12 ปี สสส.อนาคตองค์กรตระกูล ส.เสี่ยงการเมืองล้วงลูก

แสดงความคิดเห็น

ท่ามกลางกระแสข่าวที่ฝ่ายการเมืองจะเข้าไปกำกับดูแลหน่วยงานตระกูล ส. ในประเทศไทย ด้วยมองว่ามีเงินงบประมาณจำนวนมากที่ฝ่ายการเมืองจะเข้าไปหาประโยชน์ได้ เหมือนกับกระทรวงต่าง ๆ ในเวลานี้ หนึ่งในนั้นมีหน่วยงาน สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)

“มีการแทรกแซงเป็นระยะ ต่อสู้เป็นระยะ ตอนนี้หน่วย สปสช.โดนแทรกแซงอย่างรุนแรงและสู้กันอย่างรุนแรง เป็นไงก็เป็นกันเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติ” นพ.วิชัย โชควิวัฒน รองประธานกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ คนที่ 2 ให้สัมภาษณ์ภายหลังงานแถลงข่าว “สานงาน เสริมพลัง ร่วมสร้างประเทศไทยให้น่าอยู่ : 1 ทศวรรษ สสส. สร้างเสริมสุขภาพสู่สังคมไทย”

แต่เมื่อเหลียวหน้าแลหลังองค์กร สสส. ที่เป็นที่รับรู้ของคนส่วนใหญ่ว่ามาช่วยเตือนให้ประชาชนรักษาสุขภาพ ด้วยการลด ละ เลิก เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และบุหรี่ ตลอดจนส่งเสริมให้คนหันมาออกกำลังกาย เลือกบริโภคอาหารที่ดีต่อสุขภาพ เป็นแนวทางป้องกันโรคก่อนที่โรคจะมาเยือน นับตั้งแต่ก่อตั้งมาจวบจนวันนี้อายุของหน่วยงานนี้ก้าวสู่ปีที่ 12 แล้ว จากการสรุปผลงานแต่ละด้าน สถานการณ์การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในประเทศไทย คนไทยเสียเงินซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ลดลงต่อเนื่องมา 5 ปีแล้ว จาก 154,998 ล้านบาท ในปี 2550 ลดลงเหลือ 137,059 ล้านบาท ในปี 2554 เท่ากับสามารถประหยัดเงินค่าซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้เกือบ 18,000 ล้านบาท (สำนักบัญชีประชาชาติ สศช., ปี 2555)

วิธีการทำงานเพื่อกระตุ้นเตือนให้สังคมตระหนักด้านแอลกอฮอล์ได้ทำงานร่วม กับเครือข่ายจนเกิดองค์ความรู้และโครงการสำคัญ อาทิ โครงการงดเหล้าเข้าพรรษา เริ่มตั้งแต่ปี 2546-2555 เฉพาะในช่วงเข้าพรรษาสามารถลดค่าซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้เฉลี่ยปีละ 30,000 ล้านบาท โครงการของขวัญปลอดเหล้าเริ่มครั้งแรกในปี 2551 โครงการรับน้องปลอดเหล้า เริ่มในปี 2549 จากตัวเลขที่สูงถึง 53.7 ในปีแรก ๆ และในปี 2552 เหลือเพียง 9.8

ส่วนการทำงานเพื่อให้คนหันมาตระหนักพิษภัยของบุหรี่นั้นที่ผ่านมา สสส. ได้ร่วมกับภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชน และนักวิชาการ ส่งผลให้แนวโน้มการสูบบุหรี่ลดลงตามลำดับในช่วงปี 2534-2552 (จากร้อยละ 32.0 เหลือร้อยละ 20.70) อย่างไรก็ตาม ในปี 2554 อัตราการบริโภคบุหรี่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากการบังคับใช้ ก.ม. ไม่เต็มที่ ทั้งการควบคุมด้านโฆษณา การส่งเสริมการขาย อีกทั้งบริการเลิกบุหรี่ยังไม่อยู่ในระบบบริการสุขภาพแห่งชาติ หากทำได้สำเร็จจะช่วยเพิ่มจำนวนผู้เลิกสูบ

จากการทบทวนผลงานนับตั้งแต่การก่อตั้งองค์กรมาสิบปี สสส. ได้รับการยกย่องจากคณะผู้ประเมินระดับนานาชาติจากองค์การอนามัยโลก ธนาคารโลก มูลนิธิร็อกกี้เฟลเลอร์ ว่าเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ (Learning organization) ที่มาจากประสบการณ์ในการทำงาน มีศักยภาพที่จะเรียนรู้และพัฒนาต่อไป ทั้งนี้ สสส.สามารถเป็นต้นแบบที่ดีและเป็นแรงบันดาลใจ โดยมีลักษณะเด่น 4 ประการ คือ 1. เป็นกลไกทางการเงินเพื่อการสร้างเสริมสุขภาพที่ยั่งยืน โดยได้รับทุนสนับสนุนจากภาษีสรรพสามิตเหล้าและบุหรี่ (Funding mechanism from levy on alcohol and tobacco)2. การทำงานโดยอาศัยความร่วมมือจากหลายภาคส่วน (Multi-sectoral platform) ไม่จำกัดเฉพาะความร่วมมือจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขเท่านั้น 3. ความก้าวหน้าทางความคิดและการสร้างสรรค์นวัตกรรมในการสร้างเสริมสุขภาพ 4. สสส. โดดเด่นในเรื่องการสื่อสารสุขภาวะและการตลาดเพื่อสังคม

คณะผู้ประเมินได้ให้ว่าทศวรรษหน้าควรเป็นทศวรรษแห่งการประเมินผล การเรียนรู้ และการสร้างสรรค์นวัตกรรม ทศวรรษหน้า สสส.ควรเป็นสถาบันชั้นนำในการใช้การประเมินผลเป็นเครื่องมือพัฒนาระบบการ ประเมินด้านผลกระทบ (Impact evaluation) ทั้งนี้ หากมีข้อมูลไม่เพียงพอ สสส. ควรสนับสนุนให้มีระบบการจัดเก็บข้อมูล ควรถ่ายทอดผลการวิเคราะห์และสิ่งที่เรียนรู้จากการประเมินผลสู่วงกว้างทั้ง ในและต่างประเทศ

ระหว่างวันที่ 28-29 พ.ค.นี้ สสส. ได้เตรียมจัดงาน “สานงาน เสริมพลัง ร่วมสร้างประเทศไทยให้น่าอยู่ : 1 ทศวรรษ สสส. สร้างเสริมสุขภาพสู่สังคมไทย” ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา โดยเป็นมหกรรมสร้างเสริมสุขภาพครั้งยิ่งใหญ่ในโอกาสการดำเนินงานของ สสส. ครบรอบ 12 ปี

นพ.วิชัย กล่าวว่า ที่ผ่านมา สสส. ได้ดำเนินการร่วมกับ “ภาคีสร้างเสริมสุขภาพ” จากทุกภาคส่วนจนมีภาคีเครือข่ายร่วมขับเคลื่อนสังคมไทยสู่สังคมสุขภาวะ มากกว่า 300 หน่วยงาน/องค์กร รวมทั้งสิ้น 10,942 ราย เกิดโครงการสร้างสุขภาพถึง 12,365 โครงการ สสส. ได้สร้างวัฒนธรรมสร้างสุขภาพครอบคลุมทั่วประเทศ โดยมีต่างประเทศมาศึกษาการดำเนินงานของ สสส. มากกว่า 20 ประเทศ อาทิ เวียดนาม มาเลเซีย เกาหลีใต้ มองโกเลีย ภูฏาน และ สปป.ลาว และนำองค์ความรู้จาก สสส. ไปดำเนินการจัดตั้งองค์กรสร้างเสริมสุขภาพในประเทศของตน

ทพ.กฤษดา เรืองอารีย์รัชต์ ผู้จัดการ สสส. กล่าวว่า การจัดงานครั้งนี้เพื่อรวบรวมภาคีเครือข่ายครั้งใหญ่ในรอบ 12 ปี ในการทำงานของ สสส. จะทำให้เกิดการพัฒนายุทธศาสตร์ในการขับเคลื่อนงานสร้างเสริมสุขภาพระยะยาว โดยภายในงานจะมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลสร้างเสริมสุขภาพที่หลากหลาย ทั้งองค์ความรู้ทั้งภูมิปัญญาท้องถิ่น เชิงวิชาการ รวมถึงการเตรียมความพร้อมสู่การผลักดันเป็นนโยบายสาธารณะระดับท้องถิ่น และระดับชาติด้วย ผู้สนใจสามารถไปร่วมงานดูรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ www.thaihealth.or.th

ขอบคุณ... http://www.dailynews.co.th/article/348/207244

ที่มา: เดลินิวส์ออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 28 พ.ค.56
วันที่โพสต์: 28/05/2556 เวลา 03:55:28

แสดงความคิดเห็น

รอตรวจสอบ
จัดฟอร์แม็ต ดูการแสดงผล

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

ยกเลิก

รายละเอียดกระทู้

ท่ามกลางกระแสข่าวที่ฝ่ายการเมืองจะเข้าไปกำกับดูแลหน่วยงานตระกูล ส. ในประเทศไทย ด้วยมองว่ามีเงินงบประมาณจำนวนมากที่ฝ่ายการเมืองจะเข้าไปหาประโยชน์ได้ เหมือนกับกระทรวงต่าง ๆ ในเวลานี้ หนึ่งในนั้นมีหน่วยงาน สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) “มีการแทรกแซงเป็นระยะ ต่อสู้เป็นระยะ ตอนนี้หน่วย สปสช.โดนแทรกแซงอย่างรุนแรงและสู้กันอย่างรุนแรง เป็นไงก็เป็นกันเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติ” นพ.วิชัย โชควิวัฒน รองประธานกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ คนที่ 2 ให้สัมภาษณ์ภายหลังงานแถลงข่าว “สานงาน เสริมพลัง ร่วมสร้างประเทศไทยให้น่าอยู่ : 1 ทศวรรษ สสส. สร้างเสริมสุขภาพสู่สังคมไทย” แต่เมื่อเหลียวหน้าแลหลังองค์กร สสส. ที่เป็นที่รับรู้ของคนส่วนใหญ่ว่ามาช่วยเตือนให้ประชาชนรักษาสุขภาพ ด้วยการลด ละ เลิก เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และบุหรี่ ตลอดจนส่งเสริมให้คนหันมาออกกำลังกาย เลือกบริโภคอาหารที่ดีต่อสุขภาพ เป็นแนวทางป้องกันโรคก่อนที่โรคจะมาเยือน นับตั้งแต่ก่อตั้งมาจวบจนวันนี้อายุของหน่วยงานนี้ก้าวสู่ปีที่ 12 แล้ว จากการสรุปผลงานแต่ละด้าน สถานการณ์การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในประเทศไทย คนไทยเสียเงินซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ลดลงต่อเนื่องมา 5 ปีแล้ว จาก 154,998 ล้านบาท ในปี 2550 ลดลงเหลือ 137,059 ล้านบาท ในปี 2554 เท่ากับสามารถประหยัดเงินค่าซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้เกือบ 18,000 ล้านบาท (สำนักบัญชีประชาชาติ สศช., ปี 2555) วิธีการทำงานเพื่อกระตุ้นเตือนให้สังคมตระหนักด้านแอลกอฮอล์ได้ทำงานร่วม กับเครือข่ายจนเกิดองค์ความรู้และโครงการสำคัญ อาทิ โครงการงดเหล้าเข้าพรรษา เริ่มตั้งแต่ปี 2546-2555 เฉพาะในช่วงเข้าพรรษาสามารถลดค่าซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้เฉลี่ยปีละ 30,000 ล้านบาท โครงการของขวัญปลอดเหล้าเริ่มครั้งแรกในปี 2551 โครงการรับน้องปลอดเหล้า เริ่มในปี 2549 จากตัวเลขที่สูงถึง 53.7 ในปีแรก ๆ และในปี 2552 เหลือเพียง 9.8 ส่วนการทำงานเพื่อให้คนหันมาตระหนักพิษภัยของบุหรี่นั้นที่ผ่านมา สสส. ได้ร่วมกับภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชน และนักวิชาการ ส่งผลให้แนวโน้มการสูบบุหรี่ลดลงตามลำดับในช่วงปี 2534-2552 (จากร้อยละ 32.0 เหลือร้อยละ 20.70) อย่างไรก็ตาม ในปี 2554 อัตราการบริโภคบุหรี่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากการบังคับใช้ ก.ม. ไม่เต็มที่ ทั้งการควบคุมด้านโฆษณา การส่งเสริมการขาย อีกทั้งบริการเลิกบุหรี่ยังไม่อยู่ในระบบบริการสุขภาพแห่งชาติ หากทำได้สำเร็จจะช่วยเพิ่มจำนวนผู้เลิกสูบ จากการทบทวนผลงานนับตั้งแต่การก่อตั้งองค์กรมาสิบปี สสส. ได้รับการยกย่องจากคณะผู้ประเมินระดับนานาชาติจากองค์การอนามัยโลก ธนาคารโลก มูลนิธิร็อกกี้เฟลเลอร์ ว่าเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ (Learning organization) ที่มาจากประสบการณ์ในการทำงาน มีศักยภาพที่จะเรียนรู้และพัฒนาต่อไป ทั้งนี้ สสส.สามารถเป็นต้นแบบที่ดีและเป็นแรงบันดาลใจ โดยมีลักษณะเด่น 4 ประการ คือ 1. เป็นกลไกทางการเงินเพื่อการสร้างเสริมสุขภาพที่ยั่งยืน โดยได้รับทุนสนับสนุนจากภาษีสรรพสามิตเหล้าและบุหรี่ (Funding mechanism from levy on alcohol and tobacco)2. การทำงานโดยอาศัยความร่วมมือจากหลายภาคส่วน (Multi-sectoral platform) ไม่จำกัดเฉพาะความร่วมมือจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขเท่านั้น 3. ความก้าวหน้าทางความคิดและการสร้างสรรค์นวัตกรรมในการสร้างเสริมสุขภาพ 4. สสส. โดดเด่นในเรื่องการสื่อสารสุขภาวะและการตลาดเพื่อสังคม คณะผู้ประเมินได้ให้ว่าทศวรรษหน้าควรเป็นทศวรรษแห่งการประเมินผล การเรียนรู้ และการสร้างสรรค์นวัตกรรม ทศวรรษหน้า สสส.ควรเป็นสถาบันชั้นนำในการใช้การประเมินผลเป็นเครื่องมือพัฒนาระบบการ ประเมินด้านผลกระทบ (Impact evaluation) ทั้งนี้ หากมีข้อมูลไม่เพียงพอ สสส. ควรสนับสนุนให้มีระบบการจัดเก็บข้อมูล ควรถ่ายทอดผลการวิเคราะห์และสิ่งที่เรียนรู้จากการประเมินผลสู่วงกว้างทั้ง ในและต่างประเทศ ระหว่างวันที่ 28-29 พ.ค.นี้ สสส. ได้เตรียมจัดงาน “สานงาน เสริมพลัง ร่วมสร้างประเทศไทยให้น่าอยู่ : 1 ทศวรรษ สสส. สร้างเสริมสุขภาพสู่สังคมไทย” ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา โดยเป็นมหกรรมสร้างเสริมสุขภาพครั้งยิ่งใหญ่ในโอกาสการดำเนินงานของ สสส. ครบรอบ 12 ปี นพ.วิชัย กล่าวว่า ที่ผ่านมา สสส. ได้ดำเนินการร่วมกับ “ภาคีสร้างเสริมสุขภาพ” จากทุกภาคส่วนจนมีภาคีเครือข่ายร่วมขับเคลื่อนสังคมไทยสู่สังคมสุขภาวะ มากกว่า 300 หน่วยงาน/องค์กร รวมทั้งสิ้น 10,942 ราย เกิดโครงการสร้างสุขภาพถึง 12,365 โครงการ สสส. ได้สร้างวัฒนธรรมสร้างสุขภาพครอบคลุมทั่วประเทศ โดยมีต่างประเทศมาศึกษาการดำเนินงานของ สสส. มากกว่า 20 ประเทศ อาทิ เวียดนาม มาเลเซีย เกาหลีใต้ มองโกเลีย ภูฏาน และ สปป.ลาว และนำองค์ความรู้จาก สสส. ไปดำเนินการจัดตั้งองค์กรสร้างเสริมสุขภาพในประเทศของตน ทพ.กฤษดา เรืองอารีย์รัชต์ ผู้จัดการ สสส. กล่าวว่า การจัดงานครั้งนี้เพื่อรวบรวมภาคีเครือข่ายครั้งใหญ่ในรอบ 12 ปี ในการทำงานของ สสส. จะทำให้เกิดการพัฒนายุทธศาสตร์ในการขับเคลื่อนงานสร้างเสริมสุขภาพระยะยาว โดยภายในงานจะมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลสร้างเสริมสุขภาพที่หลากหลาย ทั้งองค์ความรู้ทั้งภูมิปัญญาท้องถิ่น เชิงวิชาการ รวมถึงการเตรียมความพร้อมสู่การผลักดันเป็นนโยบายสาธารณะระดับท้องถิ่น และระดับชาติด้วย ผู้สนใจสามารถไปร่วมงานดูรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ www.thaihealth.or.th ขอบคุณ... http://www.dailynews.co.th/article/348/207244

จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย

  1. เพิ่ม
  2. เพิ่ม ลบ
  3. เพิ่ม ลบ
  4. เพิ่ม ลบ
  5. เพิ่ม ลบ
  6. เพิ่ม ลบ
  7. เพิ่ม ลบ
  8. เพิ่ม ลบ
  9. เพิ่ม ลบ
  10. ลบ
เลือกการตกแต่งที่ต้องการ

ตกลง ยกเลิก

รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)

Waiting...

ห้องการเมือง