ศาลฎีกาพิพากษาโรงพยาบาลขอนแก่นราม ชดใช้ค่าเสียหายกรณี “น้องบูบู้” พิการทางสมอง

แสดงความคิดเห็น

สิ้นสุดแล้ว คดีแม่น้องบูบู้ ฟ้องกุมารแพทย์และโรงพยาบาลขอนแก่นราม เหตุประมาทจนเกิดผิดพลาดในการรักษาเด็กทำให้สมองพิการและเสียชีวิตในเวลาต่อมา ศาลฎีกายืนตามศาลอุทธรณ์ให้โรงพยาบาลขอนแก่นรามและแพทย์ชดใช้ค่ารักษา 7 แสน ค่าปลงศพ 8 หมื่น แม่เด็กยันไม่อยากฟ้องหมอ แต่รู้สึกไม่ดีที่แพทย์และโรงพยาบาลไม่มีแม้แต่คำขอโทษ

วันที่ 26 มี.ค.56 ที่ศาลจังหวัดขอนแก่น ผู้พิพากษาได้นั่งบังลังก์พิจารณาคดีแพ่ง ที่นางจาฏุพัจน์ พงษ์ธีรมิตร ฟ้องร้องโรงพยาบาลขอนแก่นราม และแพทย์กุมารเวชศาสตร์ ฐานละเมิดทำให้ ด.ญ.นัทธมนต์ พงษ์ธีรมิตร หรือน้องบูบู้ พิการทางสมอง และเสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยศาลฎีกาได้วินิจฉัยยืนตามชั้นอุทธรณ์ ให้จำเลยรับผิดชอบค่าเสียหายในช่วงเวลาที่รักษา ด.ญ.นัทธมนต์เป็นเงิน 700,000 บาท และค่าปลงศพอีก 80,000 บาท

ทั้งนี้ คดีดังกล่าวนางจาฏุพัจน์ได้ยื่นฟ้องโรงพยาบาลขอนแก่นราม และแพทย์ที่รักษาน้องบูบู้มาตั้งแต่วันที่ 29 ธันวาคม 2541 ฐานนำแพทย์มารักษาบุตรสาวไม่ได้มาตรฐานทางการแพทย์ เป็นเหตุให้น้องบูบู้เสียชีวิต โดยประมาณปี 2547 ศาลชั้นต้นได้พิพากษาคดี ระบุว่าจำเลยทั้งสองได้กระทำความผิดจริงตามฟ้อง กระทำการประมาทเลินเล่อ หรือเป็นการละเมิดต่อโจทก์ พิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันรับผิดชอบ ชดใช้สินไหมทดแทนให้โจทก์เป็นเงิน 1,580,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 นับตั้งแต่วันฟ้องวันที่ 29 ธันวาคม 2541 ต่อมาทางโรงพยาบาลขอนแก่นรามยื่นอุทธรณ์ ซึ่งศาลตัดสินให้จำเลยรับผิดชอบค่าเสียหายช่วงเวลาที่รักษา ด.ญ.นัทธมนต์ เป็นเงิน 700,000 บาท และค่าปลงศพ 80,000 บาท

คำพิพากษาถือเป็นการสิ้นสุดคดีสะเทือนใจของชาวขอนแก่น ที่นางจาฏุพัจน์ได้ใช้เวลาต่อสู้นานกว่า 15 ปี แม้ว่าน้องบูบู้จะเสียชีวิตไปตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม 2545 แต่ก็ยังต่อสู้ กระทั่งศาลฎีกาพิพากษาให้โรงพยาบาลและแพทย์รับผิดชอบ ทำให้นางจาฏุพัจน์ถึงกับหลั่งน้ำตาออกมา พร้อมกับสามีและพี่สาวของน้องบูบู้ที่มาฟังคำตัดสินด้วยกัน

นางจาฏุพัจน์กล่าวว่า ที่จริงไม่อยากฟ้องร้องโรงพยาบาลและแพทย์ แต่ที่ผ่านมาแพทย์และโรงพยาบาลไม่แสดงความรับผิดชอบต่อการรักษาผิดพลาด เคยสอบถามแพทย์ที่รักษากลับได้รับคำตอบว่ารักษาดีที่สุดแล้ว อยากได้ค่ารักษาให้ฟ้องร้องเอา ทำให้รู้สึกไม่ดีกับคำตอบที่ไร้ความรับผิดชอบ ไม่มีแม้คำขอโทษ ไม่นึกถึงความรู้สึกของคนเป็นแม่ จึงได้ฟ้องร้องเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงว่ากุมารแพทย์และโรงพยาบาลขอนแก่นรามมีความผิดพลาดในการรักษาจนทำให้น้องบูบู้ต้องพิการทางสมองและเสียชีวิต

“เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2541 ได้ไปคลอดน้องบูบู้ที่โรงพยาบาลขอนแก่นราม พักฟื้นอยู่ 3 วัน น้องบูบู้มีอาการตัวเหลือง จึงได้เข้ารับการรักษาตัวด้วยการฉายไฟ 2 วัน จากนั้นแพทย์ได้อนุญาตให้กลับได้ในวันที่ 10 มกราคม ต่อมาวันที่ 12 มกราคมสังเกตเห็นว่าน้องบูบู้มีอาการตัวเหลืองจึงนำเข้ารักษาตัวที่เข้าโรงพยาบาลขอนแก่นรามอีกครั้ง โดยแพทย์นำตัวเข้าตู้อบ ไม่อนุญาตให้ญาติอยู่กับคนไข้ และให้สอบถามอาการทางโทรศัพท์ จนเวลา 07.00 น.วันที่ 13 มกราคม ทางโรงพยาบาลได้โทรศัพท์มาบอกว่าน้องบูบู้มีอาการตัวเหลืองมากจะต้องเปลี่ยนเลือด จึงเดินทางไปโรงพยาบาล และแพทย์ได้เปลี่ยนเลือดให้เวลา 10.00 น. และเพิ่มเลือดอีกครั้งในเย็นวันเดียวกัน”

นางจาฎุพัจน์กล่าวว่า วันที่ 13 มกราคม น้องบูบู้เกิดอาการเลือดออกในปอด แพทย์เวรช่วยได้ทัน และรักษาตัวที่โรงพยาบาลต่ออีก 16 วัน แพทย์บอกว่าอาการเป็นปกติแล้ว จึงอนุญาตให้กลับบ้านได้ เวลาผ่านไป 2-3 เดือนเห็นว่าลูกสาวคอไม่ตั้ง ไม่มีพัฒนาการเหมือนเด็กทั่วไป จึงนำไปพบแพทย์อีกครั้งแต่ไม่สามารถรักษาได้จึงได้พาไปรักษาที่โรงพยาบาลอื่นอีกหลายแห่ง

“สุดท้ายได้ไปรักษาที่โรงพยาบาลรามาธิบดี ที่กรุงเทพฯ แพทย์ระบุว่าเด็กสมองพิการ เพราะเกิดจากอาการตัวเหลือง เด็กต้องเปลี่ยนเลือดทันที แต่กลับปล่อยให้ตัวเหลืองมากเกินไปแล้วจึงเปลี่ยนเลือดทำให้สมองเด็กพิการ เด็กต้องอยู่อย่างลำบาก ต้องควบคุมอุณหภูมิ และมักแพ้แมลงง่าย ถึงที่สุดน้องบูบู้ได้เสียชีวิตเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2545”

นางจาฏุพัจน์กล่าวว่า คดีนี้ตนได้นำประวัติเวชระเบียนคนไข้จากโรงพยาบาลขอนแก่นรามไปเป็นหลักฐานยื่นฟ้อง ซึ่งศาลได้พิจารณาจากผลเลือดของเด็กที่เข้ารับการรักษาเมื่อวันที่ 12 มกราคม 2541 ที่มีอาการตัวเหลือง โดยผลเลือดชี้ชัดว่าเลือดน้องบูบู้มีสารเหลืองเกินปกติ จำเป็นต้องเปลี่ยนเลือดทันที แต่แพทย์กลับให้เข้าตู้อบก่อน จนเป็นเหตุให้สมองถูกสารเหลืองทำลายค่อนข้างมาก จนเป็นเหตุให้พิการทางสมองในที่สุด(ASTVผู้จัดการออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 26 มี.ค.56 )

ขอบคุณ... http://manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9560000036712 (ขนาดไฟล์: 185)

ที่มา: ASTVผู้จัดการออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 26 มี.ค.56
วันที่โพสต์: 27/03/2556 เวลา 09:30:23 ดูภาพสไลด์โชว์ ศาลฎีกาพิพากษาโรงพยาบาลขอนแก่นราม ชดใช้ค่าเสียหายกรณี “น้องบูบู้” พิการทางสมอง

แสดงความคิดเห็น

รอตรวจสอบ
จัดฟอร์แม็ต ดูการแสดงผล

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

ยกเลิก

รายละเอียดกระทู้

(นางจาฎุพัจน์ พงษ์ธีรมิตร พร้อมด้วยสามี และพี่สาวน้องบูบู้ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว หลังศาลฎีกาจังหวัดขอนแก่นตัดสินคดีที่ต่อสู้มายาวนานกว่า 15 ปี) (นางจาฎุพัจน์ โชว์รูปถ่ายน้องบูบู้ ที่เสียชีวิตไปแล้วเมื่อ 16 ต.ค.45) (ภาพหมู่นางจาฎุพัจน์ พงษ์ธีรมิตร พร้อมด้วยสามี และพี่สาวน้องบูบู้ พร้อมผู้สื่อข่าว) สิ้นสุดแล้ว คดีแม่น้องบูบู้ ฟ้องกุมารแพทย์และโรงพยาบาลขอนแก่นราม เหตุประมาทจนเกิดผิดพลาดในการรักษาเด็กทำให้สมองพิการและเสียชีวิตในเวลาต่อมา ศาลฎีกายืนตามศาลอุทธรณ์ให้โรงพยาบาลขอนแก่นรามและแพทย์ชดใช้ค่ารักษา 7 แสน ค่าปลงศพ 8 หมื่น แม่เด็กยันไม่อยากฟ้องหมอ แต่รู้สึกไม่ดีที่แพทย์และโรงพยาบาลไม่มีแม้แต่คำขอโทษ วันที่ 26 มี.ค.56 ที่ศาลจังหวัดขอนแก่น ผู้พิพากษาได้นั่งบังลังก์พิจารณาคดีแพ่ง ที่นางจาฏุพัจน์ พงษ์ธีรมิตร ฟ้องร้องโรงพยาบาลขอนแก่นราม และแพทย์กุมารเวชศาสตร์ ฐานละเมิดทำให้ ด.ญ.นัทธมนต์ พงษ์ธีรมิตร หรือน้องบูบู้ พิการทางสมอง และเสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยศาลฎีกาได้วินิจฉัยยืนตามชั้นอุทธรณ์ ให้จำเลยรับผิดชอบค่าเสียหายในช่วงเวลาที่รักษา ด.ญ.นัทธมนต์เป็นเงิน 700,000 บาท และค่าปลงศพอีก 80,000 บาท ทั้งนี้ คดีดังกล่าวนางจาฏุพัจน์ได้ยื่นฟ้องโรงพยาบาลขอนแก่นราม และแพทย์ที่รักษาน้องบูบู้มาตั้งแต่วันที่ 29 ธันวาคม 2541 ฐานนำแพทย์มารักษาบุตรสาวไม่ได้มาตรฐานทางการแพทย์ เป็นเหตุให้น้องบูบู้เสียชีวิต โดยประมาณปี 2547 ศาลชั้นต้นได้พิพากษาคดี ระบุว่าจำเลยทั้งสองได้กระทำความผิดจริงตามฟ้อง กระทำการประมาทเลินเล่อ หรือเป็นการละเมิดต่อโจทก์ พิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันรับผิดชอบ ชดใช้สินไหมทดแทนให้โจทก์เป็นเงิน 1,580,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 นับตั้งแต่วันฟ้องวันที่ 29 ธันวาคม 2541 ต่อมาทางโรงพยาบาลขอนแก่นรามยื่นอุทธรณ์ ซึ่งศาลตัดสินให้จำเลยรับผิดชอบค่าเสียหายช่วงเวลาที่รักษา ด.ญ.นัทธมนต์ เป็นเงิน 700,000 บาท และค่าปลงศพ 80,000 บาท คำพิพากษาถือเป็นการสิ้นสุดคดีสะเทือนใจของชาวขอนแก่น ที่นางจาฏุพัจน์ได้ใช้เวลาต่อสู้นานกว่า 15 ปี แม้ว่าน้องบูบู้จะเสียชีวิตไปตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม 2545 แต่ก็ยังต่อสู้ กระทั่งศาลฎีกาพิพากษาให้โรงพยาบาลและแพทย์รับผิดชอบ ทำให้นางจาฏุพัจน์ถึงกับหลั่งน้ำตาออกมา พร้อมกับสามีและพี่สาวของน้องบูบู้ที่มาฟังคำตัดสินด้วยกัน นางจาฏุพัจน์กล่าวว่า ที่จริงไม่อยากฟ้องร้องโรงพยาบาลและแพทย์ แต่ที่ผ่านมาแพทย์และโรงพยาบาลไม่แสดงความรับผิดชอบต่อการรักษาผิดพลาด เคยสอบถามแพทย์ที่รักษากลับได้รับคำตอบว่ารักษาดีที่สุดแล้ว อยากได้ค่ารักษาให้ฟ้องร้องเอา ทำให้รู้สึกไม่ดีกับคำตอบที่ไร้ความรับผิดชอบ ไม่มีแม้คำขอโทษ ไม่นึกถึงความรู้สึกของคนเป็นแม่ จึงได้ฟ้องร้องเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงว่ากุมารแพทย์และโรงพยาบาลขอนแก่นรามมีความผิดพลาดในการรักษาจนทำให้น้องบูบู้ต้องพิการทางสมองและเสียชีวิต “เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2541 ได้ไปคลอดน้องบูบู้ที่โรงพยาบาลขอนแก่นราม พักฟื้นอยู่ 3 วัน น้องบูบู้มีอาการตัวเหลือง จึงได้เข้ารับการรักษาตัวด้วยการฉายไฟ 2 วัน จากนั้นแพทย์ได้อนุญาตให้กลับได้ในวันที่ 10 มกราคม ต่อมาวันที่ 12 มกราคมสังเกตเห็นว่าน้องบูบู้มีอาการตัวเหลืองจึงนำเข้ารักษาตัวที่เข้าโรงพยาบาลขอนแก่นรามอีกครั้ง โดยแพทย์นำตัวเข้าตู้อบ ไม่อนุญาตให้ญาติอยู่กับคนไข้ และให้สอบถามอาการทางโทรศัพท์ จนเวลา 07.00 น.วันที่ 13 มกราคม ทางโรงพยาบาลได้โทรศัพท์มาบอกว่าน้องบูบู้มีอาการตัวเหลืองมากจะต้องเปลี่ยนเลือด จึงเดินทางไปโรงพยาบาล และแพทย์ได้เปลี่ยนเลือดให้เวลา 10.00 น. และเพิ่มเลือดอีกครั้งในเย็นวันเดียวกัน” นางจาฎุพัจน์กล่าวว่า วันที่ 13 มกราคม น้องบูบู้เกิดอาการเลือดออกในปอด แพทย์เวรช่วยได้ทัน และรักษาตัวที่โรงพยาบาลต่ออีก 16 วัน แพทย์บอกว่าอาการเป็นปกติแล้ว จึงอนุญาตให้กลับบ้านได้ เวลาผ่านไป 2-3 เดือนเห็นว่าลูกสาวคอไม่ตั้ง ไม่มีพัฒนาการเหมือนเด็กทั่วไป จึงนำไปพบแพทย์อีกครั้งแต่ไม่สามารถรักษาได้จึงได้พาไปรักษาที่โรงพยาบาลอื่นอีกหลายแห่ง “สุดท้ายได้ไปรักษาที่โรงพยาบาลรามาธิบดี ที่กรุงเทพฯ แพทย์ระบุว่าเด็กสมองพิการ เพราะเกิดจากอาการตัวเหลือง เด็กต้องเปลี่ยนเลือดทันที แต่กลับปล่อยให้ตัวเหลืองมากเกินไปแล้วจึงเปลี่ยนเลือดทำให้สมองเด็กพิการ เด็กต้องอยู่อย่างลำบาก ต้องควบคุมอุณหภูมิ และมักแพ้แมลงง่าย ถึงที่สุดน้องบูบู้ได้เสียชีวิตเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2545” นางจาฏุพัจน์กล่าวว่า คดีนี้ตนได้นำประวัติเวชระเบียนคนไข้จากโรงพยาบาลขอนแก่นรามไปเป็นหลักฐานยื่นฟ้อง ซึ่งศาลได้พิจารณาจากผลเลือดของเด็กที่เข้ารับการรักษาเมื่อวันที่ 12 มกราคม 2541 ที่มีอาการตัวเหลือง โดยผลเลือดชี้ชัดว่าเลือดน้องบูบู้มีสารเหลืองเกินปกติ จำเป็นต้องเปลี่ยนเลือดทันที แต่แพทย์กลับให้เข้าตู้อบก่อน จนเป็นเหตุให้สมองถูกสารเหลืองทำลายค่อนข้างมาก จนเป็นเหตุให้พิการทางสมองในที่สุด(ASTVผู้จัดการออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 26 มี.ค.56 ) ขอบคุณ... http://manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9560000036712

จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย

  1. เพิ่ม
  2. เพิ่ม ลบ
  3. เพิ่ม ลบ
  4. เพิ่ม ลบ
  5. เพิ่ม ลบ
  6. เพิ่ม ลบ
  7. เพิ่ม ลบ
  8. เพิ่ม ลบ
  9. เพิ่ม ลบ
  10. ลบ
เลือกการตกแต่งที่ต้องการ

ตกลง ยกเลิก

รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)

Waiting...