สถานะ การเมือง ของ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รับราชการ ‘ทหาร’
มติของคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 7 ต่อ 2 รับข้อร้องเรียนของ 134 ส.ส.ให้พิจารณาสมาชิกภาพการเป็น ส.ส.ของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
เป็น “เรื่องร้อน” อีกเรื่อง 1 ในทางการเมือง
คง จำกันได้ว่า คำสั่งอันเกี่ยวกับการเข้ารับราชการของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ออกโดย กระทรวงกลาโหมนั้นเป็นเรื่องรุนแรง แหลมคมเป็นอย่างมาก
เป็นคำสั่งที่ไม่ยอมรับการเป็นข้าราชการทหารของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
เรื่องนี้ไม่เพียงแต่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้นำความขึ้นฟ้องร้องต่อศาลปกครองกล่าวหาว่าเป็นคำสั่งอันมิชอบ
และศาลปกครองก็รับเรื่องไว้พิจารณา
นอกจากนั้น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยังนำเรื่องเดียวกันนี้ยื่นต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ด้วย
ทุกอย่างยังคาราคาซังอยู่
สภาพ คาราคาซังเกี่ยวกับคำสั่งกระทรวงกลาโหมที่อยู่ในศาลปกครอง ที่อยู่ในคณะกรรมการป.ป.ช.มีความแตกต่างกับที่ศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่องไว้ พิจารณา
แตกต่างตรงกระบวนการพิจารณาและวินิจฉัย
กระบวนการของศาลปกครองเป็นอย่างไร นับแต่ศาลปกครองรับเรื่องไว้ก็ไม่มีใครทราบรายละเอียดและไม่ทราบว่าจุดสิ้นสุดอยู่ตรงไหน เมื่อใด
เช่นเดียวกับ กระบวนการของคณะกรรมการป.ป.ช.ก็ไม่รู้ว่าคืบหน้าไปแค่ไหน
ตรง กันข้าม กระบวนการของศาลรัฐธรรมนูญมีความแจ่มชัดมากกว่า เพราะพลันที่รับเรื่องก็มีคำสั่งให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้ถูกร้องต้องยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อศาลรัฐธรรมนูญ ภายใน 15 วันนับแต่วันได้รับหนังสือแจ้ง
พอจะมองออกว่าระยะเวลาเป็นอย่างไร
ความจริง คำสั่งกระทรวงกลาโหมนั้นพุ่งเป้าไปยังประเด็นของการใช้เอกสารอันเป็นเท็จเพื่อเข้ารับราชการเป็นสำคัญ
เอกสารอันเป็นเท็จนั้นคืออะไร
หาก ติดตามกระบวนการสอบของกระทรวงกลาโหมก็จะประจักษ์ว่า เป็นเอกสารว่าได้เข้ารับการเกณฑ์ทหารทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงมิได้เป็นการเกณฑ์ทหารอย่างแท้จริง
กระทรวงกลาโหมยืนยันว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่เคยเข้ารับการเกณฑ์ทหาร
เมื่อเป็นเช่นนี้ในความเห็นของคณะกรรมการที่กระทรวงกลาโหมแต่งตั้งคือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ใช้เอกสารอันเป็นเท็จเข้ารับราชการทหาร
การเป็นทหารของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จึงไม่เป็นจริง
ไม่ว่าจะเป็นการพิจารณาของศาลปกครอง ศาลรัฐธรรมนูญ หรือป.ป.ช. ล้วนอยู่ในสายตาประชาชน
ไม่ ว่าจะเห็นว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่ผิด ไม่ว่าจะตั้งต่อความสงสัย ความชอบธรรมของคำสั่งกระทรวงกลาโหม ล้วนสำคัญและมีผลสะเทือนเป็นอย่างสูง
สะเทือนต่อมาตรฐานแห่งความยุติธรรม
แสดงความคิดเห็น
รายละเอียดกระทู้
มติของคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 7 ต่อ 2 รับข้อร้องเรียนของ 134 ส.ส.ให้พิจารณาสมาชิกภาพการเป็น ส.ส.ของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็น “เรื่องร้อน” อีกเรื่อง 1 ในทางการเมือง คง จำกันได้ว่า คำสั่งอันเกี่ยวกับการเข้ารับราชการของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ออกโดย กระทรวงกลาโหมนั้นเป็นเรื่องรุนแรง แหลมคมเป็นอย่างมาก เป็นคำสั่งที่ไม่ยอมรับการเป็นข้าราชการทหารของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เรื่องนี้ไม่เพียงแต่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้นำความขึ้นฟ้องร้องต่อศาลปกครองกล่าวหาว่าเป็นคำสั่งอันมิชอบ และศาลปกครองก็รับเรื่องไว้พิจารณา นอกจากนั้น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยังนำเรื่องเดียวกันนี้ยื่นต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ด้วย ทุกอย่างยังคาราคาซังอยู่ สภาพ คาราคาซังเกี่ยวกับคำสั่งกระทรวงกลาโหมที่อยู่ในศาลปกครอง ที่อยู่ในคณะกรรมการป.ป.ช.มีความแตกต่างกับที่ศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่องไว้ พิจารณา แตกต่างตรงกระบวนการพิจารณาและวินิจฉัย กระบวนการของศาลปกครองเป็นอย่างไร นับแต่ศาลปกครองรับเรื่องไว้ก็ไม่มีใครทราบรายละเอียดและไม่ทราบว่าจุดสิ้นสุดอยู่ตรงไหน เมื่อใด เช่นเดียวกับ กระบวนการของคณะกรรมการป.ป.ช.ก็ไม่รู้ว่าคืบหน้าไปแค่ไหน ตรง กันข้าม กระบวนการของศาลรัฐธรรมนูญมีความแจ่มชัดมากกว่า เพราะพลันที่รับเรื่องก็มีคำสั่งให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้ถูกร้องต้องยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อศาลรัฐธรรมนูญ ภายใน 15 วันนับแต่วันได้รับหนังสือแจ้ง พอจะมองออกว่าระยะเวลาเป็นอย่างไร ความจริง คำสั่งกระทรวงกลาโหมนั้นพุ่งเป้าไปยังประเด็นของการใช้เอกสารอันเป็นเท็จเพื่อเข้ารับราชการเป็นสำคัญ เอกสารอันเป็นเท็จนั้นคืออะไร หาก ติดตามกระบวนการสอบของกระทรวงกลาโหมก็จะประจักษ์ว่า เป็นเอกสารว่าได้เข้ารับการเกณฑ์ทหารทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงมิได้เป็นการเกณฑ์ทหารอย่างแท้จริง กระทรวงกลาโหมยืนยันว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่เคยเข้ารับการเกณฑ์ทหาร เมื่อเป็นเช่นนี้ในความเห็นของคณะกรรมการที่กระทรวงกลาโหมแต่งตั้งคือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ใช้เอกสารอันเป็นเท็จเข้ารับราชการทหาร การเป็นทหารของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จึงไม่เป็นจริง ไม่ว่าจะเป็นการพิจารณาของศาลปกครอง ศาลรัฐธรรมนูญ หรือป.ป.ช. ล้วนอยู่ในสายตาประชาชน ไม่ ว่าจะเห็นว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่ผิด ไม่ว่าจะตั้งต่อความสงสัย ความชอบธรรมของคำสั่งกระทรวงกลาโหม ล้วนสำคัญและมีผลสะเทือนเป็นอย่างสูง สะเทือนต่อมาตรฐานแห่งความยุติธรรม ขอบคุณ...http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNMk9EZ3dORFV4Tnc9PQ==§ionid=
จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย
รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)