ม.หอการค้าจัดผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.แสดงวิสัยทัศน์

แสดงความคิดเห็น

ม.หอการค้าจัดผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.แสดงวิสัยทัศน์

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2556 16:01

ขอบคุณ... http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/politics/local/20130215/490592/%E0%B8%A1.%E0%B8%AB%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%AF-%E0%B8%81%E0%B8%97%E0%B8%A1.%E0%B9%81%E0%B8%AA%E0%B8%94%E0%B8%87%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B8%A8%E0%B8%99%E0%B9%8C.html (ขนาดไฟล์: 167)

มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย จัดเวทีแสดงวิสัยทัศน์ทางเศรษฐกิจและสังคมผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. ในหัวข้อ"นโยบายผู้ว่าคนใหม่: เป๊ะเวอร์ โดนใจวัยรุ่นหรือไม่" ณ หอประชุม มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย โดยมีพล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. พรรคเพื่อไทย ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.พรรคประชาธิปัตย์ นายโฆสิต สุวินิจจิต ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ในนามอิสระ นายสุหฤท สยามวาลา ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ในนามอิสระ เข้าร่วมแสดงวิสัยทัศน์ ซึ่งมี รองศาสตราจารย์ ดร.เสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เป็นประธานกล่าวเปิดงาน ดำเนินรายการโดยผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย รองอธิการบดีฝ่ายวิจัย มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย

พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวว่า อยากให้กทม.เป็นมหานครของความปลอดภัย ซึ่งปัจจุบันปัญหาเยาวชนก็หนีไม่พ้นปัญหายาเสพติด ตนจะให้มีการปิดล้อมพื้นที่เอกซเรย์ หาเยาวชนที่ติดยาเสพติดเพื่อส่งตัวเข้ารับการบำบัด และก็ส่งคืนสู่สังคม ซึ่งจะต้องมีหน่วยงานที่ต้องดูแลเรื่องนี้โดยตรง โดยในด้านความปลอดภัยนั้นรวมไปถึงนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวที่กทม.ด้วย ซึ่งจะให้มีการเชื่อมกล้องซีซีทีวีไปยังสถานีตำรวจ เพิ่มแสงไฟสว่างให้ทั่วกทม.ไว้ว่าจะเป็นบบถนน ป้ายรถเมล์ หรือทางเดินเท้าด้วย โดยปัญหาอาชญากรรม ผู้ว่าฯกทม.ต้องพยากรณ์ได้ล่วงหน้าว่าจะเกิดขึ้นที่ไหน กับใคร ต้องมีการเฝ้าระวัง ซึ่งยังได้จ้างคนจำนวน 1 แสนคนเพื่อช่วยในการดูปัญหาช่วยกล้องซีซีทีวี ถ้าชีวิตคนเมืองดีไม่มีปัญหายาเสพติด ไม่มีอบายมุข เป็นเมืองที่น่าอยู่ นักท่องเที่ยวก็จะเข้ามาท่องเที่ยว

พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวอีกว่า กทม.มีหน้าที่ต้องรับผิดชอบดูแลเรื่องความปลอดภัยให้กับประชาชน แม้ว่าจะต้องใช้งบประมาณเท่าไหร่ก็ตาม ซึ่งปัจจุบันปัญหาอาชญากรรมเพิ่มขึ้นทุกวัน ต้องมีการดูแลอย่างจริงจัง รวมไปถึงดูแลความปลอดภัยด้านอัคคีภัยด้วย ให้รถดับเพลิงเข้าถึงพื้นที่เร็วขึ้น 50% โดยตนตระหนักดีที่กทม.มีปัญหามาก ต้องเร่งแก้ไข ตนอยากลดรายจ่ายและสร้างรายได้ให้แก่ประชาชน ซึ่งปัญหาปากท้อง รายได้ เป็นปัจจัยหนึ่งที่ก่อให้เกิดปัญหาอาชญากรรมเช่นกัน โดยตนจะแก้ไขเรื่องปัญหาการจราจรด้วยให้นำรถเมล์ 3-4 %ไปวิ่งชายขอบกทม.เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนได้มีรถเมล์นั่งมายังในเมืองด้วย ทั้งนี้จะสร้างตลาดให้ประชาชนนำของมาขายเพื่อสร้างรายได้อีกด้วย

พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวถึงกรณีการแก้ปัญหาเยาวชนอีกว่า เยาวชนแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ เยาวชนที่ไม่มีปัญหา กับเยาวชนที่มีปัญหา ส่วนใหญ่เยาวชนทีมีปัญหาก็มักจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ซึ่งตนก็รู้หมดแล้วถึงปัญหาว่าอะไรอยู่ตรงไหน เพราะทำเกี่ยวกับปัญหายาเสพติดมาก่อน ทั้งนี้อยากให้เยาวชนมีจิตอาสา มีจริยธรรม ซึ่งก็จะทำให้ปัญหาต่างๆลดไปได้ ส่วนปัญหาอบายมุขที่ตั้งอยู่ล้อมรอบสถานศึกษานั้น ตนมองว่าไม่น่ามีอยู่แล้ว ต้องใช้หลักกฏหมายเข้าดูแล และจัดการอย่างเด็ดขาด ทั้งนี้ตนยังตั้งใจจะจัดทำศูนย์โอท๊อปประจำกทม.ขนาดใหญ่ให้นักท่องเที่ยวเข้ามาซื้อสินค้า และให้ทั้ง 50 เขตมีสินค้าโอท๊อปของแต่ละเขตด้วย ซึ่งสินค้าในแต่ละเขตก็อาจจะซ้ำกันได้ แต่แตกต่างที่สูตรการทำ

"ตลอดระยะที่ทำงานมาผมเดินมาแทบทุกพื้นที่ของกทม. ในการแก้ปัญหาอำนาจหน้าที่ของผู้ว่าฯกทม.ไม่สามารถทำได้ทุกอย่าง ต้องร่วมมือกับรัฐบาลอย่างไร้รอยต่อ เพราะบางปัญหาก็เกี่ยวเนื่องกับหน่วยงานของรัฐบาลในยกระทรวงต่างๆ ผมขอโอกาสก้าวไปสู่ความเปลี่ยนแปลงใหม่ " พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าว

ขณะที่ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า กทม.เป็นมหานครที่โดนเด่นอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเกิดวิกฤติต่างๆที่เป็นภัยธรรมชาติ หรือทางการเมืองก็ยังมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวอยู่ ซึ่งเราได้คัดให้เป็นเมืองท่องเที่ยว 3 ปีซ้อน โดยเราต้องมานั่งคิดกันว่าจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร ไม่ใช่คิดว่าจะทำอย่างไรให้กทม.เป็นมหานครแห่งอาเซียน เพราะเราเป็นอยู่แล้ว เราต้องดึงจุดแข็งของเราออกมาก็คือด้านเศรษฐกิจ ซึ่งกทม.มีศักยภาพเป็นศูนย์กลางเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ด้วยที่ตั้งที่เหมาะสม ด้านต่อไปที่ต้องการทำคือการพัฒนาการบริการ ร้านอาหาร รวมไปถึงการแพทย์ด้วย โดยยังจะมีการพัฒนาด้านศิลปะ และวัฒนธรรมที่สืบเนื่องมาหลายร้อยปี ซึ่งสิ่งที่ทำได้คือช่วยกันให้กทม.เป็นศูนย์กลางการค้า ศิลปะ วัฒนธรรม และเศรษฐกิจ

ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวอีกว่า ปัญหาที่เร่งด่วนที่สุดที่ต้องแก้ไขคือปัญหาความปลอดภัยและเรื่องการจราจร ซึ่งที่ผ่านมากทม.มีการประสานไปยังตำรวจ รวมไปถึงติดตั้งกล้องซีซีทีวีกว่า 24,000 ตัวทั่วทั้งกทม.และเชื่อมไปยังสถานีตำรวจ 88 แห่ง รวมไปถึงเชื่อมไปยัง 50 สำนักงานเขตด้วย เพื่อช่วยดูในเรื่องของความปลอดภัย โดยมีการดำเนินคดีไปแล้วกว่า 700 คดี ซึ่งการที่ตนจะพ้นตำแหน่งได้อนุมัติจัดซื้อกล้องซีซีทีวีเพิ่มอีก 27,000 ตัวอีกด้วย และยังมีกล้องของเอกชนอีกกว่า 2 แสนกว่าตัว ดังนั้นก็จะช่วยให้มีประสิทธิภาพในการดูแลด้านความปลอดภัยได้ ส่วนเรื่องปัญหาการจราจร อีก 5 ปีการจราจรจะถึงขั้นวิกฤติ เพราะมีจำนวนรถที่เพิ่มขึ้นทุกวัน 1,000-2,000 คันต่อวัน รวมไปถึงยังได้มีรถคันแรกของโครงการรัฐบาลอีก โดยปัญหาการจราจรที่ทำให้ติดขัดยังจะติดหนักด้วยเเละมาจากสาเหตุของการก่อสร้างของรัฐอีกด้วย ซึ่งตนได้มีแอพพลิเคชั่นดูการจราจรผ่านมือถือให้แล้ว ถ้าได้เป็นผู้ว่าฯกทม.ก็จะมีการพัฒนาแอพพลิเคชั่นให้ดีกว่าเดิมด้วย โดยระยะสั้นที่จะแก้ปัญหาคือลดค่าโดยสารของบีทีเอสจากราคาเริ่มต้นที่ 15 บาทมาเป็น 10 บาท แล้วบีอาร์ทีจาก 10 บาท มาเป็น 5 บาท ส่วนระยะกลางตั้งใจจะทำอุโมงค์รอดทางรถไฟ ขณะที่ระยะยาวจะขยายการเดินทางแบบรางให้ทั่วกทม.

ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวถึงปัญหาเยาวชนอีกว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญของประเทศ เพราะเยาวชนต้องได้รับหน้าที่มากขึ้น ตนก็ได้มีหลักสูตรโตไปไม่โกงมาช่วยดูแล ที่จะช่วยส่งเสริมคุณภาพเด็ก และเยาวชน ซึ่งตนยังได้จัดหาที่ดินเพื่อ่สร้างโรงเรียนดนตรี หรือกีฬา ที่มีการสอนควบคู่กับสามัญ ให้เป็นทางเลือกแก่เยาวชนด้วย โดยยังจะได้มีการจัดพื้นที่สกายวอล์คเป็นพื้นที่แสดงผลงานของเยาวชนอีก รวมไปถึงจะให้มีตลาดนัดในสวนสาธารณะและเป็นพื้นที่แสดงผลงานของเยาวชนทั้ง 4 มุมมองอีกด้วย ซึ่งตนยังจะให้มีการพัฒนาเด็กออทิสติก ที่มีความสามารถ ต้องให้โอกาส กทม.ต้องเป็นมหานครแห่งการให้โอกาส อย่าละเลย

ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวถึงกรณีที่มีร้านสุราตั้งอยู่รอบสถานศึกษาด้วยว่า เป็นเรื่องที่กทม.ก็เคยร่วมกับตำรวจ แต่เป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลยที่จะจัดการ เพระในรัศมี 500 เมตรของสถานศึกษาในกทม.ส่วนใหญ่ก็เป็นแหล่งท่องเที่ยว ต้องยอมรับ ถ้าจัดการที่ท่องเที่ยวก็ไม่เหลือ แต่สิ่งที่ทำได้คือให้ผอ.สถานศึกษามาร่วมผู้คุยกันว่าจะมีการรณรงค์อย่างไร เพราะก็มีกฎหมายรองรับอยู่แล้วที่ไม่ให้ขายสุราแก่เด็กที่อายุไม่ถึง ซึ่งที่ผ่านมาตนก็เคยส่งเจ้าหน้าที่เทศกิจลงไปสอดส่องดูแล โดยเป็นปัญหาที่สังคมและภาครัฐต้องช่วยกันดูแล ทั้งนี้ก็ขอให้ประชาชนออกไปใช้สิทธิ์ให้มาก และให้ประชาชนช่วยดูเรื่องของการไม่ยุติธรรมด้วย เพราะชาวกทม.ก็จะได้ผู้ว่าฯกทม.ที่ตัวเองต้องการ

ด้านนายโฆสิต กล่าวว่า มีความจริงใจและเป๊ะเวอร์ นักศึกษาเรียนจบมาไม่ตกงานแน่นอน กทม.ต้องเป็นศูนย์กลางแห่งอาเซี่ยน เป็นมหานครของการค้า เราต้องค้าขายได้ 24 ชั่วโมง ซึ่งลักษณะของคนไทยนั้น เหมาะสมกับการค้าขาย เพราะมีน้ำใจ โดยกทม.ยังเหมาะเป็นมหานครศิลปวัฒนธรรมบันเทิงแห่งอาเซียน ซึ่งจะให้กทม.มีออลีวูด ออฟ เอเชีย โดยค่านิยมวัฒนธรรมเกิดขึ้นจากอุตสาหกรรมบันเทิง อาทิ ภาพยนตร์ เพลง ละคร รวมไปถึงจะให้มีครีเอทีฟ ซิตี้ เป็นเมืองแห่งความคิดสร้างสรรค์ และให้กทม.เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ของอาเซียน และมหานครสุขภาพอีกด้วย

นายโฆสิต กล่าวอีกว่า แนวทางการแก้ปัญหาของกทม. ต้องแก้ไขทั้งหมด ซึ่งตนก็ได้เริ่มเข้าไปบรรเทาแล้วด้วยการนำป้ายบอกทางไปติด เพื่อลดการขับรถหลงทางที่ส่งผลให้รถติด ส่วนปัญหาเยาวชนไม่ว่าจะเรื่องเพศสัมพันธ์ ยาเสพติด หรือเรื่องทะเลาะวิวาท ตนเข้าใจเพราะเป็นวัยรุ่นมาก่อน เป็นวัยที่อยากรู้ โดยจะมีการแก้ปัญหาโดยให้สังคมเข้าไปให้ความรู้ และให้มีเวทีแสดงออกสำหรับเยาวชนทุกเขต และส่งเสริมให้เป้นอาชีพด้วย ส่วนเรื่องร้านเหล้ารอบสถานศึกษา กทม.ต้องเข้าไปจัดการ และเพิ่มที่ให้เยาวชนไปทำกิจกรรมอื่น ให้แสดงออกต่างๆ

"ตั้งแต่ทำงานมาผมเห็นปัญหามาตลอด และรู้ว่าจะแก้ปัญหาไม่ได้เลยถ้าไม่ใช้ผู้สมัครที่เป็นอิสระ ชาวกทม.มีโอกาสก้าวข้ามความขัดแย้งทางการเมือง 3 มี.ค.นี้ "นายโฆสิต กล่าว

ส่วนนายสุหฤท กล่าวว่า กทม.ต้องเพิ่มอะไรหลายๆอย่าง สิ่งที่ตนวางคือการนำเอาเมืองมาผสมผสานกัน อย่างเช่น สิงคโปร์ ซิดนีย์ มาเลเซีย จะดึงข้อดีของแต่ละเมืองมาผสมผสานกัน แต่ถ้าเทียบกันจริงๆ เรากินขาด แต่อยู่ที่ว่าจะเริ่มได้เมื่อไหร่ เราพร้อมในทุกๆด้าน ซึ่งตนจะเริ่มที่ขอทางเดินเท้า 1 เมตรคืน สร้างความเป็นระเบียบให้สามารถเดินได้สะดวก ส่วนเรื่องการศึกษาจะไม่ไปไหนถ้าเน้นแต่ท่องจำ เน้นแต่สอบ ต้องปรับระบบการศึกษา ขะแนวทางการเปลี่ยนกทม.ตนมองว่า ถ้าประชาชนยังเชื่อว่าขับรถมีความสะดวกสบายกว่านั่งรถเมล์ ก็ไม่มีการแก้ปัญหาได้ กทม.ต้องเปลี่ยนความรู้สึกได้

นายสุหฤท กล่าวอีกว่า ในการทำงานต้องเริ่มทำอย่างจริงจัง จะมีการคุยกันทุกสำนักงานเขต ว่าจะต้องทำอะไรบ้าง ซึ่งจะมีทีมวิจัยเข้าไปทำการวิจัยว่าในแต่ละเขตว่ามีจุดขายอะไร มีจุดแข็งทรัพย์สินอะไรบ้าง แล้วก้จะสามารถพลักดันเศรษฐกิจในชุมชนได้ โดยใน 4 ปีทางเดินเท้าต้องดีขึ้น และจะให้มีวันคาร์ฟรัเดย์ ทุกวันอาทิตย์ ทั้งนี้การพัฒนาเยาวชนที่ดีที่สุดคือ ให้คิดนอกกรอบ พร้อมหาที่ให้แสดงออกได้ ก็จะได้ไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ซึ่งตนยังจะให้มีเว็ปไซต์ของกทม.เพื่อเป็นศูนย์กลางของการค้าขายของสำหรับเยาวชนอีกด้วย ส่วนเรื่องร้านเหล้ารอบสถานศึกษา ตนมองว่าต้องมีการจัดตั้งกลุ่ม ตัวแทนนักศึดษารวมตัวรณรงค์ปฎิเสธ ไม่นุ่งเกี่ยวกับอบายมุข ใช้พลังกดดันด้วยสังคม

"เป็นผู้ว่าฯแหวกแนว เพราะโลกมีอะไรมากมายให้แหวก ผมพร้อม คุณพร้อมรึยัง " นายสุหฤท กล่าว

ที่มา: กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
วันที่โพสต์: 16/02/2556 เวลา 02:56:06

แสดงความคิดเห็น