภาพจิต โรงพยาบาลหนองจิก บอกว่า [b]สิ่งหนึ่งที่ช่วยให้ผู้ป่วยมีสภาวะจิตใจดีขึ้น คือการใช้ศาสนาบำบัด [/b]ซึ่ง ทุกคนต่างมีศาสนาที่ต่างยึดถือกันอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น พุทธ คริสต์ และอิสลาม เป็นต้น ช่วยให้ผู้ป่วยยอมรับความเป็นจริงที่เกิดขึ้น ซึ่งผู้ป่วยรายนี้ เป็นชาวมุสลิม เราจึงได้นำคำอ่านคัมภีร์อัลกุรอานอัดเสียงลงในแฮนดี้ไดรฟ์ให้ฟัง ซึ่งล่าสุดแม้ว่าอาการทางกายจะคงที่ รักษาไม่ได้ แต่จิตใจของผู้ป่วยสงบลง และมองว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นแค่บททดสอบจาก พระเจ้าว่าเราจะยอมรับได้แค่ไหน
[b]ไม่แต่เฉพาะกับผู้ป่วยที่เป็นผู้บาดเจ็บเท่านั้นที่ต้องได้ รับการเยียวยาด้านจิตใจ ญาติผู้เสียชีวิตและญาติผู้บาดเจ็บเองเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบ และต้องการ การดูแลพร้อมกำลังใจเช่นกัน [/b]เพื่อให้สามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้ ไม่ว่าจะเป็น พ่อ แม่ ภรรยา และลูกๆ ซึ่งมีจำนวนไม่น้อยที่เกิดภาวะซึมเศร้า ขาดที่พึ่ง ต้องการความช่วยเหลือ และมีจำนวนไม่น้อยที่ต้องกลายเป็นผู้รองรับอารมณ์ผู้ ป่วยและผู้พิการจาก เหตุการณ์ความรุนแรง ด้วยเหตุนี้ [b]การทำงานเชิงรุกเพื่อเยียวยาจิตใจจึงเริ่มต้นเน้นไปที่กลุ่มหญิงหม้ายที่สูญเสียสามีจากเหตุการณ์ความรุนแรง จึงมีการจัดตั้ง "กลุ่มแกนนำสตรีผู้สูญเสีย"[/b] เพื่อให้เกิดการรวมกลุ่มช่วยเหลือกัน สร้างความเข้มแข็ง เป็นกำลังใจให้กันและกัน ซึ่งในช่วงแรกที่ประสบเหตุการณ์ต่างรู้สึกช็อก เครียดกังวล เพราะส่วนใหญ่เป็นแม่บ้าน ไม่มีรายได้ จึงกังวลต่ออนาคตเพราะขาดผู้นำครอบครัว ทำให้เก็บตัวเงียบ ชอบอยู่คนเดียว โดยเราจะออกไปเยี่ยมบ้านเป็นประจำเพื่อให้รู้ว่า เขาไม่ได้ถูกทิ้งโดดเดี่ยวและพยายามดึงเข้ากลุ่ม
[b]"การรวมกลุ่มผู้ที่ ประสบปัญหาเดียวกันจะทำให้มีเพื่อนพูดคุย ทำให้รับรู้ว่ายังมีคนที่เจอเหตุ การณ์เหมือนกัน มีทางระบายออก[/b] ซึ่งการที่แลกเปลี่ยนพูดคุยกันเองจะดีกว่าคุยกับเรา เพราะต่างเข้าใจกัน อีกทั้งด้วยที่เราเป็นข้าราชการอาจทำให้เกิดความรู้สึก เกรงใจ ไม่กล้ารบกวน" นางอังคณา กล่าว และบอกต่อว่า [b]ต่อมาจึงได้ขยายการดูแลต่อไปยังกลุ่มเด็ก และเยาวชน เพราะเป็นกลุ่มที่มีปัญหาผลพวงจากความรุนแรงเช่นกัน[/b] บางคนกลายเป็นเด็กกำพร้าที่ขาด พ่อขาดแม่ เป็นเด็กมีปัญหา ชอบตามเพื่อน และติดยาเสพติด ซึ่งการแก้ไขปัญหาเด็กและเยาวชนยังเป็นการช่วย ลดความเครียดให้กับแม่ด้วย โดยเราจะค่อยๆ เข้าพูดคุยเหมือนเราเป็นเพื่อนเป็นญาติ เพื่อดึงเขากลับมา
หัวหน้าศูนย์เยียวยาฟื้นฟูสุขภาพจิต โรงพยาบาลหนองจิก จ.ปัตตานี เล่าต่อว่า [b]จากสถานการณ์ความไม่สงบที่มีผู้บาดเจ็บเกิดขึ้นรายวัน ทำให้จำนวนผู้ที่ต้องได้รับการดูแลและเยียวยาด้านจิตใจเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง[/b] ซึ่งต้องเข้าใจว่าขณะที่เราดูแลผู้ป่วยรายใหม่ ผู้ป่วยรายเก่ายังต้องดูแล ต่อเนื่องละทิ้งไม่ได้ เพราะความเจ็บป่วยทางจิตใจอาจเป็นซ้ำขึ้นมาเมื่อไหร่ ก็ได้ หากมีเหตุการณ์ที่เข้ามากระทบจิตใจ ทำให้งานด้านเยียวยาจิตใจนับวันมี แต่จะเพิ่มมากขึ้น ซึ่งอำเภอหนอกจิกมีประชากร 80,000 คน ขณะเดียวกัน ที่โรงพยาบาลหนองจิกมีพยาบาลจิตเวช 1คน และนักจิตวิทยา 2 คน ทำอย่างไรการดูแลคงไม่ทั่วถึง
“ทุกครั้งที่มีเหตุระเบิด มีเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้น มักจะรู้สึกว่ามีผู้ได้รับผลกระทบที่ต้องได้รับการเยียวยาเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็น [b]ห่วงว่าจะทำงานไม่ทัน ดูแลได้ไม่ดีพอ เพราะเราต้องดูแลทั้งผู้ป่วยรายเก่า ผู้ป่วยรายใหม่ ทำให้ต้องมีการวางแผนการทำงานที่เป็นระบบ” [/b]
กลุ่มแม่บ้านปักใต้กำลังทำขนม