จรรยาบรรณแพทย์

จรรยาบรรณแพทย์

คนไข้พบเป็นมะเร็งก้อนใหญ่ หมอแนะให้ผ่าตัด ในการเข้ารักษา 72 ชั่วโมง พยายามผลักไสคนไข้ให้ไปใช้บริการบัตรทองที่รพ.หนองจอกอย่างเดียว ทั้งที่คนไข้มีบัตรผู้พิการที่รพ.นพรัตนราชธานี

หลายครั้งหลายหน เรื่องราวที่เกิดใน “โซเชียลมีเดีย” เป็นเรื่องใส่ร้ายป้ายสี เป็นเรื่องทำลายคน แต่บ่อยครั้งก็มีเรื่องดี ๆ ที่ทำให้คนได้ยินได้ฟัง ต้องรู้สึกประทับใจ และจดจำ

แล้วต้องบอกว่า โชคดีจริง ๆ เมื่อได้รับฟังเรื่องราวจากพี่ที่สนิทกัน เลยอยากเล่าสู่กันฟัง ทั้ง ๆ ที่ติดต่อผ่านทาง “เฟซบุ๊ก” ไม่เคยเห็นหน้าค่าตากันมาก่อน แต่เมื่อถึงเวลาเพื่อนเดือดร้อน กลับทุ่มเทช่วยเหลือเพื่อน แบบไม่รู้จักเหน็ดรู้จักเหนื่อย ยิ่งได้รู้ว่า เพื่อนคนนี้มีอาชีพเป็น “หมอ” ยิ่งน่าประทับใจ

ครับ...เขียนถึงเรื่องหมอ ทำให้นึกถึงเคสนี้ขึ้นมาทันที ช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว...คนไข้เป็นชายชรา อายุ 83 ปี มีบัตรผู้พิการ (ทางหู) ที่รพ.นพรัตนราชธานี และ บัตรทองที่รพ.หนองจอก (เวชการุณย์รัศมิ์) มีอาการล้มแล้วปวดหลัง ลุกไม่ขึ้นจากเตียงนอน

ญาติเรียก 1669 มาส่งที่รพ.นพรัตนฯในวันเสาร์ที่ 10 ก.พ.เวลาประมาณ 10 โมงเศษ เพื่อเข้าห้องฉุกเฉินที่รพ.นพรัตนฯ เบื้องต้น หมอห้องฉุกเฉินทำการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่า กระดูกสันหลังซีกล่างสุด (12) แตกหัก จากนั้นพยาบาลแจ้งว่า ต้องส่งตัวไปที่รพ.หนองจอก เพราะมีบัตรทองที่นั่น

ญาติได้แจ้งว่า คนไข้มีอาการเจ็บหลังมาก ไม่อยากให้เคลื่อนย้าย ขณะที่รพ.หนองจอกก็ไม่มีเครื่องไม้เครื่องมือที่สมบูรณ์ แต่ทางห้องฉุกเฉินรพ.นพรัตนฯก็ยังยืนกรานว่าต้องส่งไปที่รพ.หนองจอก ญาติจึงประสานกับหมอที่รพ.นพรัตนฯใน การขอให้ทำ MRI (เครื่องสร้างภาพที่ใช้ในการตรวจวินิจฉัยโรค สามารถตรวจหาความผิดปกติของอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายได้)

โดยยินดีที่ จะเสียค่าใช้จ่ายในส่วนต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นทั้งหมดเอง (ทั้ง ๆ ที่ตามสิทธิของการมีบัตรผู้พิการที่รพ.นพรัตนฯ น่าจะครอบคลุมค่าใช้จ่ายส่วนนี้ ) จึงเข้าทำการทำ MRI ที่รพ.นพรัตน์ฯ ในเวลาประมาณ 14.30 น. เมื่อทำเสร็จ เจ้าหน้าที่ห้องฉุกเฉินมาแจ้งญาติให้ไปชำระค่าทำ MRI จำนวนเงิน 2 หมื่นบาท แต่ให้รอผลการวินิจฉัยจากแพทย์

ระหว่างนั้น ญาติมีการประสานกับผู้เกี่ยวข้องฝ่ายต่าง ๆ เพื่อขอห้องพิเศษ จนติดต่อกับประชาสัมพันธ์ท่านหนึ่งของรพ.นพรัตนฯ จนได้ทราบว่า รองผอ.รพ.นพรัตนฯ ยินดีที่จะรับคนไข้รายนี้ไว้ และกำลังรอผล MRI โดยต้องดูผลก่อนว่า สามารถเข้าห้องพิเศษได้หรือไม่ เพราะถ้ามีเลือดออกก็ไม่สามารถ เข้าห้องพิเศษได้ แต่ต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดจากหมอและพยาบาลในห้องรวม

ระหว่างเฝ้ารอผล MRI ญาติได้พยายามเข้าไปสอบถามพยาบาลในห้องฉุกเฉินตลอดเวลา แต่ได้รับคำตอบว่า รอหมอวินิจฉัย และมีท่าทีที่ไม่เป็นมิตร พร้อมกับชี้และพูดเสียงดังให้เจ้าหน้าที่ในห้องฉุกเฉินทราบว่า ’นี่คือญาติของคนไข้รายนี้“

ผ่านไปหลายชั่วโมง และระหว่างที่รอ เวลาประมาณ 5 โมงเย็น เจ้าหน้าที่ห้องฉุกเฉินแจ้งว่า คนไข้ปัสสาวะเป็นเลือด ญาติยังคงเฝ้าติดตามผล MRI จนกระทั่งเวลาประมาณ 22.30 น. หมอด้านกระดูกเรียกญาติเข้าไปรับฟังผลการตรวจ MRI โดยฉายภาพและแจ้งว่าพบ มะเร็งก้อนใหญ่ หมอไม่แนะนำให้ผ่าตัด เพราะจะไม่รอด

แต่แนะนำให้ไปฉายรังสี ที่รพ.หนองจอก โดยจะทำเรื่องส่งตัวไปทันที ญาติได้ทักท้วงหมอและพยาบาลในห้องฉุกเฉินว่า จะให้ย้ายไปคืนนี้เลยหรือ ได้รับคำตอบว่า ใช่ พร้อมกันนี้ หมอกระดูกรายนี้ได้เขียน

ใบส่งมอบตัวไป (ใบสีชมพู) เพื่อส่งตัวคนไข้ไปยัง รพ.หนองจอก

เมื่อได้รับคำตอบเช่นนี้ ญาติจึงประสานขอความช่วยเหลือจากหมอที่รพ.พระมงกุฎฯ พร้อมกับแจ้งรายละเอียด และผล MRI เบื้องต้น จนได้รับความอนุเคราะห์ ในการส่งตัว ไปรักษาฉุกเฉินที่รพ.พระมงกุฎเกล้า ในเวลาประมาณ ตี 1 ของวันอาทิตย์ที่ 11 ก.พ. พร้อมกับมีการตรวจอย่างละเอียด และย้ายคนไข้รายนี้ไปที่อาคารเฉลิมพระเกียรติ ชั้น 12 ในเวลาประมาณตี 3 โดยเบื้องต้น ให้ใช้สิทธิผู้พิการไปพลางก่อน

ทั้งนี้ระหว่างที่คนไข้รายนี้รอในห้องฉุกเฉินของรพ.นพรัตนฯ ประมาณ 12 ชั่วโมงเศษ นอกเหนือจากการทำ MRI ก็ไม่ได้ตรวจเลือดแต่อย่างใด และเมื่อญาติแจ้งว่า ขอชำระค่าใช้จ่ายทั้งหมด ก่อนจะส่งตัวไปยังรพ.พระมงกุฎเกล้า ก็ได้รับคำตอบว่า ไม่มีค่าใช้จ่ายใด เพราะใช้สิทธิบัตรผู้พิการ

คำถามคือ การให้บริการของหมอ-พยาบาล-เจ้าหน้าที่ในห้องฉุกเฉินของรพ.นพรัตนฯที่ไม่เหมาะสม และไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบ ในเรื่องการเข้ารักษาฉุกเฉิน 72 ชั่วโมง พยายามผลักไสคนไข้ให้ไปใช้บริการบัตรทองที่รพ.หนองจอกอย่างเดียว ทั้งที่คนไข้มีบัตรผู้พิการที่รพ.นพรัตนฯ...จะหาคำตอบได้จากใครดีครับ.

ขอบคุณ... https://www.dailynews.co.th/article/627422

ที่มา: เดลินิวส์ออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 16 ก.พ.61
วันที่โพสต์: 20/02/2561 เวลา 10:58:48 ดูภาพสไลด์โชว์ จรรยาบรรณแพทย์