ส.คนพิการยื่นศาลปกครองถอนคำสั่งให้กองทุนคนพิการส่งเงิน 2 พันล้านเป็นรายได้แผ่นดิน

แสดงความคิดเห็น

นายมณเฑียร บุญตัน

ส.คนพิการร้องศาลปกครอง เพิกถอนคำสั่ง ก.คลัง ที่ให้กองทุนคนพิการส่งเงิน 2 พันล้านเข้าเป็นรายได้แผ่นดิน “มณเฑียร” ยันไม่ใช่เงินเหลือมากเกินความจำเป็น แต่กองทุนบริหารไม่มีประสิทธิภาพ ชี้ยังมีคนพิการที่ต้องการเงินกองทุนไปพัฒนาสร้างงานอีกจำนวนมาก วอนรัฐร่วมมือเครือข่ายหาวิธีใช้เงินให้เกิดประโยชน์ต่อคนพิการเพื่อไม่เป็นภาระครอบครัวและสังคม

วันที่ (31 ม.ค.) สมาคมสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย นำโดยนายมณเฑียร บุญตัน นายกสมาคมฯ และนายวิริยะ นามศิริพงศ์พันธุ์ ประธานอนุกรรมการฝ่ากฎหมายของสมาคมฯ เข้ายื่นฟ้องต่อกระทรวงการคลัง กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตและคนพิการ เป็นผู้ถูกฟ้องที่ 1-2 ต่อศาลปกครองกลาง ขอให้เพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลัง ที่ 0406.2/ล.2973 ลงวันที่ 30 พ.ย. 2559 ที่ให้กองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ นำเงินสภาพคล่องส่วนที่เกิดความจำเป็น ส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดินจำนวน 2,000 ล้านบาท และในระหว่างที่ศาลพิจารณาคดีขอให้ศาลมีคำสั่งทุเลาการบังคับใช้คำสั่งของกระทรวงการคลังดังกล่าวไว้จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา

โดยนายมณเฑียร กล่าวว่า เงินกองทุนดังกล่าวมาจากหลายส่วน ทั้งจากคนพิการ รัฐ แต่โดยส่วนใหญ่มาจากการเรียกเก็บจากนายจ้างที่ไม่จ้างคนพิการเพื่อไว้ฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการ พัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการให้ดีขึ้น เทียบได้กับเงินกองทุนประกันสังคม และเป็นแหล่งทุนเดียวที่คนพิการสามารถกู้ยืมไปฝึกเพื่อสร้างอาชีพได้ ฉะนั้น กองทุนนี้จึงเป็นเหมือนปราการเดียวของคนพิการที่จะทำให้อยู่รอดในท่ามกลางปัญหาเศรษฐกิจได้ ดังนั้นจึงเป็นเหมือนสัญลักษณ์ว่า ถ้ากองทุนนี้ไม่มั่นคงและถูกคุกคามได้โดยง่าย โอกาสที่จะสร้างความเสมอภาคเท่าเทียมให้กับคนพิการก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย

“กองทุนไม่ได้มีจำนวนเงินมากเกินความจำเป็น เหมือนอย่างที่กระทรวงการคลังใช้เป็นเหตุว่าจะขอคืนเข้าแผ่นดิน ตัวเลขที่บอกว่ามีมากเกินความจำเป็นมันผกผันตามอัตราการไหลเข้ากับไหลออกของกองทุน ณ ขณะนี้ ซึ่งมันเกิดจากความไม่คล่องตัวของกองทุนเอง ไม่ใช่เกิดจากความผิดที่ว่าคนพิการใช้เงินไม่เต็มที่ ไม่ใช่ จำนวนมากหรือน้อยเกินความจำเป็น มันไม่ได้เป็นที่ตัวจำนวนเงิน แต่เป็นเรื่องประสิทธิภาพของกองทุนเองมากกว่า ดังนั้น แทนที่จะใช้เทคนิคในการนำเงินคืนเข้าแผ่นดินในลักษณะนี้ซึ่งจะเป็นการบั่นทอนกำลังคนพิการก็ควรมาปรับปรุงประสิทธิภาพกองทุนมากว่า”

นายมณเฑียรยังกล่าวด้วยว่า ทางสมาคมฯ จึงขอให้ศาลพิจารณาว่า กองทุนอยู่ในข่ายต้องนำเงินคืนเข้าแผ่นดินหรือไม่ เพราะสภาคนพิการฯ เห็นว่าเงินที่กองทุนมีไม่ได้มากเกินความจำเป็น เพราะมีความจำเป็นต้องใช้เงินกองทุนอีกมากมายปัญหาจึงไม่ได้อยู่ที่เงินกองทุนมีเท่าไร แต่อยู่ที่เราได้ออกแบบ และมีการพัฒนาประสิทธิภาพการใช้เงินกองทุนมากน้อยเพียงไรมากกว่า อีกทั้งนอกจากนี้ แนวโน้มเงินที่จะไหลเข้ากองทุนจะน้อยลงในอนาคตอันใกล้นี้ เนื่องจากรัฐบาลนี้มีนโยบายส่งเสริมนายจ้างให้จ้างคนพิการทำงานมากขึ้น ซึ่งถ้าเราใช้เงินมีประสิทธิภาพ หมายถึงเงินจะไหลออกมากขึ้นเพราะมีการเอาไปสร้างงานให้คนพิการ และไหลเข้าน้อยลงคือนายจ้างจ้างคนพิการทำงานมากขึ้นมันก็จะเกิดภาวะสมดุลย์ในเร็วๆนี้และอาจเกิดภาวะกองทุนถดถอยด้วย

นายวิริยะกล่าวว่า เราได้เสนอไปแล้วว่าวิธีที่ดีที่สุด คือ รัฐบาลควรมาร่วมมือกับเครือข่ายคนพิการหาวิธีว่าจะนำเงินกองทุนนี้มาสร้างอาชีพให้คนพิการอย่างไรจึงจะดีที่สุด เราก็บ่นกันเยอะว่าต้องการเงินไปอบรม แต่ก็ไม่ได้ หรือล่าช้า ถ้ารัฐบาลคิดว่าเงินนี้ควรมาจากงาน อาชีพให้คนพิการตามพระราชดำริของรัชกาลที่ ๙ ก็จะเป็นที่ถูกทางที่สุดเพราะการช่วยคนพิการคือช่วยให้เขามีงานทำ แต่ถ้าปล่อยให้ไม่มีงานทำก็เป็นภาระของครอบครัว และสังคม เพราะปัจจุบันมีคนพิการที่อยู่ในวัยทำงานราว 7 แสนคน มีงานทำแสนกว่าคน พิการไม่สามารถทำงานได้อีกแสนกว่าคน ส่วนที่สามารถทำงานได้แต่ยังว่างงานอยู่มีถึง 4 แสนคน ทำไมไม่เร่งเอาเงินนี้มาสร้างอาชีพ ดังนั้น การที่กระทรวงการคลังซึ่งมีอำนาจและวิธีการที่จะหาเงินหลากหลายวิธี ไปบังคับเอาเงินกับกองทุนอื่นๆ ที่มีอยู่ 100 กว่ากองทุนได้แล้วก็ไม่ควรจะมาเอาเงินคนพิการที่แทบจะไม่พอใช้ในการดำรงชีวิตไปอุ้มชูคนอื่นทั่วไป เพราะถือเป็นการกระทำที่มีลักษณะเป็นการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อคนพิการ ขัดต่อกฎหมายและการปกครอง รวมถึงกติการะหว่างประเทศที่นานาอารยะประเทศยอมรับเป็นหลักสากลด้วย

ขอบคุณ... http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9600000010493 (ขนาดไฟล์: 169)

ที่มา: manager.co.thออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 31 ม.ค. 60
วันที่โพสต์: 1/02/2560 เวลา 10:53:35 ดูภาพสไลด์โชว์ ส.คนพิการยื่นศาลปกครองถอนคำสั่งให้กองทุนคนพิการส่งเงิน 2 พันล้านเป็นรายได้แผ่นดิน

แสดงความคิดเห็น

รอตรวจสอบ
จัดฟอร์แม็ต ดูการแสดงผล

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

ยกเลิก

รายละเอียดกระทู้

นายมณเฑียร บุญตัน ส.คนพิการร้องศาลปกครอง เพิกถอนคำสั่ง ก.คลัง ที่ให้กองทุนคนพิการส่งเงิน 2 พันล้านเข้าเป็นรายได้แผ่นดิน “มณเฑียร” ยันไม่ใช่เงินเหลือมากเกินความจำเป็น แต่กองทุนบริหารไม่มีประสิทธิภาพ ชี้ยังมีคนพิการที่ต้องการเงินกองทุนไปพัฒนาสร้างงานอีกจำนวนมาก วอนรัฐร่วมมือเครือข่ายหาวิธีใช้เงินให้เกิดประโยชน์ต่อคนพิการเพื่อไม่เป็นภาระครอบครัวและสังคม วันที่ (31 ม.ค.) สมาคมสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย นำโดยนายมณเฑียร บุญตัน นายกสมาคมฯ และนายวิริยะ นามศิริพงศ์พันธุ์ ประธานอนุกรรมการฝ่ากฎหมายของสมาคมฯ เข้ายื่นฟ้องต่อกระทรวงการคลัง กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตและคนพิการ เป็นผู้ถูกฟ้องที่ 1-2 ต่อศาลปกครองกลาง ขอให้เพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลัง ที่ 0406.2/ล.2973 ลงวันที่ 30 พ.ย. 2559 ที่ให้กองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ นำเงินสภาพคล่องส่วนที่เกิดความจำเป็น ส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดินจำนวน 2,000 ล้านบาท และในระหว่างที่ศาลพิจารณาคดีขอให้ศาลมีคำสั่งทุเลาการบังคับใช้คำสั่งของกระทรวงการคลังดังกล่าวไว้จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา โดยนายมณเฑียร กล่าวว่า เงินกองทุนดังกล่าวมาจากหลายส่วน ทั้งจากคนพิการ รัฐ แต่โดยส่วนใหญ่มาจากการเรียกเก็บจากนายจ้างที่ไม่จ้างคนพิการเพื่อไว้ฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการ พัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการให้ดีขึ้น เทียบได้กับเงินกองทุนประกันสังคม และเป็นแหล่งทุนเดียวที่คนพิการสามารถกู้ยืมไปฝึกเพื่อสร้างอาชีพได้ ฉะนั้น กองทุนนี้จึงเป็นเหมือนปราการเดียวของคนพิการที่จะทำให้อยู่รอดในท่ามกลางปัญหาเศรษฐกิจได้ ดังนั้นจึงเป็นเหมือนสัญลักษณ์ว่า ถ้ากองทุนนี้ไม่มั่นคงและถูกคุกคามได้โดยง่าย โอกาสที่จะสร้างความเสมอภาคเท่าเทียมให้กับคนพิการก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย “กองทุนไม่ได้มีจำนวนเงินมากเกินความจำเป็น เหมือนอย่างที่กระทรวงการคลังใช้เป็นเหตุว่าจะขอคืนเข้าแผ่นดิน ตัวเลขที่บอกว่ามีมากเกินความจำเป็นมันผกผันตามอัตราการไหลเข้ากับไหลออกของกองทุน ณ ขณะนี้ ซึ่งมันเกิดจากความไม่คล่องตัวของกองทุนเอง ไม่ใช่เกิดจากความผิดที่ว่าคนพิการใช้เงินไม่เต็มที่ ไม่ใช่ จำนวนมากหรือน้อยเกินความจำเป็น มันไม่ได้เป็นที่ตัวจำนวนเงิน แต่เป็นเรื่องประสิทธิภาพของกองทุนเองมากกว่า ดังนั้น แทนที่จะใช้เทคนิคในการนำเงินคืนเข้าแผ่นดินในลักษณะนี้ซึ่งจะเป็นการบั่นทอนกำลังคนพิการก็ควรมาปรับปรุงประสิทธิภาพกองทุนมากว่า” นายมณเฑียรยังกล่าวด้วยว่า ทางสมาคมฯ จึงขอให้ศาลพิจารณาว่า กองทุนอยู่ในข่ายต้องนำเงินคืนเข้าแผ่นดินหรือไม่ เพราะสภาคนพิการฯ เห็นว่าเงินที่กองทุนมีไม่ได้มากเกินความจำเป็น เพราะมีความจำเป็นต้องใช้เงินกองทุนอีกมากมายปัญหาจึงไม่ได้อยู่ที่เงินกองทุนมีเท่าไร แต่อยู่ที่เราได้ออกแบบ และมีการพัฒนาประสิทธิภาพการใช้เงินกองทุนมากน้อยเพียงไรมากกว่า อีกทั้งนอกจากนี้ แนวโน้มเงินที่จะไหลเข้ากองทุนจะน้อยลงในอนาคตอันใกล้นี้ เนื่องจากรัฐบาลนี้มีนโยบายส่งเสริมนายจ้างให้จ้างคนพิการทำงานมากขึ้น ซึ่งถ้าเราใช้เงินมีประสิทธิภาพ หมายถึงเงินจะไหลออกมากขึ้นเพราะมีการเอาไปสร้างงานให้คนพิการ และไหลเข้าน้อยลงคือนายจ้างจ้างคนพิการทำงานมากขึ้นมันก็จะเกิดภาวะสมดุลย์ในเร็วๆนี้และอาจเกิดภาวะกองทุนถดถอยด้วย นายวิริยะกล่าวว่า เราได้เสนอไปแล้วว่าวิธีที่ดีที่สุด คือ รัฐบาลควรมาร่วมมือกับเครือข่ายคนพิการหาวิธีว่าจะนำเงินกองทุนนี้มาสร้างอาชีพให้คนพิการอย่างไรจึงจะดีที่สุด เราก็บ่นกันเยอะว่าต้องการเงินไปอบรม แต่ก็ไม่ได้ หรือล่าช้า ถ้ารัฐบาลคิดว่าเงินนี้ควรมาจากงาน อาชีพให้คนพิการตามพระราชดำริของรัชกาลที่ ๙ ก็จะเป็นที่ถูกทางที่สุดเพราะการช่วยคนพิการคือช่วยให้เขามีงานทำ แต่ถ้าปล่อยให้ไม่มีงานทำก็เป็นภาระของครอบครัว และสังคม เพราะปัจจุบันมีคนพิการที่อยู่ในวัยทำงานราว 7 แสนคน มีงานทำแสนกว่าคน พิการไม่สามารถทำงานได้อีกแสนกว่าคน ส่วนที่สามารถทำงานได้แต่ยังว่างงานอยู่มีถึง 4 แสนคน ทำไมไม่เร่งเอาเงินนี้มาสร้างอาชีพ ดังนั้น การที่กระทรวงการคลังซึ่งมีอำนาจและวิธีการที่จะหาเงินหลากหลายวิธี ไปบังคับเอาเงินกับกองทุนอื่นๆ ที่มีอยู่ 100 กว่ากองทุนได้แล้วก็ไม่ควรจะมาเอาเงินคนพิการที่แทบจะไม่พอใช้ในการดำรงชีวิตไปอุ้มชูคนอื่นทั่วไป เพราะถือเป็นการกระทำที่มีลักษณะเป็นการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อคนพิการ ขัดต่อกฎหมายและการปกครอง รวมถึงกติการะหว่างประเทศที่นานาอารยะประเทศยอมรับเป็นหลักสากลด้วย ขอบคุณ... http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9600000010493

จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย

  1. เพิ่ม
  2. เพิ่ม ลบ
  3. เพิ่ม ลบ
  4. เพิ่ม ลบ
  5. เพิ่ม ลบ
  6. เพิ่ม ลบ
  7. เพิ่ม ลบ
  8. เพิ่ม ลบ
  9. เพิ่ม ลบ
  10. ลบ
เลือกการตกแต่งที่ต้องการ

ตกลง ยกเลิก

รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)

Waiting...