'กฟผ.'แจงฟ้าผ่าสายส่งทำใต้มืด
'กฟผ.'แจงฟ้าผ่าสายส่งทำใต้มืด เผยระบบไฟฟ้าพื้นที่ภาคใต้เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว ด้าน 'อภิสิทธิ์' หนุน 'นายกฯ' ตรวจสอบไฟดับ 14 จว.ภาคใต้ แนะสะสางปัญหาพลังงาน
22 พ.ค.56 นายสุทัศน์ ปัทมสิริวัฒน์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยถึงกรณีเหตุการณ์ปัญหาไฟฟ้าดับในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ เนื่องจากสายส่งไฟฟ้าแรงสูงเชื่อมโยงจากภาคกลางไปสู่ภาคใต้ช่วงจอมบึง-บาง สะพาน 2 ขัดข้อง ทำให้ กฟผ. ไม่สามารถจ่ายไฟฟ้าจากภาคกลางสู่ภาคใต้ได้
ผู้ว่าการ กฟผ.กล่าวต่อว่า สายส่งที่จ่ายไฟฟ้าไปยังภาคใต้มี 4 เส้น คือ สาย 500 kV จำนวน 2 เส้น และสาย 230 kV จำนวน 2 เส้น โดยในช่วงเช้าเวลา 8.00 น. ของวันเกิดเหตุ กฟผ. ได้ปลดสายส่ง 500kV จำนวน 1 เส้น เพื่อทำการซ่อมบำรุง อย่างไรก็ตาม ในเวลา 17.26 น. สายส่ง 500 kV เส้นที่ 2 เกิดการชำรุดคาดว่า เกิดเนื่องจากฟ้าผ่าทำให้ไม่สามารถจ่ายไฟฟ้าลงภาคใต้ได้ จึงจำเป็นต้องจ่ายไฟฟ้าผ่านสายส่งเส้น 230 kV ซึ่งมีขนาดเล็กกว่า ทำให้สายส่งจ่ายไฟฟ้าเกินกำลังส่งผลให้สายส่งหลุดจากระบบ ประกอบกับจากการที่ภาคใต้ไม่สามารถผลิตไฟฟ้าได้เพียงพอและต้องพึ่งพาการส่ง ไฟฟ้าจากภาคกลางผ่านสายส่งดังกล่าว โดยความต้องการใช้ไฟฟ้า ณ วันที่ 21 พ.ค.56 มีสูงถึง 2,200 เมกะวัตต์ ในขณะที่มีโรงไฟฟ้าภาคใต้เดินเครื่องอยู่ 1,600 เมกะวัตต์ทำให้โรงไฟฟ้าอื่นในภาคใต้ อาทิ โรงไฟฟ้าขนอม โรงไฟฟ้าจะนะ และโรงไฟฟ้าเขื่อนรัชประภา ถูกปลดออกจากระบบโดยอัตโนมัติเนื่องจากความถี่ไฟฟ้าลดลงต่ำกว่ามาตรฐาน 50 (เฮิร์ต) Hz เพื่อความปลอดภัยของโรงไฟฟ้า โดยกฟผ.ได้เร่งแก้ไขสถานการณ์ ด้วยการผลิตไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าทุกโรงในภาคใต้อย่างเต็มกำลังการผลิต รวมทั้งยังเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าจากน้ำมันดีเซลที่ จ.สุราษฎร์ธานี และทางมาเลเซียได้ส่งไฟมาช่วยอีก 200 เมกะวัตต์ทำให้สามารถจ่ายไฟให้ประชาชนได้ทั้งหมดเมื่อเวลา 23.00 น.
“กฟผ.ขออภัยประชาชนต่อเหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้น และได้สั่งการให้มีการตรวจสอบสายส่งไฟฟ้าภาคใต้ทั้งหมด เพื่อมิให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นอีก” นายสุทัศน์ กล่าว
นายสุทัศน์ กล่าวต่อว่า ปัจจุบัน ความต้องการไฟฟ้าในภาคใต้เพิ่มขึ้นราวร้อยละ 6 ต่อปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งจังหวัดชายฝั่งอันดามัน ขณะที่ระบบผลิตไฟฟ้าในพื้นที่ภาคใต้ต้องพึ่งการส่งกระแสไฟฟ้าจากภาคกลางบาง ส่วน แต่ระบบส่งที่ส่งไฟฟ้าจากภาคกลางไปภาคใต้มีลักษณะเป็นคอขวดตามภูมิประเทศใน ช่วงจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ทำให้มีความเสี่ยงต่อระบบส่งไฟฟ้าค่อนข้างสูง ดังนั้น กฟผ. จึงมีแนวทางในการพัฒนาโรงไฟฟ้าหลักในพื้นที่ภาคใต้ และขยายระบบส่งเพิ่มขึ้น ได้แก่ การก่อสร้างโรงไฟฟ้าจะนะแห่งที่ 2 ที่กำลังก่อสร้างและจะจ่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบในปี 2557 และขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาความเหมาะสมโครงการขยายกำลังผลิตโรงไฟฟ้า กระบี่ ใช้เชื้อเพลิงถ่านหินนำเข้า รวมทั้งการปรับปรุงระบบส่งให้มีความมั่นคงยิ่งขึ้น ซึ่งจะเป็นหลักประกันและลดความเสี่ยงต่อระบบไฟฟ้าให้แก่ภาคใต้ในระยะยาว
"อภิสิทธิ์ไหนุน "นายกฯ" ตรวจสอบ ไฟดับ 14 จว.ภาคใต้ แนะสะสางปัญหาพลังงาน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ในรายการฟ้าวันใหม่ ทางสถานีในรายการฟ้าวันใหม่ ทาง Blue Sky Channel ถึงกรณีที่ไฟฟ้าดับในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้เมื่อวันที่ 21 พ.ค.ที่ผ่านมาว่า เรื่องนี้ตนเห็นด้วยกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่สั่งให้มีการตรวจสอบเรื่องนี้ ซึ่งหลายคนก็ตกใจและแปลกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะไม่เคยเจอมาก่อนในรอบหลายสิบปี ซึ่งสาเหตุที่มีการชี้แจงก็จะพุ่งไปที่เรื่องระบบสายส่งขัดข้องที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ทั้งนี้การที่นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รมว.พลังงาน ระบุว่า ไม่ต้องตั้งกรรมการสอบ เพราะเป็นเรื่องทางเทคนิคนั้น ตนเห็นว่าต้องสอบข้อเท็จจริงออกมาก่อนว่ามันเกิดได้อย่างไร ปัญหาของระบบที่เรียกว่าเป็นระบบป้องกัน ระบบสำรองนั้นเกิดอะไรขึ้น ขณะเดียวกันต้องให้ความจริงกับประชาชนตรงไปตรงมา และเมื่อเกิดเหตุขึ้นแล้วก็เป็นโอกาสดีที่จะสะสางปัญหาอย่างตรงไปตรงมาว่า อะไรเป็นอะไร ทั้งนี้เรื่องดังกล่าวจะถูกใช้เป็นข้ออ้างของภาครัฐ ในการจัดหาพลังงานมาใช้หรือไม่ เพราะเรื่องนี้เป็นความขัดแย้งกับท้องถิ่นอยู่
"ต้องเปิดข้อเท็จจริงออกมา โดยเปิดโอกาสให้ประชาชนตรวจสอบได้ ถ้าทำอย่างนี้จะมีความชัดเจนมากขึ้น เพราะต้องยอมรับว่าข้อมูลเรื่องนี้ต่างฝ่ายต่างพูดกันมาเป็นเวลานาน เกือบจะทุกเรื่องที่เกี่ยวกับพลังงาน" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ขอบคุณ... http://www.komchadluek.net/detail/20130522/159110/กฟผ.แจงฟ้าผ่าสายส่งทำใต้มืด.html#.UZ2K4EpHWzs
แสดงความคิดเห็น
รายละเอียดกระทู้
'กฟผ.'แจงฟ้าผ่าสายส่งทำใต้มืด เผยระบบไฟฟ้าพื้นที่ภาคใต้เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว ด้าน 'อภิสิทธิ์' หนุน 'นายกฯ' ตรวจสอบไฟดับ 14 จว.ภาคใต้ แนะสะสางปัญหาพลังงาน 22 พ.ค.56 นายสุทัศน์ ปัทมสิริวัฒน์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยถึงกรณีเหตุการณ์ปัญหาไฟฟ้าดับในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ เนื่องจากสายส่งไฟฟ้าแรงสูงเชื่อมโยงจากภาคกลางไปสู่ภาคใต้ช่วงจอมบึง-บาง สะพาน 2 ขัดข้อง ทำให้ กฟผ. ไม่สามารถจ่ายไฟฟ้าจากภาคกลางสู่ภาคใต้ได้ ผู้ว่าการ กฟผ.กล่าวต่อว่า สายส่งที่จ่ายไฟฟ้าไปยังภาคใต้มี 4 เส้น คือ สาย 500 kV จำนวน 2 เส้น และสาย 230 kV จำนวน 2 เส้น โดยในช่วงเช้าเวลา 8.00 น. ของวันเกิดเหตุ กฟผ. ได้ปลดสายส่ง 500kV จำนวน 1 เส้น เพื่อทำการซ่อมบำรุง อย่างไรก็ตาม ในเวลา 17.26 น. สายส่ง 500 kV เส้นที่ 2 เกิดการชำรุดคาดว่า เกิดเนื่องจากฟ้าผ่าทำให้ไม่สามารถจ่ายไฟฟ้าลงภาคใต้ได้ จึงจำเป็นต้องจ่ายไฟฟ้าผ่านสายส่งเส้น 230 kV ซึ่งมีขนาดเล็กกว่า ทำให้สายส่งจ่ายไฟฟ้าเกินกำลังส่งผลให้สายส่งหลุดจากระบบ ประกอบกับจากการที่ภาคใต้ไม่สามารถผลิตไฟฟ้าได้เพียงพอและต้องพึ่งพาการส่ง ไฟฟ้าจากภาคกลางผ่านสายส่งดังกล่าว โดยความต้องการใช้ไฟฟ้า ณ วันที่ 21 พ.ค.56 มีสูงถึง 2,200 เมกะวัตต์ ในขณะที่มีโรงไฟฟ้าภาคใต้เดินเครื่องอยู่ 1,600 เมกะวัตต์ทำให้โรงไฟฟ้าอื่นในภาคใต้ อาทิ โรงไฟฟ้าขนอม โรงไฟฟ้าจะนะ และโรงไฟฟ้าเขื่อนรัชประภา ถูกปลดออกจากระบบโดยอัตโนมัติเนื่องจากความถี่ไฟฟ้าลดลงต่ำกว่ามาตรฐาน 50 (เฮิร์ต) Hz เพื่อความปลอดภัยของโรงไฟฟ้า โดยกฟผ.ได้เร่งแก้ไขสถานการณ์ ด้วยการผลิตไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าทุกโรงในภาคใต้อย่างเต็มกำลังการผลิต รวมทั้งยังเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าจากน้ำมันดีเซลที่ จ.สุราษฎร์ธานี และทางมาเลเซียได้ส่งไฟมาช่วยอีก 200 เมกะวัตต์ทำให้สามารถจ่ายไฟให้ประชาชนได้ทั้งหมดเมื่อเวลา 23.00 น. “กฟผ.ขออภัยประชาชนต่อเหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้น และได้สั่งการให้มีการตรวจสอบสายส่งไฟฟ้าภาคใต้ทั้งหมด เพื่อมิให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นอีก” นายสุทัศน์ กล่าว นายสุทัศน์ กล่าวต่อว่า ปัจจุบัน ความต้องการไฟฟ้าในภาคใต้เพิ่มขึ้นราวร้อยละ 6 ต่อปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งจังหวัดชายฝั่งอันดามัน ขณะที่ระบบผลิตไฟฟ้าในพื้นที่ภาคใต้ต้องพึ่งการส่งกระแสไฟฟ้าจากภาคกลางบาง ส่วน แต่ระบบส่งที่ส่งไฟฟ้าจากภาคกลางไปภาคใต้มีลักษณะเป็นคอขวดตามภูมิประเทศใน ช่วงจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ทำให้มีความเสี่ยงต่อระบบส่งไฟฟ้าค่อนข้างสูง ดังนั้น กฟผ. จึงมีแนวทางในการพัฒนาโรงไฟฟ้าหลักในพื้นที่ภาคใต้ และขยายระบบส่งเพิ่มขึ้น ได้แก่ การก่อสร้างโรงไฟฟ้าจะนะแห่งที่ 2 ที่กำลังก่อสร้างและจะจ่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบในปี 2557 และขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาความเหมาะสมโครงการขยายกำลังผลิตโรงไฟฟ้า กระบี่ ใช้เชื้อเพลิงถ่านหินนำเข้า รวมทั้งการปรับปรุงระบบส่งให้มีความมั่นคงยิ่งขึ้น ซึ่งจะเป็นหลักประกันและลดความเสี่ยงต่อระบบไฟฟ้าให้แก่ภาคใต้ในระยะยาว "อภิสิทธิ์ไหนุน "นายกฯ" ตรวจสอบ ไฟดับ 14 จว.ภาคใต้ แนะสะสางปัญหาพลังงาน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ในรายการฟ้าวันใหม่ ทางสถานีในรายการฟ้าวันใหม่ ทาง Blue Sky Channel ถึงกรณีที่ไฟฟ้าดับในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้เมื่อวันที่ 21 พ.ค.ที่ผ่านมาว่า เรื่องนี้ตนเห็นด้วยกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่สั่งให้มีการตรวจสอบเรื่องนี้ ซึ่งหลายคนก็ตกใจและแปลกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะไม่เคยเจอมาก่อนในรอบหลายสิบปี ซึ่งสาเหตุที่มีการชี้แจงก็จะพุ่งไปที่เรื่องระบบสายส่งขัดข้องที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ทั้งนี้การที่นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รมว.พลังงาน ระบุว่า ไม่ต้องตั้งกรรมการสอบ เพราะเป็นเรื่องทางเทคนิคนั้น ตนเห็นว่าต้องสอบข้อเท็จจริงออกมาก่อนว่ามันเกิดได้อย่างไร ปัญหาของระบบที่เรียกว่าเป็นระบบป้องกัน ระบบสำรองนั้นเกิดอะไรขึ้น ขณะเดียวกันต้องให้ความจริงกับประชาชนตรงไปตรงมา และเมื่อเกิดเหตุขึ้นแล้วก็เป็นโอกาสดีที่จะสะสางปัญหาอย่างตรงไปตรงมาว่า อะไรเป็นอะไร ทั้งนี้เรื่องดังกล่าวจะถูกใช้เป็นข้ออ้างของภาครัฐ ในการจัดหาพลังงานมาใช้หรือไม่ เพราะเรื่องนี้เป็นความขัดแย้งกับท้องถิ่นอยู่ "ต้องเปิดข้อเท็จจริงออกมา โดยเปิดโอกาสให้ประชาชนตรวจสอบได้ ถ้าทำอย่างนี้จะมีความชัดเจนมากขึ้น เพราะต้องยอมรับว่าข้อมูลเรื่องนี้ต่างฝ่ายต่างพูดกันมาเป็นเวลานาน เกือบจะทุกเรื่องที่เกี่ยวกับพลังงาน" นายอภิสิทธิ์ กล่าว ขอบคุณ... http://www.komchadluek.net/detail/20130522/159110/กฟผ.แจงฟ้าผ่าสายส่งทำใต้มืด.html#.UZ2K4EpHWzs
จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย
รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)