เด็กชาย 6 ขวบ มีตาสีฟ้าใส แต่หูพิการ วอนคนใจบุญช่วย

แสดงความคิดเห็น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (1 เม.ย.) ได้รับแจ้งจาก นายนพภา รักอก อายุ 55 ปี ชาวบ้านในหมู่ที่ 4 ตำบลดอนแร่ อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี ว่าหลานชายวัย 6 ขวบของตนเองมีดวงตาสีฟ้าทั้งสองข้าง และมีความใสเหมือนแก้วเพชร หรือ ตาแมว แต่การมองเห็นเหมือนคนปกติทั่วๆ ไป แต่มีความพิการทางด้านหู ที่แพทย์ระบุว่าเป็นโรคเกี่ยวกับประสาทหู ทำให้ไม่สามารถได้ยินเหมือนกับเด็กทั่วๆ และมีความเห็นว่ามีความพิการด้านการได้ยิน

เด็กชาย 6 ขวบ มีตาสีฟ้าใส

ผู้สื่อข่าวจึงได้เดินทางไปพูดคุยกับครอบครัวและเด็กชายคนดังกล่าวที่บริเวณข้างอุโบสถภายในวัดทุ่งหญ้าคมบาง ตำบลดอนแร่ อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี ซึ่งเป็นสถานที่ที่เด็กชายคนดังกล่าวจะมาเล่นเป็นประจำ โดยพบกับนายนพภา รักอก อายุ 55 ปี และนางลำเพย รักอก อายุ 52 ปี สองสามีภรรยาซึ่งเป็นยายของเด็กชายกสิเดช อินทรสุวรรณ หรือ น้องอางกูล อายุ 6 ปี เป็นลูกของนางสาวเจนจิรา รักอก อายุ 25 ปีและเป็นบุตรสาวของตนเองทำงานเป็นพนักงานบริษัทแห่งหนึ่งในเมืองราชบุรี ส่วนพ่อของเด็กแยกทางไปได้ตั้งแต่น้องกากูลยังเล็กๆ

นางลำเพย ยายของน้องอางกูล เล่าให้ฟังว่า น้องอางกูลมีดวงตาสีฟ้ามาตั้งแต่คลอดซึ่งตนเองก็คิดว่าหลานเกิดความผิดปกติที่ดวงตาหรือไม่ เพราะดวงตาน้องเป็นสีฟ้าสดทั้งสองข้างอีกทั้งยังมีความใสเหมือนแก้วเพชร จึงพยายามปรึกษาหมอตั้งแต่ต้น โดยแพทย์ได้ทำการรักษาและส่งตัวไปรักษาต่อยังแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสายตาที่โรงพยาบาลรามาธิบดี และแพทย์ได้สอบถามและซักประวัติถึงกรรมพันธุ์ที่อาจตกทอดมา

ทางครอบครัวตนเองไม่มีเชื้อสายต่างชาติ มีแต่เพียงแม่ของเด็กเท่านั้นที่มีความผิดปกติเช่นกัน ที่ดวงตาข้างหนึ่งจะเป็นสีฟ้าและดวงตาอีกข้างหนึ่งจะเป็นสีน้ำตาล ซึ่งแพทย์ก็วินิจฉัยว่าไม่พบการผิดปกติ เพราะน้องมองเห็นได้ดี จึงได้ส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลวัดไร่ขิงที่มีความเชี่ยวชาญอีกระดับทางด้านสายตาซึ่งแพทย์ก็วินิจฉัยเช่นกันว่าไม่พบความผิดปกติ ประสาทตาก็ปกติ สายตามองเห็นได้ชัดเจนดี ตนจึงคิดว่าน้องอากูลคงเป็นปกติตามที่แพทย์บอก แต่ก็นับว่าเป็นเรื่องแปลกที่หลานชายมีดวงตาที่ผิดไปจากเด็กทั่วไป อีกทั้งยังน่ารัก และร่าเริงแจ่มใสเพื่อนรักกันดีและเล่นเข้ากันได้

นางลำเพย กล่าวอีกว่า หลังจากที่น้องอากูลเติบโตเข้าได้ 2 ขวบ ก็พบความผิดปกติขึ้นอีก สังเกตว่าหลานทำไมเงียบๆ ไม่ค่อยร้องแต่จะร้องเมื่อได้ยินเสียงพุ หรือเสียงดังๆ ไม่ค่อยร้องๆ จะเงียบๆ จึงพาไปพบแพทย์ ปรากฏว่า แพทย์มีความเห็นว่าน้องอางกูลมีความผิดปกติที่ประสาทหู จะไม่สามารถได้ยินส่งผลให้การสื่อสารลำบาก น้องจะพูดไม่ชัดแต่ส่วนอื่นเป็นปกติดี ความจำแม่ ฉลาดเหมือนเด็กทั่วไป

ทางครอบครัวก็พยายามที่จะรักษาให้น้องอางกูลให้เป็นปกติ แต่ทางโรงพยาบาลคิดค่ารักษาพยาบาลโดย การใส่ประสาทหูเทียมข้างละ 8 แสนบาท รวมเป็นเงินล้านกว่าบาท ทำให้ตนเองและครอบไม่มีเงินเพียงพอที่จะรักษาหลานชายได้ เพราะลำพังครอบครัวก็มีฐานะยากจนอยู่แล้ว ทุกวันนี้ก็ทำงานอาชีพรับจ้างทั่วๆไป ส่วนสามีก็ปลูกผักไปขายที่ตลาดได้กำไรก็ไม่มากนักพอมีพอกิน ส่วนแม่ของหลานเองก็มีอาชีพเป็นพนักงานบริษัทเงินเดือนก็ไม่มากนัก รวมๆ แล้วก็มีความเป็นอยู่ที่พอมีพอกินเท่านั้น อีกทั้งยังไม่มีที่ทำกินเป็นของตนเองก็ต้องเช่าเขา และปลูกเพิงบ้านเล็กๆ ปลูกอยู่ท้ายไร่

ด้าน นายนพภา ตาของน้องอางกูล กล่าวว่า ด้วยความสงสารหลานชาย จากความยากจนของครอบครัวที่ต้องเลี้ยงดูหลานชายตามมีตามเกิด รักษากันไปตามสิทธิ์ขั้นพื้นฐาน 30 บาท ไม่มีเงินเพียงพอที่จะไปรักษาใส่เครื่องช่วยฟังที่ต้องใช้เงินจำนวนมาก

บางวันเห็นแววตาของหลานก็แอบร้องไห้เป็นประจำ เพราะไม่รู้จะรักษาอย่างไรจะไปหยิบยืมเงินที่ไหนใครเขาจะให้เงินเป็นล้าน จะไปขอความช่วยเหลือเขาก็ลำบาก ก็ต้องทนดูแลหลานกันไปแบบนี้หลานชายเป็นเด็กที่น่ารักยิ้มหวาน อารมณ์ดี เวลาคุยกันก็จะส่งภาษามือ เพราะพูดเขาไม่ได้ยิน ทุกวันก็จะพาเขาออกมาเดินเล่นที่วัด มาดูไก่ดูนก เพื่อให้เขาได้ผ่อนคลายเพราะกลัวเขาเก็บกดนั่งเงียบๆ คนเดียว ทุกวันนี้ก็พูดเป็นภาษาการ์ตูน แต่ยังโชคดีที่พอเขียนหนังสือได้ “ที่มาหาวันนี้ไม่ได้อยากเรียกร้องใดๆ แต่อยากวอนขอความเมตตาจากคนใจบุญที่มีความรู้และพอที่จะหาทางเยียวยารักษาได้ เพราะตากับยายทั้งสองคนสงสารหลาน นี่ก็อายุเข้าไป 50 แล้ว ไม่รู้จะอยู่ดูหลานไปได้อีกซักกี่ปี หากไม่รักษาเขาก็ต้องอยู่ไปแบบนี้ โตขึ้นไปกลัวเขาจะลำบากไม่รู้ว่าจะดูแลตัวเองได้อย่างไร” นายนพภา กล่าว

ขอบคุณ... http://news.sanook.com/2193626/ (ขนาดไฟล์: 0 )

ที่มา: news.sanook.comออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 2 เม.ย.60
วันที่โพสต์: 3/04/2560 เวลา 09:50:15 ดูภาพสไลด์โชว์ เด็กชาย 6 ขวบ มีตาสีฟ้าใส แต่หูพิการ วอนคนใจบุญช่วย

แสดงความคิดเห็น

รอตรวจสอบ
จัดฟอร์แม็ต ดูการแสดงผล

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

ยกเลิก

รายละเอียดกระทู้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (1 เม.ย.) ได้รับแจ้งจาก นายนพภา รักอก อายุ 55 ปี ชาวบ้านในหมู่ที่ 4 ตำบลดอนแร่ อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี ว่าหลานชายวัย 6 ขวบของตนเองมีดวงตาสีฟ้าทั้งสองข้าง และมีความใสเหมือนแก้วเพชร หรือ ตาแมว แต่การมองเห็นเหมือนคนปกติทั่วๆ ไป แต่มีความพิการทางด้านหู ที่แพทย์ระบุว่าเป็นโรคเกี่ยวกับประสาทหู ทำให้ไม่สามารถได้ยินเหมือนกับเด็กทั่วๆ และมีความเห็นว่ามีความพิการด้านการได้ยิน เด็กชาย 6 ขวบ มีตาสีฟ้าใส ผู้สื่อข่าวจึงได้เดินทางไปพูดคุยกับครอบครัวและเด็กชายคนดังกล่าวที่บริเวณข้างอุโบสถภายในวัดทุ่งหญ้าคมบาง ตำบลดอนแร่ อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี ซึ่งเป็นสถานที่ที่เด็กชายคนดังกล่าวจะมาเล่นเป็นประจำ โดยพบกับนายนพภา รักอก อายุ 55 ปี และนางลำเพย รักอก อายุ 52 ปี สองสามีภรรยาซึ่งเป็นยายของเด็กชายกสิเดช อินทรสุวรรณ หรือ น้องอางกูล อายุ 6 ปี เป็นลูกของนางสาวเจนจิรา รักอก อายุ 25 ปีและเป็นบุตรสาวของตนเองทำงานเป็นพนักงานบริษัทแห่งหนึ่งในเมืองราชบุรี ส่วนพ่อของเด็กแยกทางไปได้ตั้งแต่น้องกากูลยังเล็กๆ นางลำเพย ยายของน้องอางกูล เล่าให้ฟังว่า น้องอางกูลมีดวงตาสีฟ้ามาตั้งแต่คลอดซึ่งตนเองก็คิดว่าหลานเกิดความผิดปกติที่ดวงตาหรือไม่ เพราะดวงตาน้องเป็นสีฟ้าสดทั้งสองข้างอีกทั้งยังมีความใสเหมือนแก้วเพชร จึงพยายามปรึกษาหมอตั้งแต่ต้น โดยแพทย์ได้ทำการรักษาและส่งตัวไปรักษาต่อยังแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสายตาที่โรงพยาบาลรามาธิบดี และแพทย์ได้สอบถามและซักประวัติถึงกรรมพันธุ์ที่อาจตกทอดมา ทางครอบครัวตนเองไม่มีเชื้อสายต่างชาติ มีแต่เพียงแม่ของเด็กเท่านั้นที่มีความผิดปกติเช่นกัน ที่ดวงตาข้างหนึ่งจะเป็นสีฟ้าและดวงตาอีกข้างหนึ่งจะเป็นสีน้ำตาล ซึ่งแพทย์ก็วินิจฉัยว่าไม่พบการผิดปกติ เพราะน้องมองเห็นได้ดี จึงได้ส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลวัดไร่ขิงที่มีความเชี่ยวชาญอีกระดับทางด้านสายตาซึ่งแพทย์ก็วินิจฉัยเช่นกันว่าไม่พบความผิดปกติ ประสาทตาก็ปกติ สายตามองเห็นได้ชัดเจนดี ตนจึงคิดว่าน้องอากูลคงเป็นปกติตามที่แพทย์บอก แต่ก็นับว่าเป็นเรื่องแปลกที่หลานชายมีดวงตาที่ผิดไปจากเด็กทั่วไป อีกทั้งยังน่ารัก และร่าเริงแจ่มใสเพื่อนรักกันดีและเล่นเข้ากันได้ นางลำเพย กล่าวอีกว่า หลังจากที่น้องอากูลเติบโตเข้าได้ 2 ขวบ ก็พบความผิดปกติขึ้นอีก สังเกตว่าหลานทำไมเงียบๆ ไม่ค่อยร้องแต่จะร้องเมื่อได้ยินเสียงพุ หรือเสียงดังๆ ไม่ค่อยร้องๆ จะเงียบๆ จึงพาไปพบแพทย์ ปรากฏว่า แพทย์มีความเห็นว่าน้องอางกูลมีความผิดปกติที่ประสาทหู จะไม่สามารถได้ยินส่งผลให้การสื่อสารลำบาก น้องจะพูดไม่ชัดแต่ส่วนอื่นเป็นปกติดี ความจำแม่ ฉลาดเหมือนเด็กทั่วไป ทางครอบครัวก็พยายามที่จะรักษาให้น้องอางกูลให้เป็นปกติ แต่ทางโรงพยาบาลคิดค่ารักษาพยาบาลโดย การใส่ประสาทหูเทียมข้างละ 8 แสนบาท รวมเป็นเงินล้านกว่าบาท ทำให้ตนเองและครอบไม่มีเงินเพียงพอที่จะรักษาหลานชายได้ เพราะลำพังครอบครัวก็มีฐานะยากจนอยู่แล้ว ทุกวันนี้ก็ทำงานอาชีพรับจ้างทั่วๆไป ส่วนสามีก็ปลูกผักไปขายที่ตลาดได้กำไรก็ไม่มากนักพอมีพอกิน ส่วนแม่ของหลานเองก็มีอาชีพเป็นพนักงานบริษัทเงินเดือนก็ไม่มากนัก รวมๆ แล้วก็มีความเป็นอยู่ที่พอมีพอกินเท่านั้น อีกทั้งยังไม่มีที่ทำกินเป็นของตนเองก็ต้องเช่าเขา และปลูกเพิงบ้านเล็กๆ ปลูกอยู่ท้ายไร่ ด้าน นายนพภา ตาของน้องอางกูล กล่าวว่า ด้วยความสงสารหลานชาย จากความยากจนของครอบครัวที่ต้องเลี้ยงดูหลานชายตามมีตามเกิด รักษากันไปตามสิทธิ์ขั้นพื้นฐาน 30 บาท ไม่มีเงินเพียงพอที่จะไปรักษาใส่เครื่องช่วยฟังที่ต้องใช้เงินจำนวนมาก บางวันเห็นแววตาของหลานก็แอบร้องไห้เป็นประจำ เพราะไม่รู้จะรักษาอย่างไรจะไปหยิบยืมเงินที่ไหนใครเขาจะให้เงินเป็นล้าน จะไปขอความช่วยเหลือเขาก็ลำบาก ก็ต้องทนดูแลหลานกันไปแบบนี้หลานชายเป็นเด็กที่น่ารักยิ้มหวาน อารมณ์ดี เวลาคุยกันก็จะส่งภาษามือ เพราะพูดเขาไม่ได้ยิน ทุกวันก็จะพาเขาออกมาเดินเล่นที่วัด มาดูไก่ดูนก เพื่อให้เขาได้ผ่อนคลายเพราะกลัวเขาเก็บกดนั่งเงียบๆ คนเดียว ทุกวันนี้ก็พูดเป็นภาษาการ์ตูน แต่ยังโชคดีที่พอเขียนหนังสือได้ “ที่มาหาวันนี้ไม่ได้อยากเรียกร้องใดๆ แต่อยากวอนขอความเมตตาจากคนใจบุญที่มีความรู้และพอที่จะหาทางเยียวยารักษาได้ เพราะตากับยายทั้งสองคนสงสารหลาน นี่ก็อายุเข้าไป 50 แล้ว ไม่รู้จะอยู่ดูหลานไปได้อีกซักกี่ปี หากไม่รักษาเขาก็ต้องอยู่ไปแบบนี้ โตขึ้นไปกลัวเขาจะลำบากไม่รู้ว่าจะดูแลตัวเองได้อย่างไร” นายนพภา กล่าว ขอบคุณ... http://news.sanook.com/2193626/

จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย

  1. เพิ่ม
  2. เพิ่ม ลบ
  3. เพิ่ม ลบ
  4. เพิ่ม ลบ
  5. เพิ่ม ลบ
  6. เพิ่ม ลบ
  7. เพิ่ม ลบ
  8. เพิ่ม ลบ
  9. เพิ่ม ลบ
  10. ลบ
เลือกการตกแต่งที่ต้องการ

ตกลง ยกเลิก

รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)

Waiting...