เถ้าแก่กับพรรคการเมือง

แสดงความคิดเห็น

พรรคการเมืองส่วนหนึ่งในประเทศไทยมิใช่แหล่งประชุมชนของผู้ที่มีอุดมการณ์และแนวคิดทางการเมืองที่สอดคล้องต้องกัน หากเป็นไปในลักษณะของการรวมตัวกันเพื่อประโยชน์ส่วนตน ซึ่งการรวมตัวดังกล่าว บางพรรคอาจเป็นไปในรูปลักษณ์ของบริษัทธุรกิจซึ่งมีหุ้นส่วนและแสวงหาผลกำไรมาแบ่งปันกัน แต่บางพรรคก็เป็นแบบกิจการร้านโชห่วยหรือกิจการในครอบครัว ที่ผู้มีอำนาจในพรรคเป็นเถ้าแก่จัดการกิจการภายในพรรคแบบเบ็ดเสร็จ โดยลูกพรรคไม่ต้องมีปากมีเสียงหรือมีความคิดใดๆ ทั้งสิ้น

ภาพของการเมืองไทยในปัจจุบัน จึงไม่ใช่ภาพของการต่อสู้ด้วยอุดมคติอันสวยงาม หรือการต่อสู้ทางชนชั้น การต่อสู้เพื่อสิทธิเสรีภาพ และความเสมอภาค ตามระบอบประชาธิปไตย อย่างที่ถูกสร้างภาพ หากแต่เป็นการต่อสู้ในเชิงธุรกิจเพื่อนำไปสู่การค้าแบบผูกขาดที่ไร้การแข่งขัน รวมทั้งการได้มาซึ่งผลกำไรในการประกอบการสูงสุดแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งเป็นเรื่องที่เป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อการเมือง การปกครอง ความมั่นคง เศรษฐกิจ และสังคมของประเทศชาติ

การเติบโตของพรรคการเมืองที่ก้าวไปพร้อมๆ กับความเติบโตทางความรู้ความเข้าใจของประชาชนในเรื่องของการเมืองในระบอบประชาธิปไตย เป็นเรื่องที่ดีงาม แต่การชักจูงหรือโน้มนำประชาชนไปสู่ทิศทางที่ตนต้องการ เพื่อสร้างความรู้สึกถูกต้องในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง สร้างความรู้สึกว่าชอบธรรมในสิ่งที่ไม่ชอบธรรม นั้น เป็นการบิดเบือนความถูกต้องตามกฎหมายและทำนองคลองธรรมให้บิดเบี้ยว ย่อมเป็นเรื่องที่เลวร้ายอย่างแน่นอน

ประเทศไทยไม่ใช่ร้านโชห่วยหรือบริษัทส่วนตัวของใครคนใดคนหนึ่ง หรือต่อให้เป็นเช่นนั้น คนไทยก็คงเป็นเพียงแค่ลูกจ้างปลายแถวที่กินเงินเดือนถูกๆ โดยไม่มีโอกาสได้ถือหุ้นในบริษัท และปล่อยให้อำนาจในการบริหารจัดการและตัดสินใจอยู่ในมือเถ้าแก่เพียงคนเดียว ซึ่งขณะที่เถ้าแกร่ำรวยขึ้นเรื่อยๆ ลูกจ้างก็จนลงเรื่อยๆ เช่นกัน - แต่เมื่อประเทศไทยไม่ใช่บริษัทส่วนตัวของใคร คนไทยทุกคนจึงสามารถที่จะมีสิทธิเสรีภาพ มีความคิดเห็น ที่เป็นของตนเอง โดยไม่ต้องคอยเหลียวหน้าเหลียวหลังก่อนที่จะพูดหรือทำอะไร และควรที่จะรักษาสิ่งเหล่านี้ไว้อย่างเต็มที่ อย่าให้ตกอยู่ในมือของเถ้าแก่คนไหนเป็นอันขาด

เป็นเรื่องธรรมดาของการเมืองการค้าแบบเถ้าแก่ร้านโชห่วย ที่จะไม่มีวันยอมให้อำนาจในการบริหารร้านหรือพรรคการเมืองไปอยู่ในมือของคนอื่น ที่ไม่ใช่ลูกหลานหรือวงศ์วานว่านเครือ และก็เป็นเรื่องธรรมดาของการเมืองแบบเถ้าแก่ ที่สามารถจะสั่งให้ลูกน้องหันซ้ายหันขวาได้ตลอดเวลาเหมือนตุ๊กตาไขลาน ซึ่งก็เป็นเรื่องธรรมดาอีกเช่นกัน ที่ประชาชนจะหวังอะไรจากพรรคการเมืองแบบนี้ไม่ได้มากนัก เว้นแต่จะเป็นเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อพรรคของเถ้าแก่หรือตัวเถ้าแก่เอง

การค้าของโลกทุกวันนี้ เป็นยุคสมัยของการค้าเสรี และการทำงานแบบมืออาชีพที่ระดมสมองและประสบการณ์มาทำงานร่วมกัน ไม่ใช่กิจการร้านโชห่วยของเถ้าแก่คนเดียวแบบเดิมๆ อีกต่อไปแล้ว

เมื่อไหร่การเมืองแบบการค้าของไทย ถึงจะก้าวทันโลกสักทีครับ?

ขอบคุณ http://www.komchadluek.net/detail/20130327/154820/เถ้าแก่กับพรรคการเมือง.html#.UVJnyjc7va4 (ขนาดไฟล์: 167)

ที่มา: คมชัดลึกออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 26 มี.ค.56
วันที่โพสต์: 27/03/2556 เวลา 03:33:10

แสดงความคิดเห็น

รอตรวจสอบ
จัดฟอร์แม็ต ดูการแสดงผล

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

ยกเลิก

รายละเอียดกระทู้

พรรคการเมืองส่วนหนึ่งในประเทศไทยมิใช่แหล่งประชุมชนของผู้ที่มีอุดมการณ์และแนวคิดทางการเมืองที่สอดคล้องต้องกัน หากเป็นไปในลักษณะของการรวมตัวกันเพื่อประโยชน์ส่วนตน ซึ่งการรวมตัวดังกล่าว บางพรรคอาจเป็นไปในรูปลักษณ์ของบริษัทธุรกิจซึ่งมีหุ้นส่วนและแสวงหาผลกำไรมาแบ่งปันกัน แต่บางพรรคก็เป็นแบบกิจการร้านโชห่วยหรือกิจการในครอบครัว ที่ผู้มีอำนาจในพรรคเป็นเถ้าแก่จัดการกิจการภายในพรรคแบบเบ็ดเสร็จ โดยลูกพรรคไม่ต้องมีปากมีเสียงหรือมีความคิดใดๆ ทั้งสิ้น ภาพของการเมืองไทยในปัจจุบัน จึงไม่ใช่ภาพของการต่อสู้ด้วยอุดมคติอันสวยงาม หรือการต่อสู้ทางชนชั้น การต่อสู้เพื่อสิทธิเสรีภาพ และความเสมอภาค ตามระบอบประชาธิปไตย อย่างที่ถูกสร้างภาพ หากแต่เป็นการต่อสู้ในเชิงธุรกิจเพื่อนำไปสู่การค้าแบบผูกขาดที่ไร้การแข่งขัน รวมทั้งการได้มาซึ่งผลกำไรในการประกอบการสูงสุดแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งเป็นเรื่องที่เป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อการเมือง การปกครอง ความมั่นคง เศรษฐกิจ และสังคมของประเทศชาติ การเติบโตของพรรคการเมืองที่ก้าวไปพร้อมๆ กับความเติบโตทางความรู้ความเข้าใจของประชาชนในเรื่องของการเมืองในระบอบประชาธิปไตย เป็นเรื่องที่ดีงาม แต่การชักจูงหรือโน้มนำประชาชนไปสู่ทิศทางที่ตนต้องการ เพื่อสร้างความรู้สึกถูกต้องในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง สร้างความรู้สึกว่าชอบธรรมในสิ่งที่ไม่ชอบธรรม นั้น เป็นการบิดเบือนความถูกต้องตามกฎหมายและทำนองคลองธรรมให้บิดเบี้ยว ย่อมเป็นเรื่องที่เลวร้ายอย่างแน่นอน ประเทศไทยไม่ใช่ร้านโชห่วยหรือบริษัทส่วนตัวของใครคนใดคนหนึ่ง หรือต่อให้เป็นเช่นนั้น คนไทยก็คงเป็นเพียงแค่ลูกจ้างปลายแถวที่กินเงินเดือนถูกๆ โดยไม่มีโอกาสได้ถือหุ้นในบริษัท และปล่อยให้อำนาจในการบริหารจัดการและตัดสินใจอยู่ในมือเถ้าแก่เพียงคนเดียว ซึ่งขณะที่เถ้าแกร่ำรวยขึ้นเรื่อยๆ ลูกจ้างก็จนลงเรื่อยๆ เช่นกัน - แต่เมื่อประเทศไทยไม่ใช่บริษัทส่วนตัวของใคร คนไทยทุกคนจึงสามารถที่จะมีสิทธิเสรีภาพ มีความคิดเห็น ที่เป็นของตนเอง โดยไม่ต้องคอยเหลียวหน้าเหลียวหลังก่อนที่จะพูดหรือทำอะไร และควรที่จะรักษาสิ่งเหล่านี้ไว้อย่างเต็มที่ อย่าให้ตกอยู่ในมือของเถ้าแก่คนไหนเป็นอันขาด เป็นเรื่องธรรมดาของการเมืองการค้าแบบเถ้าแก่ร้านโชห่วย ที่จะไม่มีวันยอมให้อำนาจในการบริหารร้านหรือพรรคการเมืองไปอยู่ในมือของคนอื่น ที่ไม่ใช่ลูกหลานหรือวงศ์วานว่านเครือ และก็เป็นเรื่องธรรมดาของการเมืองแบบเถ้าแก่ ที่สามารถจะสั่งให้ลูกน้องหันซ้ายหันขวาได้ตลอดเวลาเหมือนตุ๊กตาไขลาน ซึ่งก็เป็นเรื่องธรรมดาอีกเช่นกัน ที่ประชาชนจะหวังอะไรจากพรรคการเมืองแบบนี้ไม่ได้มากนัก เว้นแต่จะเป็นเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อพรรคของเถ้าแก่หรือตัวเถ้าแก่เอง การค้าของโลกทุกวันนี้ เป็นยุคสมัยของการค้าเสรี และการทำงานแบบมืออาชีพที่ระดมสมองและประสบการณ์มาทำงานร่วมกัน ไม่ใช่กิจการร้านโชห่วยของเถ้าแก่คนเดียวแบบเดิมๆ อีกต่อไปแล้ว เมื่อไหร่การเมืองแบบการค้าของไทย ถึงจะก้าวทันโลกสักทีครับ? ขอบคุณ http://www.komchadluek.net/detail/20130327/154820/เถ้าแก่กับพรรคการเมือง.html#.UVJnyjc7va4

จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย

  1. เพิ่ม
  2. เพิ่ม ลบ
  3. เพิ่ม ลบ
  4. เพิ่ม ลบ
  5. เพิ่ม ลบ
  6. เพิ่ม ลบ
  7. เพิ่ม ลบ
  8. เพิ่ม ลบ
  9. เพิ่ม ลบ
  10. ลบ
เลือกการตกแต่งที่ต้องการ

ตกลง ยกเลิก

รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)

Waiting...

ห้องการเมือง