กินแต่'คำชม'อวดตัวว่าเก่ง เหมือนตาบอดไม่มีใครคบ!

คนตาบอด อ่านอักษรเบลล์

สัปดาห์นี้เล่าถึง “จิตใจน่ารังเกียจ” ของคนที่คิดว่าตัวเองฉลาด รับฟังแต่คำชม ชอบดูถูกคนอื่น ทำให้เหมือนคนตาบอดใช้ชีวิตโดดเดี่ยว ใครเป็นบ้าง?

หลังจากอาศัยอยู่ที่ประเทศไทยสักพัก ครั้งหนึ่งผมกลับไปที่เกาหลีใต้ และในช่วงที่ผมอยู่ที่นั่นก็มีโอกาสไปหา “ชายตาบอด” คนหนึ่งที่ผมรู้จัก เมื่อครั้งพบกัน เขาทำในสิ่งที่ตกใจและประหลาดใจมากนั่นคือ “เขากำลังปั่นจักรยานโดยที่มีภรรยาซ้อนท้าย”

พวกเขาเล่าให้ผมฟังว่า ทั้งคู่ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันมา 30 กว่าปีแล้ว และจะออกมาปั่นจักรยานด้วยกันทุกวัน ระยะทางกว่า 70 กิโลเมตร ในช่วงเวลานี้ของคนทั้งคู่เป็นเหมือนการได้ออกเดทเลยทีเดียว แม้จะแต่งงานกันมานาน แต่ชีวิตคู่ก็ยังหวาน และมีความสุขอยู่ พวกเขาต่างฝ่ายต่างสามารถเชื่อใจ วางใจ ฝากชีวิตไว้กับอีกฝ่ายหนึ่งได้อย่างสนิทใจ

ผู้เป็นสามี เล่าว่า ที่เขาสามารถปั่นจักรยานได้ ก็เพราะได้รับความช่วยเหลือจากภรรยา และด้วยความเชื่อที่ภรรยามีต่อตัวเขา จึงทำอะไรได้หลายๆ อย่าง เขาบอกว่า “ตอนที่มีภรรยาอยู่ข้างๆ ผมเหมือนคนตาบอดที่มองเห็นได้ เหมือนคนที่อยู่ในความมืดแล้วได้รับแสงสว่างเลยครับ มันทำให้ผมสามารถก้าวข้ามปัญหา อุปสรรคมาได้ ทุกอย่างเป็นเพราะเธอจริงๆ เธอทำให้ความฝันที่ผมอยากปั่นจักรยานเป็นความจริงขึ้นมาด้วย” ฝ่ายสามีดูมีความสุขมาก เขาใช้ชีวิตได้อย่างโล่งใจ สนุก มีความสุข และรู้สึกขอบคุณภรรยามาจากส่วนลึกของจิตใจ

ส่วนภรรยาเองเธอก็เชื่อใจ วางใจในตัวสามีเช่นกันครับ ตอนที่สามีทำอะไรให้ ไม่ว่าจะเป็นการปอกเปลือกผัก ผลไม้ ที่ดูเหมือนจะเป็นสิ่งเล็กๆ น้อยๆ หรือแม้แต่การซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า เธอก็จะรู้สึกประทับใจ และรับทุกสิ่งที่สามีทำให้ด้วยความขอบคุณ

เธอบอกว่า “ในเมื่อสามีของฉันสามารถทำอะไรได้หลายอย่างฉันจึงเชื่อว่าเขาก็จะปั่นจักรยานได้เช่นกันค่ะ ฉันจะนั่งซ้อนท้ายเขาแล้วคอยให้สัญญาณบอกทาง” เธอบอกกับผมว่าการที่เธอเลือกแต่งงานกับสามีคนนี้เป็นเพราะเธอหลงรักในความเป็นคนอารมณ์ดี ร่าเริงสดใส พออยู่ด้วยแล้วรู้สึกมีความสุข โดยไม่ได้สนใจว่าเขาเป็น “ชายพิการตาบอด”

พวกเขาทั้งคู่ใช้ชีวิตที่มีใจเป็นหนึ่งเดียวกัน เข้าใจอีกฝ่าย พร้อมที่จะเป็นทั้งผู้ให้และผู้รับซึ่งกันและกัน เมื่อผมเห็นชีวิตของคนทั้งคู่ ผมรู้สึกประทับใจมากครับ สามารถสัมผัสได้ถึงความรักที่คู่สามีภรรยาคู่นี้มีให้ต่อกัน ทำให้ผมได้มีโอกาสได้มองย้อนกลับไปดูชีวิตของผมในสมัยที่ยังเป็นนักเรียน กลับเป็นผมเองแม้จะเป็น “คนตาดี” แต่ก็ใช้ชีวิตเหมือนคนตาบอดที่มองไม่เห็น

แต่ชายตาบอดคนนี้เป็น “คนตาบอด” ที่ใช้ชีวิตเหมือนคนที่ได้รับแสงสว่างและมองเห็นได้ ชีวิตที่ผ่านมาของผมในช่วงวัยรุ่น บอกตรงๆ ว่าใช้มาโดยรับเอาแต่ “คำชม” เลือกทำแต่สิ่งที่ตัวเอง “อยากทำ” เชื่อว่าถ้าผมตั้งใจที่จะเรียน ผมก็สามารถเป็นคนเก่งและฉลาดได้ ถ้าสอบติดเข้ามหาวิทยาลัย เรียนจบมีงานที่ดีทำก็จะได้รับการยอมรับ และสามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้

แต่เชื่อหรือไม่? สิ่งนี้ทำให้ผมตาบอดมาตลอด อันที่จริงผมไม่เคยรู้เลยว่า สิ่งนี้น่ากลัวขนาดไหน? ขอยกตัวอย่างข้อพระคัมภีร์ไบเบิ้ลนิดหนึ่งนะครับ เขาเขียนบอกว่า “อย่ารับสินบนเลย เพราะสินบนทำให้คนตาดีกลายเป็นคนตาบอดไปและอาจพลิกคดีของคนชอบธรรมเสียได้”

ทีนี้ทำไมผมจึงบอกว่าการใช้ชีวิตติดตามแต่สิ่งที่ตน “ชอบ” และรับเอาแต่ “คำชม” เป็นเรื่องน่ากลัว ในอดีตคนรอบตัวจะคอยชมผม คำชมอันที่จริงเป็นเหมือน “สินบน” เลยครับ เพราะมันจะทำให้ “ตาบอด” อย่างไรก็ตามผมรับสินบนนั้นมาแล้ว ตาจึงมืดบอดมองไม่เห็นไป ยังไงน่ะเหรอครับ? คำชมมันเหมือนจะดี แต่ทำให้ผมยิ่งไม่ฟังเสียงเตือนของคนรอบข้าง มีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง คิดว่าตนเก่ง ฉลาดกว่าคนอื่น มีมาตรฐานและความถูกต้องของตัวเอง ใช้ชีวิต้องได้ด้วยตัวเองไม่ต้องพึ่งพาคนรอบข้างก็อยู่ได้

พอผมเป็นแบบนี้จึงไม่มีจิตใจที่จะเรียนรู้จากคนอื่นเอาเสียเลย ไม่สามารถรับเอาความช่วยเหลือหรือสติปัญญาจากคนอื่น ซึ่งคนเราพอมีจิตใจที่รู้สึกว่าตัวเองฉลาด หรือทำอะไรได้เก่งขึ้นมาสักอย่างก็จะเริ่ม “อวด” และดูถูกคนอื่นง่ายๆ มันเป็นเรื่องอัตโนมัติครับ จิตใจแบบนี้เป็นที่น่ารังเกียจแค่ไหนน่ะ เรามองมันไม่เห็น ทำให้ใช้ชีวิตเป็นเหมือนคนตาบอดที่ชีวิตโดดเดี่ยว

สุดท้ายสามารถเจอเข้ากับความพินาศได้เลยทีเดียว ซึ่งแน่นอนว่าผิดกับ “ชายตาบอด” ที่ผมไปพบที่เกาหลีใต้ เขาใช้ชีวิตโดยรู้ว่าต้องพึ่งพาภรรยา และคนรอบข้างเพื่อคอยนำทางและเปรียบเสมือนแสงสว่างให้กับชีวิต ผมไม่ได้บอกให้ทุกคนหันมาพึ่งพาคนรอบข้างเสียหมดนะครับ แต่ปัจจุบันจะเห็นคนจำนวนมากชอบรับ “คำชม” ใช้ชีวิตอยู่กับมันแบบไม่รู้หรอกว่า จิตใจของตนเริ่มที่จะ “อวด” ในสิ่งเล็กๆ น้อยๆ หรือดูหมิ่นคนอื่นง่ายๆ แสงสว่างที่มาจากคนรอบข้างจึงส่องเข้ามาหายากมาก อย่าใช้ชีวิตโดยกินแต่ “คำชม” เลยครับ จะได้สามารถเรียนรู้จิตใจและใช้คำพูดของคนรอบข้างเป็นแสงสว่างหรือกระจก ทำให้มองเห็นชีวิตของตัวเองได้ชัดเจนยิ่งขึ้น!!

ขอบคุณ... https://www.dailynews.co.th/article/596163

ที่มา: เดลินิวส์ออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 05 ส.ค.60
วันที่โพสต์: 6/09/2560 เวลา 10:16:42 ดูภาพสไลด์โชว์ กินแต่'คำชม'อวดตัวว่าเก่ง เหมือนตาบอดไม่มีใครคบ!