ภารกิจ5สัมผัสพ่อแม่ช่วยลูกฉลาด

แสดงความคิดเห็น

เดี๋ยวนี้จะเลี้ยงดูลูกน้อยตามมีตามเกิดคงไม่ได้อีกแล้ว ด้วยวิทยาการต่างๆ ที่ล้ำหน้าอีกทั้งการแข่งขันสูง หากพ่อแม่ไม่ใส่ใจเชื่อแน่ว่าลูกอาจเติบโตอย่างไร้พัฒนาการและไม่ทันคนอื่น โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์ จึงประสานมือ ผลิตภัณฑ์นมเพื่อคุณแม่ตั้งครรภ์ เอส-26 มัมโกลด์ จัดงานอบรมเชิงปฏิบัติการ "5 สัมผัส สร้างลูกฉลาดตั้งแต่ในครรภ์" เชิญ นพ.มานิตย์ แสนมณีชัย สูติ-นรีแพทย์ มาแนะนำเทคนิคใหม่ล่าสุดเสริมสร้างความฉลาดลูกน้อยผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 ได้แก่ สัมผัสทางกาย, การได้ยิน, การรับรส, การมองเห็น และการรับกลิ่น พร้อมกิจกรรมสร้างลูกฉลาดตามราศี ที่ห้องประชุมออดิทอเรียมชั้น7โรงพยาบาลสมิติเวชศรีนครินทร์เมื่อเร็วๆนี้

นพ.มานิตย์ แสนมณีชัย กล่าวว่า การใช้ 5 สัมผัสกระตุ้นพัฒนาการของลูกน้อยตั้งแต่อยู่ในครรภ์จะได้ผลหรือไม่ขึ้นอยู่ ที่พ่อกับแม่ แรกสุดคุณแม่ต้องมีอารมณ์ที่มีความสุขก่อน ไม่เครียด ไม่ทุกข์ ไม่กังวล หลังจากนั้นจึงจะกระตุ้นด้วยระบบ 5 สัมผัส เริ่มจาก "การได้ยิน" ถือว่าสำคัญมาก แม่สามารถพูดกับลูกได้ตั้งแต่อยู่ในครรภ์ ทำให้ลูกจำเสียงของพ่อแม่ได้ ส่วนเสียงเพลงก็เป็นอีกอย่างหนึ่งที่ช่วยให้เด็กคลอดออกมาแล้วอารมณ์ดี ที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้เป็นเพลงฟังเบาๆ ที่ไม่รบกวนเด็กมากไป ให้ลูกฟัง 10-15 นาทีต่อครั้งและสม่ำเสมอ ส่วน "การสัมผัส" ก็ทำได้ง่ายๆ โดยให้พ่อสัมผัสท้องแม่ลูกก็รับรู้ได้ "การมองเห็น" โดยใช้ไฟฉายส่องท้องแม่ เป็นการกระตุ้นเล็กน้อยให้เด็กเห็นแสง ขณะที่การกระตุ้นเรื่อง "การรับรส" และ "การรับกลิ่น" คงทำอะไรมากไม่ได้ เพราะเด็กอยู่ในครรภ์ ขึ้นอยู่กับแม่ว่ารับประทานอะไรเข้าไป ลูกก็จะเรียนรู้กลิ่นและรสนั้นๆ สิ่งสำคัญหลังจากนั้นคือการเลี้ยงลูกที่คุณพ่อคุณแม่ต้องมีเวลาให้ลูก เพราะเด็กเล็กต้องการสิ่งเหล่านี้มากเพื่อพัฒนาการ อารมณ์และการเรียนรู้จะเป็นพื้นฐานสำคัญในการเรียนรู้อะไรที่ยากขึ้นต่อไปในอนาคต

"โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วง 3 ขวบแรก พ่อแม่ต้องใส่ใจลูกให้มาก จนมีคำกล่าวว่า "กว่าจะเข้าอนุบาลก็สายเสียแล้ว" เพราะมัวแต่ให้คนอื่นเลี้ยง พ่อแม่ไม่ได้สอนอะไรลูกอย่างที่ควรจะเป็นเลย เพราะพัฒนาการลูกไม่ใช่เฉพาะในครรภ์อย่างเดียว ในครรภ์จะทำได้ในช่วงระยะสั้นๆ ที่อยากเน้นย้ำคือสิ่งแวดล้อมมีผลต่อพัฒนาการของลูกมาก โดยเฉพาะอารมณ์ของแม่ ถ้าแม่เครียดก็จะส่งความเครียดไปให้ลูกที่อยู่ในครรภ์ ความเครียดสามารถทำลายสมองลูกได้ด้วย ตรงนี้คุณพ่อช่วยได้ ไม่สร้างความลำบากใจให้แม่ ส่งเสริมความอบอุ่นในบ้าน สิ่งที่พิสูจน์ง่ายๆ ก็อย่างโครงการจิตประภัสสรของแม่ชีศันสนีย์ แห่งเสถียรธรรมสถาน ท่านสอนให้คุณแม่มีความสุขตามวิถีพุทธ รู้จักวิธีไม่ทำตัวเองให้ทุกข์ เมื่อลูกคลอดออกมาก็จะอารมณ์ดี มีพัฒนาการเร็ว เป็นยอดปรารถนาในการให้เด็กเป็นคนดี เก่ง และมีความสุข" ผู้เชี่ยวชาญ กล่าวพร้อมแนะนำด้วยว่า ครอบครัวที่ดี อบอุ่น จะเป็นภูมิต้านทานให้เด็กคิดอย่างสร้างสรรค์ และเติบโตอย่างฉลาดทั้งไอคิวและอีคิว สำหรับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ควรได้ศึกษาวิทยาการใหม่ๆที่อธิบายตามหลักวิทยาศาสตร์

ภายในงานยังได้เชิญ อ.ทศพล ศรีตุลา หรือ "หมอช้าง" มาเสริมเรื่องการเลี้ยงลูกให้ได้ดีตามราศีเกิด โดยหมอช้างบอกว่า เรื่องนี้เกี่ยวกับหลักสถิติเพราะโหราศาสตร์เป็นการเก็บข้อมูลมายาวนาน ลูกเกิดในราศีนั้นๆ จะจัดฮวงจุ้ยห้องนอนแบบไหนจึงจะถูกโฉลกและเสริมดวง หรือเรื่องไหนเป็นเรื่องควรส่งเสริม เช่น หากรู้ว่าลูกเกิดในธาตุไฟซึ่งมีความร้อนแรง อาจจะเรียกว่าเป็นเด็กที่มีความซุกซน หยิบจับข้าวของต่างๆ ก็มีโอกาสเสียหายได้ง่าย คุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกธาตุไฟควรดูแลเป็นพิเศษ ปล่อยให้เขามีอิสระบ้าง วิธีการคิดการแสดงออกให้เขาเป็นคนตัดสินใจบ้าง เหล่านี้เป็นเรื่องสำคัญที่พ่อแม่ต้องเตรียมพร้อม

ขอบคุณ... http://www.komchadluek.net/detail/20130429/157174/ภารกิจ5สัมผัสพ่อแม่ช่วยลูกฉลาด.html#.UX4aJEqja8o

ที่มา: คมชัดลึกออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 29 เม.ย.56
วันที่โพสต์: 30/04/2556 เวลา 03:07:13 ดูภาพสไลด์โชว์ ภารกิจ5สัมผัสพ่อแม่ช่วยลูกฉลาด

แสดงความคิดเห็น

รอตรวจสอบ
จัดฟอร์แม็ต ดูการแสดงผล

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

ยกเลิก

รายละเอียดกระทู้

(หญิงตั้งครรภ์และภาพพัฒนาการของลูกน้อยภายในครรภ์) (นพ.มานิตย์ แสนมณีชัย) เดี๋ยวนี้จะเลี้ยงดูลูกน้อยตามมีตามเกิดคงไม่ได้อีกแล้ว ด้วยวิทยาการต่างๆ ที่ล้ำหน้าอีกทั้งการแข่งขันสูง หากพ่อแม่ไม่ใส่ใจเชื่อแน่ว่าลูกอาจเติบโตอย่างไร้พัฒนาการและไม่ทันคนอื่น โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์ จึงประสานมือ ผลิตภัณฑ์นมเพื่อคุณแม่ตั้งครรภ์ เอส-26 มัมโกลด์ จัดงานอบรมเชิงปฏิบัติการ "5 สัมผัส สร้างลูกฉลาดตั้งแต่ในครรภ์" เชิญ นพ.มานิตย์ แสนมณีชัย สูติ-นรีแพทย์ มาแนะนำเทคนิคใหม่ล่าสุดเสริมสร้างความฉลาดลูกน้อยผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 ได้แก่ สัมผัสทางกาย, การได้ยิน, การรับรส, การมองเห็น และการรับกลิ่น พร้อมกิจกรรมสร้างลูกฉลาดตามราศี ที่ห้องประชุมออดิทอเรียมชั้น7โรงพยาบาลสมิติเวชศรีนครินทร์เมื่อเร็วๆนี้ นพ.มานิตย์ แสนมณีชัย กล่าวว่า การใช้ 5 สัมผัสกระตุ้นพัฒนาการของลูกน้อยตั้งแต่อยู่ในครรภ์จะได้ผลหรือไม่ขึ้นอยู่ ที่พ่อกับแม่ แรกสุดคุณแม่ต้องมีอารมณ์ที่มีความสุขก่อน ไม่เครียด ไม่ทุกข์ ไม่กังวล หลังจากนั้นจึงจะกระตุ้นด้วยระบบ 5 สัมผัส เริ่มจาก "การได้ยิน" ถือว่าสำคัญมาก แม่สามารถพูดกับลูกได้ตั้งแต่อยู่ในครรภ์ ทำให้ลูกจำเสียงของพ่อแม่ได้ ส่วนเสียงเพลงก็เป็นอีกอย่างหนึ่งที่ช่วยให้เด็กคลอดออกมาแล้วอารมณ์ดี ที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้เป็นเพลงฟังเบาๆ ที่ไม่รบกวนเด็กมากไป ให้ลูกฟัง 10-15 นาทีต่อครั้งและสม่ำเสมอ ส่วน "การสัมผัส" ก็ทำได้ง่ายๆ โดยให้พ่อสัมผัสท้องแม่ลูกก็รับรู้ได้ "การมองเห็น" โดยใช้ไฟฉายส่องท้องแม่ เป็นการกระตุ้นเล็กน้อยให้เด็กเห็นแสง ขณะที่การกระตุ้นเรื่อง "การรับรส" และ "การรับกลิ่น" คงทำอะไรมากไม่ได้ เพราะเด็กอยู่ในครรภ์ ขึ้นอยู่กับแม่ว่ารับประทานอะไรเข้าไป ลูกก็จะเรียนรู้กลิ่นและรสนั้นๆ สิ่งสำคัญหลังจากนั้นคือการเลี้ยงลูกที่คุณพ่อคุณแม่ต้องมีเวลาให้ลูก เพราะเด็กเล็กต้องการสิ่งเหล่านี้มากเพื่อพัฒนาการ อารมณ์และการเรียนรู้จะเป็นพื้นฐานสำคัญในการเรียนรู้อะไรที่ยากขึ้นต่อไปในอนาคต "โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วง 3 ขวบแรก พ่อแม่ต้องใส่ใจลูกให้มาก จนมีคำกล่าวว่า "กว่าจะเข้าอนุบาลก็สายเสียแล้ว" เพราะมัวแต่ให้คนอื่นเลี้ยง พ่อแม่ไม่ได้สอนอะไรลูกอย่างที่ควรจะเป็นเลย เพราะพัฒนาการลูกไม่ใช่เฉพาะในครรภ์อย่างเดียว ในครรภ์จะทำได้ในช่วงระยะสั้นๆ ที่อยากเน้นย้ำคือสิ่งแวดล้อมมีผลต่อพัฒนาการของลูกมาก โดยเฉพาะอารมณ์ของแม่ ถ้าแม่เครียดก็จะส่งความเครียดไปให้ลูกที่อยู่ในครรภ์ ความเครียดสามารถทำลายสมองลูกได้ด้วย ตรงนี้คุณพ่อช่วยได้ ไม่สร้างความลำบากใจให้แม่ ส่งเสริมความอบอุ่นในบ้าน สิ่งที่พิสูจน์ง่ายๆ ก็อย่างโครงการจิตประภัสสรของแม่ชีศันสนีย์ แห่งเสถียรธรรมสถาน ท่านสอนให้คุณแม่มีความสุขตามวิถีพุทธ รู้จักวิธีไม่ทำตัวเองให้ทุกข์ เมื่อลูกคลอดออกมาก็จะอารมณ์ดี มีพัฒนาการเร็ว เป็นยอดปรารถนาในการให้เด็กเป็นคนดี เก่ง และมีความสุข" ผู้เชี่ยวชาญ กล่าวพร้อมแนะนำด้วยว่า ครอบครัวที่ดี อบอุ่น จะเป็นภูมิต้านทานให้เด็กคิดอย่างสร้างสรรค์ และเติบโตอย่างฉลาดทั้งไอคิวและอีคิว สำหรับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ควรได้ศึกษาวิทยาการใหม่ๆที่อธิบายตามหลักวิทยาศาสตร์ ภายในงานยังได้เชิญ อ.ทศพล ศรีตุลา หรือ "หมอช้าง" มาเสริมเรื่องการเลี้ยงลูกให้ได้ดีตามราศีเกิด โดยหมอช้างบอกว่า เรื่องนี้เกี่ยวกับหลักสถิติเพราะโหราศาสตร์เป็นการเก็บข้อมูลมายาวนาน ลูกเกิดในราศีนั้นๆ จะจัดฮวงจุ้ยห้องนอนแบบไหนจึงจะถูกโฉลกและเสริมดวง หรือเรื่องไหนเป็นเรื่องควรส่งเสริม เช่น หากรู้ว่าลูกเกิดในธาตุไฟซึ่งมีความร้อนแรง อาจจะเรียกว่าเป็นเด็กที่มีความซุกซน หยิบจับข้าวของต่างๆ ก็มีโอกาสเสียหายได้ง่าย คุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกธาตุไฟควรดูแลเป็นพิเศษ ปล่อยให้เขามีอิสระบ้าง วิธีการคิดการแสดงออกให้เขาเป็นคนตัดสินใจบ้าง เหล่านี้เป็นเรื่องสำคัญที่พ่อแม่ต้องเตรียมพร้อม ขอบคุณ... http://www.komchadluek.net/detail/20130429/157174/ภารกิจ5สัมผัสพ่อแม่ช่วยลูกฉลาด.html#.UX4aJEqja8o

จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย

  1. เพิ่ม
  2. เพิ่ม ลบ
  3. เพิ่ม ลบ
  4. เพิ่ม ลบ
  5. เพิ่ม ลบ
  6. เพิ่ม ลบ
  7. เพิ่ม ลบ
  8. เพิ่ม ลบ
  9. เพิ่ม ลบ
  10. ลบ
เลือกการตกแต่งที่ต้องการ

ตกลง ยกเลิก

รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)

Waiting...