คนไทยป่วยต้อหินไม่รู้ตัว 3 ล.คน แนะตรวจคัดกรองก่อนโลกมืด

แสดงความคิดเห็น

สภาพดวงตา ของผู้ป่วยต้อหิน

คนไทยเป็นโรคต้อหินแบบไม่รู้ตัว ถึง 3 ล้านคน หมอตาเตือนอันตรายถึงขึ้นตาบอด โดยเฉพาะคนอายุตั้งแต่ 40 ขึ้นไป แนะตรวจตาเพื่อคัดกรอง ก่อนเข้าสู่โลกมืด

นพ.ปานเนตร ปางพุฒิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ (วัดไร่ขิง) อ.สามพราน จ.นครปฐม ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านจักษุวิทยา เปิดเผยว่า โรคต้อหินเป็นสาเหตุของปัญหาตาบอดมากเป็นอันดับ 2 รองจากตาต้อกระจก หากเป็นแล้วจะรักษาให้เหมือนปกติไม่ได้ โดยคาดว่ามีผู้ที่เป็นโรคนี้ทุกกลุ่มอายุประมาณร้อยละ 6 ของประชากรหรือประมาณ 3,360,000 ราย เกิดจากน้ำหล่อเลี้ยงที่สร้างภายในลูกตาและถูกขับออกมาภายนอกไม่สมดุลกัน ทำให้ความดันในลูกตาสูงขึ้นและเกิดการเสียสมดุล ขั้วประสาทตาจะถูกทำลาย ส่งผลให้ลานสายตาผิดปกติ ความสามารถในการมองเห็นลดลง มักจะเกิดจากด้านข้างของลูกตามาก่อนมองเห็นภาพมัวที่ขอบแต่จะชัดตรงกลางต่อไปจะมัวลงทั้งหมดจะทำให้ตาบอดในที่สุด

"ต้อหินที่พบบ่อยที่สุดร้อยละ 60-70 คือ ชนิดที่มุมตาเปิด ชนิดนี้มักจะไม่มีอาการและไม่รู้ตัว เนื่องจากไม่มีความผิดปกติใดๆ เกิดขึ้นระยะแรก จะรู้ตัวเมื่อสายตาค่อยๆ มัวลง มองด้านข้างไม่ค่อยเห็น คนป่วยจึงมาพบแพทย์ ทั้งนี้ คาดว่าจะมีผู้ที่ยังไม่รู้ตัวว่าเป็นโรคต้อหินประมาณ 3 ล้านคน ส่วนอีกชนิดคือมุมตาปิดคาดว่ามีประมาณร้อยละ 30-40 จะเกิดในคนที่มีมุมตาค่อนข้างแคบ ทำให้ขวางกั้นการระบายน้ำในตา ทำให้ความดันลูกตาสูงขึ้นอย่างเฉียบพลัน จะมีอาการปวดตา ตาแดง ตามัว ปวดศีรษะอย่างรุนแรง บางรายมีอาการคลื่นใส้อาเจียน เห็นแสงสีรุ้งรอบดวงไฟ หากไม่รักษาภายใน 48 ชั่วโมงอาจทำให้ตาบอดได้"ผอ.รพ.วัดไร่ขิงกล่าว

นพ.ปานเนตร กล่าวอีกว่า การป้องกันโรคต้อหินคือควรได้รับการตรวจคัดกรองความดันลูกตาและขั้วประสาทตา อย่างน้อย 1 ครั้ง โดยเฉพาะกลุ่มผู้ที่อายุ 40 ปีขึ้นไป กลุ่มผู้สูงอายุ ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นต้อหิน ผู้ที่มีสายตาสั้นหรือยาวมาก ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ผู้ป่วยโรคเกี่ยวกับเลือดและหลอดเลือดซึ่งเลือดไหลเวียนขึ้นไปประสาทตาไม่ดี และผู้ที่ใช้ยาหยอดตาจำพวกสเตียรอยด์เองโดยไม่ได้อยู่ภายใต้การดูแลของจักษุ แพทย์ นอกจากนี้ ควรตรวจซ้ำเป็นระยะทุก 1-5 ปี ตามคำแนะนำของแพทย์ หากผิดปกติจะได้รับการดูแลรักษาอย่างรวดเร็ว เพื่อไม่ให้ประสาทตาเสื่อมมากขึ้น ซึ่งการรักษาโรคต้อหินเป็นเพียงการระงับไม่ให้ประสาทตาถูกทำลายไปมากกว่า เดิม แต่ไม่สามารถรักษาให้กลับมามองเห็นได้ชัดเหมือนเดิมเหมือนกับการรักษาตาต้อกระจก

"การรักษาต้อหินมีหลายวิธี เช่น การใช้ยาหยอดตา รับประทานยา ยิงเลเซอร์ และผ่าตัด แต่ละวิธีมีข้อจำกัดขึ้นอยู่กับตัวผู้ป่วยและประเภทของต้อหิน สำหรับกิจกรรมเนื่องในสัปดาห์วันต้อหินโลก ปี 2556 วันที่ 10-16 มี.ค.ของทุกปี รพ.เมตตาประชารักษ์ จะจัดในวันจันทร์ที่ 4 มี.ค.นี้ ที่ศูนย์ประชุมชั้น 4 อาคารบริการของโรงพยาบาลฯ ภายในงานมีการจัดนิทรรศการให้คำปรึกษา ถาม-ตอบปัญหาโรคห้อหิน ให้บริการตรวจคัดกรองโรคต้อหินด้วยเครื่องมือที่ทันสมัยโดยจักษุแพทย์ผู้ เชี่ยวชาญ ฟรี หากพบจะได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง"ผอ.รพ.วัดไร่ขิงกล่าว

นพ.ปานเนตร กล่าวด้วยว่า กลุ่มคนที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป นอกจากเสี่ยงเรื่องต้อหินแล้ว ยังเป็นช่วงที่มีการเปลี่ยนสรีระทางสายตา เข้าสู่ภาวะสายตายาว หรือสายตาคนแก่ ทำให้การมองเห็นระยะใกล้ลดลง หากไม่ได้สวมแว่นสายตาช่วย จะทำให้ต้องใช้กล้ามเนื้อตาเพ่งมองมากและนานกว่าปกติ จะทำให้กล้ามเนื้อตาเกิดอาการล้าและปวดเมื่อยตา ที่น่าห่วงหากคนกลุ่มนี้ใช้แท็บเล็ตหรือสมาร์ทโฟนที่มีขนาดหน้าจอและตัว หนังสือที่เล็กมาก จะต้องเพ่งมองในระยะใกล้ๆ ทำให้กล้ามเนื้อภายในและภายนอกลูกตาต้องหดตัวเพื่อปรับระยะโฟกัสและมุมตามา มองใกล้ ดังนั้น จึงแนะนำให้เลือกใช้อุปกรณ์ที่มีขนาดตัวหนังสือ หรือขนาดหน้าจอใหญ่ หรือชนิดที่ขยายตัวอักษรได้ และการปรับสีพื้นหน้าจอ ตัวอักษรควรเป็นสีที่มองแล้วสบายตาที่สุด เช่น พื้นจอสีขาว ตัวอักษรสีดำ เป็นต้น ไม่ควรใช้สีเข้ม เพื่อที่จะไม่ต้องใช้สายตาเพ่งมากเกินไป และแนะนำให้ตรวจเช็คสายตาทุก 1 ปี เพื่อเปลี่ยนเลนส์ของแว่นให้เหมาะสมกับสภาพของสายตา

ขอบคุณ... http://manager.co.th/Qol/ViewNews.aspx?NewsID=9560000026469 (ขนาดไฟล์: 164)

ที่มา: ASTVผู้จัดการออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 3 มี.ค.56
วันที่โพสต์: 4/03/2556 เวลา 03:32:35 ดูภาพสไลด์โชว์ คนไทยป่วยต้อหินไม่รู้ตัว 3 ล.คน แนะตรวจคัดกรองก่อนโลกมืด

แสดงความคิดเห็น

รอตรวจสอบ
จัดฟอร์แม็ต ดูการแสดงผล

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

ยกเลิก

รายละเอียดกระทู้

สภาพดวงตา ของผู้ป่วยต้อหิน คนไทยเป็นโรคต้อหินแบบไม่รู้ตัว ถึง 3 ล้านคน หมอตาเตือนอันตรายถึงขึ้นตาบอด โดยเฉพาะคนอายุตั้งแต่ 40 ขึ้นไป แนะตรวจตาเพื่อคัดกรอง ก่อนเข้าสู่โลกมืด นพ.ปานเนตร ปางพุฒิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ (วัดไร่ขิง) อ.สามพราน จ.นครปฐม ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านจักษุวิทยา เปิดเผยว่า โรคต้อหินเป็นสาเหตุของปัญหาตาบอดมากเป็นอันดับ 2 รองจากตาต้อกระจก หากเป็นแล้วจะรักษาให้เหมือนปกติไม่ได้ โดยคาดว่ามีผู้ที่เป็นโรคนี้ทุกกลุ่มอายุประมาณร้อยละ 6 ของประชากรหรือประมาณ 3,360,000 ราย เกิดจากน้ำหล่อเลี้ยงที่สร้างภายในลูกตาและถูกขับออกมาภายนอกไม่สมดุลกัน ทำให้ความดันในลูกตาสูงขึ้นและเกิดการเสียสมดุล ขั้วประสาทตาจะถูกทำลาย ส่งผลให้ลานสายตาผิดปกติ ความสามารถในการมองเห็นลดลง มักจะเกิดจากด้านข้างของลูกตามาก่อนมองเห็นภาพมัวที่ขอบแต่จะชัดตรงกลางต่อไปจะมัวลงทั้งหมดจะทำให้ตาบอดในที่สุด "ต้อหินที่พบบ่อยที่สุดร้อยละ 60-70 คือ ชนิดที่มุมตาเปิด ชนิดนี้มักจะไม่มีอาการและไม่รู้ตัว เนื่องจากไม่มีความผิดปกติใดๆ เกิดขึ้นระยะแรก จะรู้ตัวเมื่อสายตาค่อยๆ มัวลง มองด้านข้างไม่ค่อยเห็น คนป่วยจึงมาพบแพทย์ ทั้งนี้ คาดว่าจะมีผู้ที่ยังไม่รู้ตัวว่าเป็นโรคต้อหินประมาณ 3 ล้านคน ส่วนอีกชนิดคือมุมตาปิดคาดว่ามีประมาณร้อยละ 30-40 จะเกิดในคนที่มีมุมตาค่อนข้างแคบ ทำให้ขวางกั้นการระบายน้ำในตา ทำให้ความดันลูกตาสูงขึ้นอย่างเฉียบพลัน จะมีอาการปวดตา ตาแดง ตามัว ปวดศีรษะอย่างรุนแรง บางรายมีอาการคลื่นใส้อาเจียน เห็นแสงสีรุ้งรอบดวงไฟ หากไม่รักษาภายใน 48 ชั่วโมงอาจทำให้ตาบอดได้"ผอ.รพ.วัดไร่ขิงกล่าว นพ.ปานเนตร กล่าวอีกว่า การป้องกันโรคต้อหินคือควรได้รับการตรวจคัดกรองความดันลูกตาและขั้วประสาทตา อย่างน้อย 1 ครั้ง โดยเฉพาะกลุ่มผู้ที่อายุ 40 ปีขึ้นไป กลุ่มผู้สูงอายุ ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นต้อหิน ผู้ที่มีสายตาสั้นหรือยาวมาก ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ผู้ป่วยโรคเกี่ยวกับเลือดและหลอดเลือดซึ่งเลือดไหลเวียนขึ้นไปประสาทตาไม่ดี และผู้ที่ใช้ยาหยอดตาจำพวกสเตียรอยด์เองโดยไม่ได้อยู่ภายใต้การดูแลของจักษุ แพทย์ นอกจากนี้ ควรตรวจซ้ำเป็นระยะทุก 1-5 ปี ตามคำแนะนำของแพทย์ หากผิดปกติจะได้รับการดูแลรักษาอย่างรวดเร็ว เพื่อไม่ให้ประสาทตาเสื่อมมากขึ้น ซึ่งการรักษาโรคต้อหินเป็นเพียงการระงับไม่ให้ประสาทตาถูกทำลายไปมากกว่า เดิม แต่ไม่สามารถรักษาให้กลับมามองเห็นได้ชัดเหมือนเดิมเหมือนกับการรักษาตาต้อกระจก "การรักษาต้อหินมีหลายวิธี เช่น การใช้ยาหยอดตา รับประทานยา ยิงเลเซอร์ และผ่าตัด แต่ละวิธีมีข้อจำกัดขึ้นอยู่กับตัวผู้ป่วยและประเภทของต้อหิน สำหรับกิจกรรมเนื่องในสัปดาห์วันต้อหินโลก ปี 2556 วันที่ 10-16 มี.ค.ของทุกปี รพ.เมตตาประชารักษ์ จะจัดในวันจันทร์ที่ 4 มี.ค.นี้ ที่ศูนย์ประชุมชั้น 4 อาคารบริการของโรงพยาบาลฯ ภายในงานมีการจัดนิทรรศการให้คำปรึกษา ถาม-ตอบปัญหาโรคห้อหิน ให้บริการตรวจคัดกรองโรคต้อหินด้วยเครื่องมือที่ทันสมัยโดยจักษุแพทย์ผู้ เชี่ยวชาญ ฟรี หากพบจะได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง"ผอ.รพ.วัดไร่ขิงกล่าว นพ.ปานเนตร กล่าวด้วยว่า กลุ่มคนที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป นอกจากเสี่ยงเรื่องต้อหินแล้ว ยังเป็นช่วงที่มีการเปลี่ยนสรีระทางสายตา เข้าสู่ภาวะสายตายาว หรือสายตาคนแก่ ทำให้การมองเห็นระยะใกล้ลดลง หากไม่ได้สวมแว่นสายตาช่วย จะทำให้ต้องใช้กล้ามเนื้อตาเพ่งมองมากและนานกว่าปกติ จะทำให้กล้ามเนื้อตาเกิดอาการล้าและปวดเมื่อยตา ที่น่าห่วงหากคนกลุ่มนี้ใช้แท็บเล็ตหรือสมาร์ทโฟนที่มีขนาดหน้าจอและตัว หนังสือที่เล็กมาก จะต้องเพ่งมองในระยะใกล้ๆ ทำให้กล้ามเนื้อภายในและภายนอกลูกตาต้องหดตัวเพื่อปรับระยะโฟกัสและมุมตามา มองใกล้ ดังนั้น จึงแนะนำให้เลือกใช้อุปกรณ์ที่มีขนาดตัวหนังสือ หรือขนาดหน้าจอใหญ่ หรือชนิดที่ขยายตัวอักษรได้ และการปรับสีพื้นหน้าจอ ตัวอักษรควรเป็นสีที่มองแล้วสบายตาที่สุด เช่น พื้นจอสีขาว ตัวอักษรสีดำ เป็นต้น ไม่ควรใช้สีเข้ม เพื่อที่จะไม่ต้องใช้สายตาเพ่งมากเกินไป และแนะนำให้ตรวจเช็คสายตาทุก 1 ปี เพื่อเปลี่ยนเลนส์ของแว่นให้เหมาะสมกับสภาพของสายตา ขอบคุณ... http://manager.co.th/Qol/ViewNews.aspx?NewsID=9560000026469

จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย

  1. เพิ่ม
  2. เพิ่ม ลบ
  3. เพิ่ม ลบ
  4. เพิ่ม ลบ
  5. เพิ่ม ลบ
  6. เพิ่ม ลบ
  7. เพิ่ม ลบ
  8. เพิ่ม ลบ
  9. เพิ่ม ลบ
  10. ลบ
เลือกการตกแต่งที่ต้องการ

ตกลง ยกเลิก

รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)

Waiting...