รายละเอียดกระทู้

ศึกศักดิ์ศรี...ในศาลโลก? คมชัดลึกจัดถกศึกศักดิ์ศรี...ในศาลโลก? ข้อพิพาทเรื่อง "ปราสาทพระวิหาร" ร้อนระอุขึ้นมาอีกครั้ง โดยวันที่ 15-19 เมษายนนี้ ทีมกฎหมายของไทย และกัมพูชา จะเดินทางไปขึ้นศาลโลก ณ กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ส่วนคำพิพากษาจะออกมาแบบใด ผลการตัดสินจะทำให้ปมร้าวของ 2 ชาติ ปริร้าวยิ่งขึ้นหรือไม่ รายการ "คม ชัด ลึก" ทางสถานีโทรทัศน์เนชั่น แชนแนล มีคำตอบให้ ในตอน "ศึกศักดิ์ศรี... ในศาลโลก?" สุภลักษณ์ กาญจนขุนดี ผู้สื่อข่าวอาวุโส หนังสือพิมพ์เดอะ เนชั่น บอกว่า เรื่องนี้ของจริง ชีวิตคน และเขตแดนไม่น่ากลัว ที่ผ่านมาศาลโลกเคยตัดสินคดีลักษณะนี้มากมาย อีกทั้งพื้นที่บริเวณนั้นคนไทยไม่เคยใช้ประโยชน์ หากเสียไปรูปร่างประเทศก็คงไม่เสียไป ถ้ามองมิตินี้ถือว่าไม่กระทบ แต่มิติที่สอง คือ เป็นมุมเรื่องความสูญเสียอธิปไตย กระทั่งเป็นมรดกโลก นำมาสู่การท่องเที่ยว งบประมาณ ตรงนี้เราสามารถเจรจากัน เพื่อแยกพื้นที่ทับซ้อนออกจากตัวปราสาทได้ "จุดประสงค์ของกัมพูชาต้องการให้เรื่องสู่ศาลโลก เขาเดินเกมอย่างเป็นระบบ แต่ฝ่ายไทยตั้งรับอย่างเดียว ผู้นำเขมรเฝ้ามองเรื่องนี้มาโดยตลอด เขารู้ว่า วิธีการจะทะเลาะกัน รู้อารมณ์คนไทยคงยอมไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงต้องพึ่งศาลโลก" สุภลักษณ์ย้ำ รศ.ดร.ศรีศักร วัลลิโภดม ที่ปรึกษามูลนิธิเล็กประไพ-วิริยะพันธุ์ ยืนยันว่า ไม่ห่วงเรื่องอะไร ยกเว้นเรื่องรัฐบาลทุกสมัยที่อยากให้ไทยแพ้ เพราะในยุคประชาธิปัตย์ไม่สนใจ แต่รัฐบาลต่อมาเขาสนใจ เพราะต้องการผลประโยชน์จากทรัพยากร กระทั่งกัมพูชาประกาศผลักดันเป็นมรดกโลก เพื่อประโยชน์ของผู้นำกัมพูชา และนักการเมืองกัมพูชา ส่วนครั้งนี้เราคงไม่ค้านเป็นมรดกโลก ถ้าแบ่งพื้นที่เท่ากัน "เรื่องนี้ตัวจุดปัญหาคือ มรดกโลก เพราะคำตัดสินเดิมเรายอมรับแล้วว่า ตัวปราสาทเป็นของกัมพูชา แต่มรดกโลก หรือยูเนสโก เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง เพราะอยากได้พื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร เพราะมันเป็นทางขึ้นปราสาทพระวิหาร และอยู่ฝั่งไทย" รศ.ดร.ศรีศักรกล่าว ขณะที่ วีรพัฒน์ ปริยวงศ์ นักกฎหมายอิสระ ระบุว่า คดีนี้ต้องรอไปอีกนานถึงปลายปีนี้ กว่าคณะผู้พิพากษาศาลโลกจะตีความตามที่กัมพูชายื่นขอ ซึ่งอาจจะรับหรือไม่รับตีความของกัมพูชาก็ได้ เรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องความรู้สึก และศักดิ์ศรี ความภาคภูมิใจ เพราะสุดท้ายสมมุติศาลตีความให้ไทยชนะ กัมพูชาก็จะรบ หรือถ้าตีความให้กัมพูชาชนะ เราก็จะรบ เราจะยึดศักดิ์ศรีแล้วรบราฆ่าฟันกันหรือ แต่มองว่าศาลอาจตีความเพื่อปลดล็อกเงื่อนไขบางข้อ ให้นำไปสู่การเจรจา "โจทย์ของกัมพูชาให้ตีความเรื่องเขตแดน ส่วนไทยไม่ติดใจเรื่องตัวปราสาท เพราะคำตัดสินเมื่อปี 2505 ไม่เคยมีเรื่องเขตแดนและแผนที่ จึงเป็นเจตนาอุทธรณ์คดีเพื่อให้ศาลตีความใหม่เรื่องเขตแดนและแผนที่ คืออุทธรณ์เรื่องที่ตัวเองไม่ได้ดังใจ" วีรพัฒน์กล่าว ขอบคุณ http://www.komchadluek.net/detail/20130411/155997/ศึกศักดิ์ศรี...ในศาลโลก.html#.UWd-pTcs2y