"ศิลปะ"ส่งยิ้ม เด็กในโลกเงียบ
คอลัมน์ สดจากเยาวชน : ศิลปะเบิกบานได้ในทุกที่ และช่วยส่งต่อความสุขให้ทุกคนแม้ในโลกที่ไร้เสียงบริษัท นานมี จำกัด ร่วมกับ โรงเรียนโสตศึกษาทุ่งมหาเมฆ สังกัดคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการจัดโครงการ "ศิลปะสะท้อนความสุข" เพราะเชื่อมั่นว่าศิลปะสร้างความสุข คลายทุกข์ให้กับคนทุกคนแม้แต่กับเด็กๆกลุ่มผู้บกพร่องทางการได้ยิน
นาง ปรีญาณี สุพุทธิพงศ์ รองกรรมการ ผู้จัดการ บริษัท นานมี จำกัด กล่าวว่าแม้เด็กๆ จะบกพร่องทางการได้ยิน แต่น่าแปลกใจว่าน้องๆ ทำงานศิลปะออกมาได้สดสวยและมีชีวิตชีวามาก เพราะศิลปะไม่จำเป็นต้องสื่อสารด้วยคำพูด แต่เป็นการสื่อสารทางใจให้น้องๆ รู้สึกสนุก มีความสุข เพลิดเพลินอย่างเป็นธรรมชาติ "ที่สำคัญแม้ น้องๆ จะบกพร่องทางการได้ยิน แต่เรื่องสายตาและความจำเป็นเลิศ จึงทำให้น้องๆสร้างสรรค์งานศิลปะได้อย่างละเอียดและสวยงาม
สำหรับเด็กผู้พิการทางการได้ยินส่วนใหญ่จะขาดความมั่นใจในตนเอง ขาดแรงจูงใจในการทำอะไรใหม่ๆ เพราะเด็กกลุ่มนี้จะรู้สึกไม่เหมือนคนอื่น มีปมด้อย การทำงานศิลปะเป็นทางออกสำคัญที่พ่อแม่ ผู้ปกครอง คนรอบข้างและสังคมจะใช้เป็นเครื่องมือสื่อสารและช่วยเหลือเด็กกลุ่มนี้ให้ มั่นใจในตนเอง เห็นคุณค่าและภาคภูมิใจในตนเองมากยิ่งขึ้น"
ด้าน คุณครูปริยา สุตัณฑวิบูลย์ หรือ ครูแคนดี้ ของเด็กๆ ซึ่งเชี่ยวชาญด้านการสอนศิลปะในกลุ่มเด็กพิเศษ กล่าวว่าในโลกของความเงียบแม้พ่อแม่คนรอบข้างอาจจะสื่อสารเข้าไปไม่ถึง แต่ศิลปะสามารถส่งผ่านความรักไปถึงจิตใจของเด็กๆ ผู้พิการทางการได้ยิน ศิลปะจะช่วยกระตุ้นและส่งเสริมพัฒนาการทั้งด้านร่างกายและจิตใจให้เด็กๆ ทั้งทักษะการใช้สีสื่อสาร การหยิบจับดินสอสีระบาย การฝึกบังคับมือ การกำหนดทิศทางการระบายไปจนถึงการตัดกระดาษ ติดกาว ประดิษฐ์สิ่งของ ติดสติ๊กเกอร์ ฉีก ปะ ขยำกระดาษ ล้วนแต่สร้างความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อมัดเล็ก ทำให้กล้ามเนื้อมือแข็งแรง เนื่องจากเด็กกลุ่มนี้ต้องใช้มือสื่อสารกับคนอื่น
ศิลปะยังฝึกให้ใจคิด สมองสั่งการ สายตามองดู กะระยะ กะแรงที่ต้องใช้มือระบาย ร่างกายสัมพันธ์กันเป็นธรรมชาติและมีความสุข คุณครูแคนดี้เล่าด้วยว่าการสอนศิลปะสำหรับน้องๆ ที่บกพร่องทางการได้ยินควรให้โจทย์แบบกว้างๆ ให้เด็กใช้ความคิดและจินตนาการอย่างเต็มที่ จะทำให้น้องๆ ได้ออกแบบงานศิลปะของตัวเอง ฝึกคิดอย่างเป็นระบบ อะไรทำก่อนหรือหลัง สังเกต ค้นคว้า เปรียบเทียบ เรียนรู้เมื่อเกิดปัญหาหรือสิ่งที่ไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง เด็กๆ จะรู้จักจัดการกับปัญหานั้นได้ ควบคุมความโกรธ สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ ยิ่งเป็นการทำงานศิลปะร่วมกับคนอื่น น้องๆ จะได้เรียนรู้การรอคอยแบ่งปันรู้จักการให้ขอบคุณ
นอกจากนี้ เด็กๆ ผู้บกพร่องทางการได้ยินจะรับประทานยาหลายชนิด ซึ่งอาจส่งผลทำให้เด็กๆ รู้สึกตื่นตัวตลอดเวลาหรือกลายเป็นซึมเศร้า ศิลปะจึงเป็นทางเลือกที่จะช่วยเยียวยาเด็กกลุ่มนี้ได้มาก เนื่องจากใช้วัสดุอุปกรณ์ไม่มาก ราคาไม่แพง คนรอบข้างมีส่วนร่วมกิจกรรมได้ง่าย ขณะเดียวกันสามารถปรับรูปแบบกิจกรรมได้หลากหลายเด็กๆจึงสนุกเพลิดเพลินและรักที่จะทำงานศิลปะ คุณครูแคนดี้ให้โจทย์งานศิลปะเพื่อให้น้องๆ ฝึกฝนพัฒนาการทั้งด้านร่างกาย จิตใจ และอารมณ์อย่างเป็นธรรมชาติและสนุกสนาน
ด.ญ.ปุ ณยนุช ชุติมันตราภรณ์ หรือ น้องเอ๊ะ อายุ 9 ขวบ นอกจากจะสะท้อนความสุขออกมาทางแววตาแล้วน้องเอ๊ะยังสะท้อนความสุขในใจผ่านผลงานศิลปะรูปแมวเหมียวแสนซน น้องเอ๊ะส่งภาษามือบอกเล่าว่า "สนุกมากที่วันนี้ได้ประดิษฐ์ที่ใส่ของโดยเอาจานกระดาษมาตัดเป็นกระเป๋าหน้า ท้องของแมวเหมียว เพิ่งรู้ว่าการทำงานศิลปะไม่ใช่การวาดภาพระบายสีอย่างเดียว แต่ยังทำเป็นงานประดิษฐ์ ของใช้ต่างๆ ได้มากมายวันนี้จะเอาน้องแมวเหมียวกลับบ้านไปติดไว้ที่โต๊ะทำการบ้านเพื่อจะได้ใส่ดินสอยางลบค่ะ"
ด้าน ด.ช.ภานุวัฒน์ จำปาศิริ หรือ น้องแฟรงค์ อายุ 6 ขวบ ส่งภาษามือบอกรักทุกคนพร้อมบอกเล่าว่า "วันนี้ทำแผ่นใส่ของเป็นรูปแพนด้า เพราะเห็นในทีวีแล้วชอบหลินปิงมาก ถ้ามีโอกาสอยากไปเห็นหลินปิงจริงๆ วันนี้นอกจากจะวาดตัวหลินปิงแล้วยังมีต้นไผ่ซึ่งเป็นอาหารของแพนด้าด้วย อยากให้แพนด้ากินเยอะๆตัวอ้วนๆเวลากอดคงน่ารักมากครับ"
ปิดท้ายที่ด.ช.ปภาวิน ทัศบุตร หรือ น้องบอล อายุ 15 ปี ส่งภาษามืออธิบายผลงานของตัวเองว่า "วันนี้ทำที่ใส่ของเป็นรูปแตงโม เพราะเข้ากับรูปครึ่งวงกลมที่เป็นจานกระดาษ ต่อยอดออกมาว่าควรจะเป็นอะไรที่กลมๆ เหมือนกัน อีกอย่างแตงโมเป็นผลไม้ที่ชอบรับประทาน หวานเย็นชื่นใจและราคาไม่แพง มีประโยชน์เพิ่มความสดชื่นให้ร่างกายด้วย" ในขณะที่ศิลปะเป็นตัวแทนความรักและพลังใจจากคนรอบข้าง รอยยิ้มสดใสจากเส้นสีในศิลปะของเด็กๆ คือความสุขที่น้องๆ มอบกลับคืนสู่ทุกคน
แสดงความคิดเห็น
รายละเอียดกระทู้
น้องๆหูหนวก ทำภาษามือคำว่า \"รัก\" คอลัมน์ สดจากเยาวชน : ศิลปะเบิกบานได้ในทุกที่ และช่วยส่งต่อความสุขให้ทุกคนแม้ในโลกที่ไร้เสียงบริษัท นานมี จำกัด ร่วมกับ โรงเรียนโสตศึกษาทุ่งมหาเมฆ สังกัดคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการจัดโครงการ "ศิลปะสะท้อนความสุข" เพราะเชื่อมั่นว่าศิลปะสร้างความสุข คลายทุกข์ให้กับคนทุกคนแม้แต่กับเด็กๆกลุ่มผู้บกพร่องทางการได้ยิน นาง ปรีญาณี สุพุทธิพงศ์ รองกรรมการ ผู้จัดการ บริษัท นานมี จำกัด กล่าวว่าแม้เด็กๆ จะบกพร่องทางการได้ยิน แต่น่าแปลกใจว่าน้องๆ ทำงานศิลปะออกมาได้สดสวยและมีชีวิตชีวามาก เพราะศิลปะไม่จำเป็นต้องสื่อสารด้วยคำพูด แต่เป็นการสื่อสารทางใจให้น้องๆ รู้สึกสนุก มีความสุข เพลิดเพลินอย่างเป็นธรรมชาติ "ที่สำคัญแม้ น้องๆ จะบกพร่องทางการได้ยิน แต่เรื่องสายตาและความจำเป็นเลิศ จึงทำให้น้องๆสร้างสรรค์งานศิลปะได้อย่างละเอียดและสวยงาม สำหรับเด็กผู้พิการทางการได้ยินส่วนใหญ่จะขาดความมั่นใจในตนเอง ขาดแรงจูงใจในการทำอะไรใหม่ๆ เพราะเด็กกลุ่มนี้จะรู้สึกไม่เหมือนคนอื่น มีปมด้อย การทำงานศิลปะเป็นทางออกสำคัญที่พ่อแม่ ผู้ปกครอง คนรอบข้างและสังคมจะใช้เป็นเครื่องมือสื่อสารและช่วยเหลือเด็กกลุ่มนี้ให้ มั่นใจในตนเอง เห็นคุณค่าและภาคภูมิใจในตนเองมากยิ่งขึ้น" ด้าน คุณครูปริยา สุตัณฑวิบูลย์ หรือ ครูแคนดี้ ของเด็กๆ ซึ่งเชี่ยวชาญด้านการสอนศิลปะในกลุ่มเด็กพิเศษ กล่าวว่าในโลกของความเงียบแม้พ่อแม่คนรอบข้างอาจจะสื่อสารเข้าไปไม่ถึง แต่ศิลปะสามารถส่งผ่านความรักไปถึงจิตใจของเด็กๆ ผู้พิการทางการได้ยิน ศิลปะจะช่วยกระตุ้นและส่งเสริมพัฒนาการทั้งด้านร่างกายและจิตใจให้เด็กๆ ทั้งทักษะการใช้สีสื่อสาร การหยิบจับดินสอสีระบาย การฝึกบังคับมือ การกำหนดทิศทางการระบายไปจนถึงการตัดกระดาษ ติดกาว ประดิษฐ์สิ่งของ ติดสติ๊กเกอร์ ฉีก ปะ ขยำกระดาษ ล้วนแต่สร้างความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อมัดเล็ก ทำให้กล้ามเนื้อมือแข็งแรง เนื่องจากเด็กกลุ่มนี้ต้องใช้มือสื่อสารกับคนอื่น ศิลปะยังฝึกให้ใจคิด สมองสั่งการ สายตามองดู กะระยะ กะแรงที่ต้องใช้มือระบาย ร่างกายสัมพันธ์กันเป็นธรรมชาติและมีความสุข คุณครูแคนดี้เล่าด้วยว่าการสอนศิลปะสำหรับน้องๆ ที่บกพร่องทางการได้ยินควรให้โจทย์แบบกว้างๆ ให้เด็กใช้ความคิดและจินตนาการอย่างเต็มที่ จะทำให้น้องๆ ได้ออกแบบงานศิลปะของตัวเอง ฝึกคิดอย่างเป็นระบบ อะไรทำก่อนหรือหลัง สังเกต ค้นคว้า เปรียบเทียบ เรียนรู้เมื่อเกิดปัญหาหรือสิ่งที่ไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง เด็กๆ จะรู้จักจัดการกับปัญหานั้นได้ ควบคุมความโกรธ สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ ยิ่งเป็นการทำงานศิลปะร่วมกับคนอื่น น้องๆ จะได้เรียนรู้การรอคอยแบ่งปันรู้จักการให้ขอบคุณ นอกจากนี้ เด็กๆ ผู้บกพร่องทางการได้ยินจะรับประทานยาหลายชนิด ซึ่งอาจส่งผลทำให้เด็กๆ รู้สึกตื่นตัวตลอดเวลาหรือกลายเป็นซึมเศร้า ศิลปะจึงเป็นทางเลือกที่จะช่วยเยียวยาเด็กกลุ่มนี้ได้มาก เนื่องจากใช้วัสดุอุปกรณ์ไม่มาก ราคาไม่แพง คนรอบข้างมีส่วนร่วมกิจกรรมได้ง่าย ขณะเดียวกันสามารถปรับรูปแบบกิจกรรมได้หลากหลายเด็กๆจึงสนุกเพลิดเพลินและรักที่จะทำงานศิลปะ คุณครูแคนดี้ให้โจทย์งานศิลปะเพื่อให้น้องๆ ฝึกฝนพัฒนาการทั้งด้านร่างกาย จิตใจ และอารมณ์อย่างเป็นธรรมชาติและสนุกสนาน ด.ญ.ปุ ณยนุช ชุติมันตราภรณ์ หรือ น้องเอ๊ะ อายุ 9 ขวบ นอกจากจะสะท้อนความสุขออกมาทางแววตาแล้วน้องเอ๊ะยังสะท้อนความสุขในใจผ่านผลงานศิลปะรูปแมวเหมียวแสนซน น้องเอ๊ะส่งภาษามือบอกเล่าว่า "สนุกมากที่วันนี้ได้ประดิษฐ์ที่ใส่ของโดยเอาจานกระดาษมาตัดเป็นกระเป๋าหน้า ท้องของแมวเหมียว เพิ่งรู้ว่าการทำงานศิลปะไม่ใช่การวาดภาพระบายสีอย่างเดียว แต่ยังทำเป็นงานประดิษฐ์ ของใช้ต่างๆ ได้มากมายวันนี้จะเอาน้องแมวเหมียวกลับบ้านไปติดไว้ที่โต๊ะทำการบ้านเพื่อจะได้ใส่ดินสอยางลบค่ะ" ด้าน ด.ช.ภานุวัฒน์ จำปาศิริ หรือ น้องแฟรงค์ อายุ 6 ขวบ ส่งภาษามือบอกรักทุกคนพร้อมบอกเล่าว่า "วันนี้ทำแผ่นใส่ของเป็นรูปแพนด้า เพราะเห็นในทีวีแล้วชอบหลินปิงมาก ถ้ามีโอกาสอยากไปเห็นหลินปิงจริงๆ วันนี้นอกจากจะวาดตัวหลินปิงแล้วยังมีต้นไผ่ซึ่งเป็นอาหารของแพนด้าด้วย อยากให้แพนด้ากินเยอะๆตัวอ้วนๆเวลากอดคงน่ารักมากครับ" ปิดท้ายที่ด.ช.ปภาวิน ทัศบุตร หรือ น้องบอล อายุ 15 ปี ส่งภาษามืออธิบายผลงานของตัวเองว่า "วันนี้ทำที่ใส่ของเป็นรูปแตงโม เพราะเข้ากับรูปครึ่งวงกลมที่เป็นจานกระดาษ ต่อยอดออกมาว่าควรจะเป็นอะไรที่กลมๆ เหมือนกัน อีกอย่างแตงโมเป็นผลไม้ที่ชอบรับประทาน หวานเย็นชื่นใจและราคาไม่แพง มีประโยชน์เพิ่มความสดชื่นให้ร่างกายด้วย" ในขณะที่ศิลปะเป็นตัวแทนความรักและพลังใจจากคนรอบข้าง รอยยิ้มสดใสจากเส้นสีในศิลปะของเด็กๆ คือความสุขที่น้องๆ มอบกลับคืนสู่ทุกคน ขอบคุณ... http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TURONWIzVXdNakl4TURRMU5nPT0=§ionid=TURNeE1RPT0=&day=TWpBeE15MHdOQzB5TVE9PQ==
จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย
รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)