ตรวจก่อนแต่ง ป้องกันโรคภัยให้รักเรายั่งยืน

แสดงความคิดเห็น

เมื่อพูดถึงเดือนกุมภาพันธ์ หลายๆท่านคงตื่นเต้นไม่น้อยกับเทศกาลแห่งความรักหรือวันวาเลนไทน์ ที่กำลังจะมาถึง นอกจากหนุ่มสาวที่กำลังครุ่นคิดหาไอเดียเซอไพรซ์คนรักหรือคนที่หมายปอง เดือนแห่งความรักยังคงเป็นเดือนที่คู่รักพร้อมใจลั่นระฆังวิวาห์ เรียกได้ว่าเป็นเทศกาลแห่งการแต่งงานก็ว่าได้ นอกจากการจัดเตรียมงานแต่งงานให้ออกมาสมบูรณ์แบบที่สุดไม่ว่าจะเป็นการเลือกรูปแบบงานการจัดหาสถานที่ หรือการเลือกชุดแต่งงาน หลายๆคู่อาจลืมไปว่ายังมีอีกหนึ่งเรื่องสำคัญที่อาจมีผลต่อความมั่นคงในดำรง ชีวิตคู่และจำเป็นต้องจัดการให้เสร็จสรรพก่อนตกลงปลงใจเริ่มชีวิตคู่ นั่นก็คือ "การตรวจสุขภาพก่อนแต่งงานหรือ ก่อนมีบุตร" เพื่อป้องกันปัญหาด้านสุขภาพของทั้งตนเอง คู่ครอง และบุตรในอนาคต

นายแพทย์วิบูลย์ กมลพรวิจิตร สูตินรีแพทย์ จากโรงพยาบาลบีเอ็นเอช ได้ให้คำแนะนำว่าการตรวจสุขภาพคู่รักมีอยู่ 2 แบบ ได้แก่ การตรวจสุขภาพก่อนแต่งงาน และการตรวจสุขภาพก่อนมีบุตร การตรวจสุขภาพก่อนแต่งงานนั้นต้องดูว่าคู่รักเคยมีเพศสัมพันธ์กันมาก่อนหรือ ไม่ หากยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์กันมาก่อน ก็จะยังไม่มีความเสี่ยงต่อการสัมผัสโรคที่อาจแผงอยู่และสามารถป้องกันได้ หากคู่รักมีเพศสัมพันธ์กันมาก่อนแล้วก็อาจได้รับเชื้อที่ก่อให้เกิดปัญหา สุขภาพไปเรียบร้อยแล้วเช่น หนองใน ชิฟิลิส หรือที่น่ากลัวที่สุดคือ การติดเชื้อ HIV และการติดเชื้อตับอักเสบที่อาจมีอันตรายถึงชีวิต

ในส่วนของการตรวจสุขภาพก่อนมีบุตรแพทย์ก็จะตรวจวินิจฉัยว่าคู่รักต่าง ฝ่ายต่างมีเชื้อหรือเป็นพาหะของโรคที่อาจถ่ายทอดและเป็นอันตรายต่อบุตรได้ หรือไม่ เช่น โรคธาลัสซีเมีย ที่คนไทยกว่า 40% เป็นพาหะของโรคนี้ หรือโรคหัดเยอรมัน ซึ่งถ้าทารกได้รับเชื้อในช่วงต้นของการตั้งครรภ์ อาจทำให้ทารกตาบอดหูหนวกหรือหัวใจพิการแต่กำเนิดได้

วิธีการตรวจวินิจฉัยโรคสามารถตรวจได้จากการเจาะเลือดอาจร่วมด้วยการตรวจภายใน ซึ่งไม่จำเป็นต้องงดอาหารและน้ำก่อนตรวจ หากคู่รักตรวจพบเชื้อหรือเป็นพาหะของโรค แพทย์ก็จะสามารถแนะแนวทางรักษาการปฏิบัติตน หรือสร้างภูมิคุ้มกันเชื้อที่อาจถ่ายทอดไปสู่บุตรได้โดยการฉีดวัคซีนป้องกัน โรค เช่น โรคหัดเยอรมัน หรือไวรัสตับอักเสบเอและบี

รู้เช่นนี้แล้ว ใครที่กำลังมีแผนจะสละโสดหรือมีบุตรก็อย่าลืมจูงมือกันไปตรวจร่างกาย เพื่อความรักที่ยั่งยืนและความปลอดภัยไกลโรคแก่ตนเอง คู่ครอง และบุตรในอนาคต นายแพทย์วิบูลย์ กมลพรวิจิตร ได้กล่าวทิ้งท้ายว่า ในช่วงเทศกาลแห่งความรักหนุ่มสาวควรระมัดระวังในเรื่องของการมีเพศสัมพันธ์ ที่ไม่ได้ป้องกันเป็นอย่างยิ่ง นอกจากจะมีความเสี่ยงต่อการติดโรคแล้ว อาจก่อให้เกิดการตั้งครรภ์ที่ไม่พงประสงค์ได้อีกด้วย ทางที่ดีควรใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์หรือปรึกษาแพทย์เพื่อ เลือกวิธีการคุมกำเนิดที่เหมาะสมกับตนเองมากที่สุด

ขอบคุณ... http://www.ryt9.com/s/tpd/1829031

ryt9.com ออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 4 ก.พ.57

ที่มา: ryt9.com ออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 4 ก.พ.57
วันที่โพสต์: 4/02/2557 เวลา 05:04:04

แสดงความคิดเห็น

รอตรวจสอบ
จัดฟอร์แม็ต ดูการแสดงผล

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

ยกเลิก

รายละเอียดกระทู้

เมื่อพูดถึงเดือนกุมภาพันธ์ หลายๆท่านคงตื่นเต้นไม่น้อยกับเทศกาลแห่งความรักหรือวันวาเลนไทน์ ที่กำลังจะมาถึง นอกจากหนุ่มสาวที่กำลังครุ่นคิดหาไอเดียเซอไพรซ์คนรักหรือคนที่หมายปอง เดือนแห่งความรักยังคงเป็นเดือนที่คู่รักพร้อมใจลั่นระฆังวิวาห์ เรียกได้ว่าเป็นเทศกาลแห่งการแต่งงานก็ว่าได้ นอกจากการจัดเตรียมงานแต่งงานให้ออกมาสมบูรณ์แบบที่สุดไม่ว่าจะเป็นการเลือกรูปแบบงานการจัดหาสถานที่ หรือการเลือกชุดแต่งงาน หลายๆคู่อาจลืมไปว่ายังมีอีกหนึ่งเรื่องสำคัญที่อาจมีผลต่อความมั่นคงในดำรง ชีวิตคู่และจำเป็นต้องจัดการให้เสร็จสรรพก่อนตกลงปลงใจเริ่มชีวิตคู่ นั่นก็คือ "การตรวจสุขภาพก่อนแต่งงานหรือ ก่อนมีบุตร" เพื่อป้องกันปัญหาด้านสุขภาพของทั้งตนเอง คู่ครอง และบุตรในอนาคต นายแพทย์วิบูลย์ กมลพรวิจิตร สูตินรีแพทย์ จากโรงพยาบาลบีเอ็นเอช ได้ให้คำแนะนำว่าการตรวจสุขภาพคู่รักมีอยู่ 2 แบบ ได้แก่ การตรวจสุขภาพก่อนแต่งงาน และการตรวจสุขภาพก่อนมีบุตร การตรวจสุขภาพก่อนแต่งงานนั้นต้องดูว่าคู่รักเคยมีเพศสัมพันธ์กันมาก่อนหรือ ไม่ หากยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์กันมาก่อน ก็จะยังไม่มีความเสี่ยงต่อการสัมผัสโรคที่อาจแผงอยู่และสามารถป้องกันได้ หากคู่รักมีเพศสัมพันธ์กันมาก่อนแล้วก็อาจได้รับเชื้อที่ก่อให้เกิดปัญหา สุขภาพไปเรียบร้อยแล้วเช่น หนองใน ชิฟิลิส หรือที่น่ากลัวที่สุดคือ การติดเชื้อ HIV และการติดเชื้อตับอักเสบที่อาจมีอันตรายถึงชีวิต ในส่วนของการตรวจสุขภาพก่อนมีบุตรแพทย์ก็จะตรวจวินิจฉัยว่าคู่รักต่าง ฝ่ายต่างมีเชื้อหรือเป็นพาหะของโรคที่อาจถ่ายทอดและเป็นอันตรายต่อบุตรได้ หรือไม่ เช่น โรคธาลัสซีเมีย ที่คนไทยกว่า 40% เป็นพาหะของโรคนี้ หรือโรคหัดเยอรมัน ซึ่งถ้าทารกได้รับเชื้อในช่วงต้นของการตั้งครรภ์ อาจทำให้ทารกตาบอดหูหนวกหรือหัวใจพิการแต่กำเนิดได้ วิธีการตรวจวินิจฉัยโรคสามารถตรวจได้จากการเจาะเลือดอาจร่วมด้วยการตรวจภายใน ซึ่งไม่จำเป็นต้องงดอาหารและน้ำก่อนตรวจ หากคู่รักตรวจพบเชื้อหรือเป็นพาหะของโรค แพทย์ก็จะสามารถแนะแนวทางรักษาการปฏิบัติตน หรือสร้างภูมิคุ้มกันเชื้อที่อาจถ่ายทอดไปสู่บุตรได้โดยการฉีดวัคซีนป้องกัน โรค เช่น โรคหัดเยอรมัน หรือไวรัสตับอักเสบเอและบี รู้เช่นนี้แล้ว ใครที่กำลังมีแผนจะสละโสดหรือมีบุตรก็อย่าลืมจูงมือกันไปตรวจร่างกาย เพื่อความรักที่ยั่งยืนและความปลอดภัยไกลโรคแก่ตนเอง คู่ครอง และบุตรในอนาคต นายแพทย์วิบูลย์ กมลพรวิจิตร ได้กล่าวทิ้งท้ายว่า ในช่วงเทศกาลแห่งความรักหนุ่มสาวควรระมัดระวังในเรื่องของการมีเพศสัมพันธ์ ที่ไม่ได้ป้องกันเป็นอย่างยิ่ง นอกจากจะมีความเสี่ยงต่อการติดโรคแล้ว อาจก่อให้เกิดการตั้งครรภ์ที่ไม่พงประสงค์ได้อีกด้วย ทางที่ดีควรใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์หรือปรึกษาแพทย์เพื่อ เลือกวิธีการคุมกำเนิดที่เหมาะสมกับตนเองมากที่สุด ขอบคุณ... http://www.ryt9.com/s/tpd/1829031 ryt9.com ออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 4 ก.พ.57

จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย

  1. เพิ่ม
  2. เพิ่ม ลบ
  3. เพิ่ม ลบ
  4. เพิ่ม ลบ
  5. เพิ่ม ลบ
  6. เพิ่ม ลบ
  7. เพิ่ม ลบ
  8. เพิ่ม ลบ
  9. เพิ่ม ลบ
  10. ลบ
เลือกการตกแต่งที่ต้องการ

ตกลง ยกเลิก

รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)

Waiting...