ทึ่งลุงตาบอด 2 ข้างฮึดสู้ สานแหขายช่วยครอบครัว เผยถูกเมียทิ้งจนท้อ แทบไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อ

แสดงความคิดเห็น

นายสมาน ชุ่มใหญ่ อายุ 57 ปี พิการตาบอด 2 ข้าง กำลังสานแห

เมื่อวันที่ 13 มิ.ย. นายสุรพันธ์ ศิลปสุวรรณ นายอำเภอครบุรี จ.นครราชสีมา พร้อมด้วยนายมะลิ จรครบุรี กำนันตำบลโคกกระชาย เดินทางไปที่บ้านเลขที่ 55 หมู่ 11 ต.จระเข้หิน อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา เพื่อเยี่ยมเยียนให้กำลังใจครอบครัวของ นายสมาน ชุ่มใหญ่ อายุ 57 ปี ผู้พิการทางตาบอดทั้งสองข้าง ซึ่งเป็นผลพวงจากการผ่าตัดเนื้องอกในสมองตั้งแต่ปี 2540 ที่ผ่านมา แต่ยังคงมีกำลังใจล้นเปี่ยมที่จะต่อสู้ชีวิต อีกทั้งยังมีความสามารถที่ไม่น่าเชื่อ คือสามารถ ปะ ชุน รวมถึงสานแหได้อย่างพิถีพิถัน และใช้งานได้อย่างดีเยี่ยม เป็นที่ชื่นชอบของบรรดาชาวประมงในพื้นที่ ซึ่งมาใช้บริการสั่งซื้อ สั่งทำแหจากนายสมาน เป็นประจำ

นายสมาน ชุ่มใหญ่ อายุ 57 ปี พิการตาบอด 2 ข้าง กำลังสานแห

ซึ่งแหแต่ละปากนายสมาน ต้องใช้ระยะเวลาทำนานกว่า 2 เดือน แต่คิดราคาถูกกว่าท้องตลาดเพียงปากละ 700-1,000 บาทเท่านั้น แล้วแต่ขนาด โดยนายสมาน บอกว่าถึงแม้จะเป็นค่าตอบแทนที่ไม่มากมายนัก แต่ก็ยังภูมิใจที่แม้ว่าตัวเองจะตาบอด ก็ยังสามารถหาเงินช่วยเหลือจุนเจือครอบครัวได้ และมีกำลังใจที่จะใช้ชีวิตอยู่ต่อไปในสังคมได้อย่างภาคภูมิ นอกจากนี้นายสมาน ยังทำงานบ้านต่างๆ ช่วยเหลือตัวเองได้เหมือนคนปกติ และยังดูหนังดูละครได้อย่างมีอรรถรส โดยอาศัยน้องสาวคอยบอกว่าเสียงที่ได้ยินเป็นเสียงตัวละครตัวใด และอาศัยการจดจำเสียงและประติดประต่อเรื่องราวด้วยตนเอง

นายสมาน เปิดใจว่า เมื่อครั้งเริ่มแรกที่ตาบอดมีความรู้สึกว่าสูญเสียสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตไปแล้ว และยังต้องมาถูกภรรยาทอดทิ้งหนีไปอีก จึงทำให้เกิดความท้อใจจนแทบไม่อยากจะมีชีวิตอยู่อีกต่อไป แต่หลังจากมรสุมชีวิตผ่านพ้นไป น้องสาวมารับไปอยู่ด้วย คอยปลอบโยนให้กำลังใจทำให้เกิดอึดสู้ชีวิตอีกครั้ง จึงอาศัยทักษะที่เคยปะชุนแห เมื่อครั้งเป็นลูกเรือประมงหลายสิบปีที่แล้ว มารับจ้างปะชุนแห รวมถึงหัดสานแหทั้งๆ ที่มองอะไรไม่เห็น ซึ่งต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมากและใช้ระยะเวลานานหลายเดือน จนประสบความสำเร็จ แต่แหปากแรกที่ทำได้ กลับไม่สามารถนำไปใช้งานได้จริง จึงต้องทำใหม่และใช้ความพิถีพิถันมากขึ้นจนสามารถใช้งานได้จริง และเริ่มมีเพื่อนบ้านมาช่วยอุดหนุน นำไปใช้ได้ผลดีจนเกิดมีลูกค้ามาใช้บริการเป็นประจำ

นายสมาน กล่าวอีกว่า รู้สึกภูมิใจมากที่ผลงานของตนเองเป็นที่ชื่นชอบของลูกค้า ทำให้ชีวิตของตนเองมีคุณค่า อยากจะใช้ชีวิตอยู่ต่อไปโดยไม่ทดท้อ ถึงแม้ว่าในชีวิตนี้จะสูญเสียสายตาแต่หากไม่ท้อและพยายามสู้ต่อชีวิตก็ยังคงมีความหมายเสมอ ขอบคุณทุกๆ กำลังใจทั้งจากครอบครัวคนใกล้ชิด เพื่อนบ้านและลูกค้าที่ยืนอยู่เคียงข้างเสมอมา และอยากฝากให้กำลังใจไปยังผู้พิการหรือสูญเสียอวัยวะต่าง ให้ลุกขึ้นสู้อย่ายอมแพ้ ส่วนผู้ที่มีร่างกายครบถ้วนสมบูรณ์ แต่ท้อแท้หรือกำลังคิดสั้น ก็ขอให้รับรู้ไว้ว่าปัญหาของท่านอาจจะเป็นเรื่องเล็กน้อยหากเทียบกับปัญหาของคนอื่นๆ ที่เผชิญอยู่ ดังนั้นอยากให้มองไปข้างหน้าพยายามต่อสู้กับปัญหาต่างๆ ซึ่งเชื่อว่าสักวันเราจะก้าวผ่านปัญหานั้นไปได้

ขอบคุณ... https://www.technologychaoban.com/bullet-news-today/article_21438

ที่มา: technologychaoban.comออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 13 มิ.ย.60
วันที่โพสต์: 14/06/2560 เวลา 10:38:49 ดูภาพสไลด์โชว์ ทึ่งลุงตาบอด 2 ข้างฮึดสู้ สานแหขายช่วยครอบครัว เผยถูกเมียทิ้งจนท้อ แทบไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อ

แสดงความคิดเห็น

รอตรวจสอบ
จัดฟอร์แม็ต ดูการแสดงผล

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

ยกเลิก

รายละเอียดกระทู้

นายสมาน ชุ่มใหญ่ อายุ 57 ปี พิการตาบอด 2 ข้าง กำลังสานแห เมื่อวันที่ 13 มิ.ย. นายสุรพันธ์ ศิลปสุวรรณ นายอำเภอครบุรี จ.นครราชสีมา พร้อมด้วยนายมะลิ จรครบุรี กำนันตำบลโคกกระชาย เดินทางไปที่บ้านเลขที่ 55 หมู่ 11 ต.จระเข้หิน อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา เพื่อเยี่ยมเยียนให้กำลังใจครอบครัวของ นายสมาน ชุ่มใหญ่ อายุ 57 ปี ผู้พิการทางตาบอดทั้งสองข้าง ซึ่งเป็นผลพวงจากการผ่าตัดเนื้องอกในสมองตั้งแต่ปี 2540 ที่ผ่านมา แต่ยังคงมีกำลังใจล้นเปี่ยมที่จะต่อสู้ชีวิต อีกทั้งยังมีความสามารถที่ไม่น่าเชื่อ คือสามารถ ปะ ชุน รวมถึงสานแหได้อย่างพิถีพิถัน และใช้งานได้อย่างดีเยี่ยม เป็นที่ชื่นชอบของบรรดาชาวประมงในพื้นที่ ซึ่งมาใช้บริการสั่งซื้อ สั่งทำแหจากนายสมาน เป็นประจำ นายสมาน ชุ่มใหญ่ อายุ 57 ปี พิการตาบอด 2 ข้าง กำลังสานแห ซึ่งแหแต่ละปากนายสมาน ต้องใช้ระยะเวลาทำนานกว่า 2 เดือน แต่คิดราคาถูกกว่าท้องตลาดเพียงปากละ 700-1,000 บาทเท่านั้น แล้วแต่ขนาด โดยนายสมาน บอกว่าถึงแม้จะเป็นค่าตอบแทนที่ไม่มากมายนัก แต่ก็ยังภูมิใจที่แม้ว่าตัวเองจะตาบอด ก็ยังสามารถหาเงินช่วยเหลือจุนเจือครอบครัวได้ และมีกำลังใจที่จะใช้ชีวิตอยู่ต่อไปในสังคมได้อย่างภาคภูมิ นอกจากนี้นายสมาน ยังทำงานบ้านต่างๆ ช่วยเหลือตัวเองได้เหมือนคนปกติ และยังดูหนังดูละครได้อย่างมีอรรถรส โดยอาศัยน้องสาวคอยบอกว่าเสียงที่ได้ยินเป็นเสียงตัวละครตัวใด และอาศัยการจดจำเสียงและประติดประต่อเรื่องราวด้วยตนเอง นายสมาน เปิดใจว่า เมื่อครั้งเริ่มแรกที่ตาบอดมีความรู้สึกว่าสูญเสียสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตไปแล้ว และยังต้องมาถูกภรรยาทอดทิ้งหนีไปอีก จึงทำให้เกิดความท้อใจจนแทบไม่อยากจะมีชีวิตอยู่อีกต่อไป แต่หลังจากมรสุมชีวิตผ่านพ้นไป น้องสาวมารับไปอยู่ด้วย คอยปลอบโยนให้กำลังใจทำให้เกิดอึดสู้ชีวิตอีกครั้ง จึงอาศัยทักษะที่เคยปะชุนแห เมื่อครั้งเป็นลูกเรือประมงหลายสิบปีที่แล้ว มารับจ้างปะชุนแห รวมถึงหัดสานแหทั้งๆ ที่มองอะไรไม่เห็น ซึ่งต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมากและใช้ระยะเวลานานหลายเดือน จนประสบความสำเร็จ แต่แหปากแรกที่ทำได้ กลับไม่สามารถนำไปใช้งานได้จริง จึงต้องทำใหม่และใช้ความพิถีพิถันมากขึ้นจนสามารถใช้งานได้จริง และเริ่มมีเพื่อนบ้านมาช่วยอุดหนุน นำไปใช้ได้ผลดีจนเกิดมีลูกค้ามาใช้บริการเป็นประจำ นายสมาน กล่าวอีกว่า รู้สึกภูมิใจมากที่ผลงานของตนเองเป็นที่ชื่นชอบของลูกค้า ทำให้ชีวิตของตนเองมีคุณค่า อยากจะใช้ชีวิตอยู่ต่อไปโดยไม่ทดท้อ ถึงแม้ว่าในชีวิตนี้จะสูญเสียสายตาแต่หากไม่ท้อและพยายามสู้ต่อชีวิตก็ยังคงมีความหมายเสมอ ขอบคุณทุกๆ กำลังใจทั้งจากครอบครัวคนใกล้ชิด เพื่อนบ้านและลูกค้าที่ยืนอยู่เคียงข้างเสมอมา และอยากฝากให้กำลังใจไปยังผู้พิการหรือสูญเสียอวัยวะต่าง ให้ลุกขึ้นสู้อย่ายอมแพ้ ส่วนผู้ที่มีร่างกายครบถ้วนสมบูรณ์ แต่ท้อแท้หรือกำลังคิดสั้น ก็ขอให้รับรู้ไว้ว่าปัญหาของท่านอาจจะเป็นเรื่องเล็กน้อยหากเทียบกับปัญหาของคนอื่นๆ ที่เผชิญอยู่ ดังนั้นอยากให้มองไปข้างหน้าพยายามต่อสู้กับปัญหาต่างๆ ซึ่งเชื่อว่าสักวันเราจะก้าวผ่านปัญหานั้นไปได้ ขอบคุณ... https://www.technologychaoban.com/bullet-news-today/article_21438

จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย

  1. เพิ่ม
  2. เพิ่ม ลบ
  3. เพิ่ม ลบ
  4. เพิ่ม ลบ
  5. เพิ่ม ลบ
  6. เพิ่ม ลบ
  7. เพิ่ม ลบ
  8. เพิ่ม ลบ
  9. เพิ่ม ลบ
  10. ลบ
เลือกการตกแต่งที่ต้องการ

ตกลง ยกเลิก

รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)

Waiting...