จับตาการเมืองร้อนยิ่งกว่าอากาศ

แสดงความคิดเห็น

เดือนเม.ย.ทุกปีจะเป็นช่วงที่อากาศร้อนมากเกือบทุกปี ซึ่งก็เป็นผลมาจากภาวะโลกร้อน ที่ทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้น

จาก น้ำมือมนุษย์นี่แหล่ะ แต่แม้อากาศจะร้อนเพียงใด คงไม่เท่าความร้อนแรงของอุณหภูมิการเมือง โดยเฉพาะความอยู่รอดของนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าจะสามารถนำพารัฐนาวาเดินหน้าต่อไปได้หรือไม่ท่ามกลางมรสุมการเมืองร้อนๆ ในช่วงนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ การแก้ไข พ.ร.บ.นิรโทษกรรม หรือ กรณีการปล่อยกู้ 30 ล้านบาทของให้บริษัท แอ็ด อินเด็กซ์ จำกัด ของนายอนุสรณ์ อมรฉัตร สามีนายกรัฐมนตรี ซึ่งในกรณีหลังสุดนี้ กำลังกลายเป็นประเด็นที่พรรคเพื่อไทย เป็นกังวลถึงการให้คำตอบของนายกฯต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต แห่งชาติ (ปปช.) ที่อาจสั่นสะเทือนถึงเก้าอี้นายกฯ

ทันทีที่ พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานวงเงิน 2 ล้านล้านบาท ผ่านความเห็นชอบของสภาเมื่อวันศุกร์ 29 มีค. ที่ผ่านมา รัฐบาลและพรรคเพื่อไทยก็เดินหน้าลุยต่อ กับการเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา 3 ฉบับ ทั้งๆ ที่รู้ว่า เรื่องดังกล่าว มีความเสี่ยงและมีแรงกดดัน ทั้งจากในและนอกสภา ดุเดือดกว่าร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท

แต่เพื่อเดินหน้าให้ถึงเป้าหมายของ “นาย ใหญ่” รัฐบาลก็ยอม “เปลี่ยน” จากการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ มาเป็นการแก้รายมาตรา เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกฝ่ายค้านเล่นเกมภายหลัง เพราะศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการยกร่างใหม่ทั้งฉบับจะกระทำได้ก็ต่อเมื่อ ต้องผ่านการทำประชามติก่อน

ดังนั้นต่อให้ในอนาคต หากมีการนำคดีขึ้นสู่ศาลรัฐธรรมนูญ ก็มั่นใจว่าจะไม่กระทบต่อกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรค เพราะ” นายใหญ่” รู้ว่า ปลายทางของการผ่าน พ.ร.บ. 2 ล้านล้าน กับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะไปติดอยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญ

นายใหญ่จึงมีคำสั่งให้รัฐบาลเร่ง เดินหน้านโยบายทุกเรื่องไปทั้งหมด ทั้ง พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้าน หรือแก้ไขรัฐธรรมนูญ ล่าสุดยังส่งสัญญาณให้เดินหน้า กฎหมายนิรโทษกรรม ในสมัยประชุมหน้า ควบคู่ไปกับการแก้รัฐธรรมนูญ พร้อมให้ส.ส.พรรคเพื่อไทยนำโดย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ขับเคลื่อนและผลักดันร่างพ.ร.บ.ปรองดอง รวมทั้งผลักดันผ่านกลไกของส่วนราชการ อย่าง ผู้ว่าราชการจังหวัด และตำรวจ

โดย มีกระแสข่าวออกมาว่า ร่างก.ม.นิรโทษกรรมฉบับ ร.ต.อ.เฉลิม มีเป้าหมาย ที่จะยกเลิกความผิด ครอบคลุม ไปตั้งแต่การยึดอำนาจ เมื่อวันที่ 19 ก.ย.49 กับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง รวมถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ตลอดจนตั้งเป้าหมายจะ“ตัดตอน-บอนไซ” องค์กรอิสระทั้งหลาย โดยเฉพาะองค์กรอิสระที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล

นั่นจึงถือเป็น “ระเบิดลูกใหญ่” ของการเมืองไทยและเป็นเรื่องร้อนแรงของประเทศเลยก็ว่าได้ นี่สิ่งที่ต้องจับตามอง เพราะหากการเมืองเกิดร้อนแรงจนระอุขึ้นมาล่ะก้อ ...ภาคธุรกิจเองก็ต้องหวั่นไหวเป็นธรรมดา ซึ่งล่าสุดบริษัทจัดอันดับเครดิตประเทศของต่างประเทศเอง ก็จับตาปัจจัยการเมืองของไทยว่าจะมีความร้อนแรงมากน้อยขนาดไหน และจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยหรือไม่อย่างไร งานปัจจัยการเมืองจึงถือว่า “ร้อน” มากกว่าอุณหภูมิในช่วงเดือนเมษาฯหลายเท่า

ขอบคุณ http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/politics/opinion/pranom/20130403/498483/จับตาการเมืองร้อนยิ่งกว่าอากาศ.html

ที่มา: กรุงเทพธุรกิจออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 2 เม.ย.56
วันที่โพสต์: 3/04/2556 เวลา 04:40:02

แสดงความคิดเห็น

รอตรวจสอบ
จัดฟอร์แม็ต ดูการแสดงผล

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

ยกเลิก

รายละเอียดกระทู้

เดือนเม.ย.ทุกปีจะเป็นช่วงที่อากาศร้อนมากเกือบทุกปี ซึ่งก็เป็นผลมาจากภาวะโลกร้อน ที่ทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้น จาก น้ำมือมนุษย์นี่แหล่ะ แต่แม้อากาศจะร้อนเพียงใด คงไม่เท่าความร้อนแรงของอุณหภูมิการเมือง โดยเฉพาะความอยู่รอดของนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าจะสามารถนำพารัฐนาวาเดินหน้าต่อไปได้หรือไม่ท่ามกลางมรสุมการเมืองร้อนๆ ในช่วงนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ การแก้ไข พ.ร.บ.นิรโทษกรรม หรือ กรณีการปล่อยกู้ 30 ล้านบาทของให้บริษัท แอ็ด อินเด็กซ์ จำกัด ของนายอนุสรณ์ อมรฉัตร สามีนายกรัฐมนตรี ซึ่งในกรณีหลังสุดนี้ กำลังกลายเป็นประเด็นที่พรรคเพื่อไทย เป็นกังวลถึงการให้คำตอบของนายกฯต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต แห่งชาติ (ปปช.) ที่อาจสั่นสะเทือนถึงเก้าอี้นายกฯ ทันทีที่ พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานวงเงิน 2 ล้านล้านบาท ผ่านความเห็นชอบของสภาเมื่อวันศุกร์ 29 มีค. ที่ผ่านมา รัฐบาลและพรรคเพื่อไทยก็เดินหน้าลุยต่อ กับการเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา 3 ฉบับ ทั้งๆ ที่รู้ว่า เรื่องดังกล่าว มีความเสี่ยงและมีแรงกดดัน ทั้งจากในและนอกสภา ดุเดือดกว่าร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท แต่เพื่อเดินหน้าให้ถึงเป้าหมายของ “นาย ใหญ่” รัฐบาลก็ยอม “เปลี่ยน” จากการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ มาเป็นการแก้รายมาตรา เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกฝ่ายค้านเล่นเกมภายหลัง เพราะศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการยกร่างใหม่ทั้งฉบับจะกระทำได้ก็ต่อเมื่อ ต้องผ่านการทำประชามติก่อน ดังนั้นต่อให้ในอนาคต หากมีการนำคดีขึ้นสู่ศาลรัฐธรรมนูญ ก็มั่นใจว่าจะไม่กระทบต่อกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรค เพราะ” นายใหญ่” รู้ว่า ปลายทางของการผ่าน พ.ร.บ. 2 ล้านล้าน กับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะไปติดอยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญ นายใหญ่จึงมีคำสั่งให้รัฐบาลเร่ง เดินหน้านโยบายทุกเรื่องไปทั้งหมด ทั้ง พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้าน หรือแก้ไขรัฐธรรมนูญ ล่าสุดยังส่งสัญญาณให้เดินหน้า กฎหมายนิรโทษกรรม ในสมัยประชุมหน้า ควบคู่ไปกับการแก้รัฐธรรมนูญ พร้อมให้ส.ส.พรรคเพื่อไทยนำโดย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ขับเคลื่อนและผลักดันร่างพ.ร.บ.ปรองดอง รวมทั้งผลักดันผ่านกลไกของส่วนราชการ อย่าง ผู้ว่าราชการจังหวัด และตำรวจ โดย มีกระแสข่าวออกมาว่า ร่างก.ม.นิรโทษกรรมฉบับ ร.ต.อ.เฉลิม มีเป้าหมาย ที่จะยกเลิกความผิด ครอบคลุม ไปตั้งแต่การยึดอำนาจ เมื่อวันที่ 19 ก.ย.49 กับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง รวมถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ตลอดจนตั้งเป้าหมายจะ“ตัดตอน-บอนไซ” องค์กรอิสระทั้งหลาย โดยเฉพาะองค์กรอิสระที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล นั่นจึงถือเป็น “ระเบิดลูกใหญ่” ของการเมืองไทยและเป็นเรื่องร้อนแรงของประเทศเลยก็ว่าได้ นี่สิ่งที่ต้องจับตามอง เพราะหากการเมืองเกิดร้อนแรงจนระอุขึ้นมาล่ะก้อ ...ภาคธุรกิจเองก็ต้องหวั่นไหวเป็นธรรมดา ซึ่งล่าสุดบริษัทจัดอันดับเครดิตประเทศของต่างประเทศเอง ก็จับตาปัจจัยการเมืองของไทยว่าจะมีความร้อนแรงมากน้อยขนาดไหน และจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยหรือไม่อย่างไร งานปัจจัยการเมืองจึงถือว่า “ร้อน” มากกว่าอุณหภูมิในช่วงเดือนเมษาฯหลายเท่า ขอบคุณ http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/politics/opinion/pranom/20130403/498483/จับตาการเมืองร้อนยิ่งกว่าอากาศ.html

จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย

  1. เพิ่ม
  2. เพิ่ม ลบ
  3. เพิ่ม ลบ
  4. เพิ่ม ลบ
  5. เพิ่ม ลบ
  6. เพิ่ม ลบ
  7. เพิ่ม ลบ
  8. เพิ่ม ลบ
  9. เพิ่ม ลบ
  10. ลบ
เลือกการตกแต่งที่ต้องการ

ตกลง ยกเลิก

รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)

Waiting...

ห้องการเมือง