ได้เวลาโรคร้ายฤดูร้อน "ภัยลมแดด" ชื่อไม่ดุ..แต่"ถึงตาย!"
แม้ว่าระยะนี้บางพื้นที่สูงทางภาคเหนือจะยังมีอากาศเย็น และแม้หลาย ๆ พื้นที่จะมีฝนตก แต่โดยภาพรวมสำหรับพื้นที่ประเทศไทยยามนี้ส่วนใหญ่ก็เข้าสู่ช่วงแล้งร้อนแล้ว และก็ ’ร้อนจัด“ ในหลาย ๆ พื้นที่ ซึ่งก็มีการคาดการณ์ว่าฤดูร้อนปีนี้ในหลายพื้นที่ในบางวันอุณหภูมิจะสูงเกิน 40 องศาเซลเซียส บางพื้นที่อุณหภูมิสูงสุดอาจจะอยู่ที่ 40-41 องศาเซลเซียส และในบางพื้นที่อุณหภูมิสูงสุดอาจจะสูงถึง 42 องศาเซลเซียส เมืองไทยเป็นเมืองร้อน...คนไทยชินอากาศร้อนแต่’ร้อนจัด“มากๆ...หลังๆชักจะชินไม่ไหว!!
ทั้งนี้ ด้วยสภาพแวดล้อมในไทยที่เสื่อมโทรมลงเรื่อย ๆ ในแต่ละปีมีจำนวนวันที่อากาศร้อนจัดมากขึ้นเรื่อย ๆ เรื่องนี้ไม่ใช่แค่เรื่องที่ทำให้คนไทยไม่สบายเนื้อไม่สบายตัวมากขึ้นในแต่ละปี แต่ยังมีผลต่อการเจ็บไข้ได้ป่วยง่ายขึ้นด้วย ซึ่งภัย “โรค” ที่มักจะ “ดุ” ในช่วงฤดูร้อนที่อากาศร้อนจัด อากาศร้อนและแห้งแล้ง ก็เช่น...อหิวาตกโรค, อุจจาระร่วงเฉียบพลัน, อาหารเป็นพิษ, ไทฟอยด์, บิด, พิษสุนัขบ้า เป็นต้น และในยุคที่โลกร้อนขึ้นเรื่อย ๆ ก็ยังต้องระวังเชื้อโรคอุบัติใหม่ ระวังโรคชนิดเก่า ๆ จะรุนแรงร้ายแรงขึ้น ซึ่งก็รวมถึง ไข้หวัด ที่ยุคนี้แค่เป็นหวัดธรรมดาก็ดูจะหายยากขึ้น ใช้เวลารักษานานขึ้น ซ้ำยังมีหวัดชนิดที่รุนแรงถึงตายให้ต้องกลัวด้วย
อย่างไรก็ตาม กับโรคภัยไข้เจ็บที่ต้องระวังกันให้ดี ๆ ในช่วงฤดูร้อน ในช่วงที่อากาศร้อนจัด ๆ นอกจากโรคที่เกิดจากเชื้อโรคต่าง ๆ แล้ว ก็ยังมีโรคที่ไม่ได้มีเชื้อโรคเป็นต้นเหตุ ที่ก็ต้องระวัง เพราะดีไม่ดีก็อาจถึงตายได้ ’โรคลมแดด“ ชื่อไม่น่ากลัว... แต่ก็ควรต้องระวัง โรคนี้ก็ทำให้ ’ตาย“ ได้...และคนไทยก็สุ่มเสี่ยง!!
เมื่อใช้คำเรียกภาษาไทย กับ “โรคลมแดด” นี้อาจฟังดูเหมือนไม่มีอะไร ก็แค่ “เป็นลม” แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่ และหากใช้คำเรียกภาษาอังกฤษ คือ ’ฮีทสโตรก“ หลายคนก็อาจคุ้น ๆ ว่า ’โรคนี้ก็ต้องกลัว“เช่นกัน ฮีทสโตรก หรือโรคลมแดด เป็นโรคหรืออาการที่เกิดจากการที่ร่างกายเกิดความร้อนเป็นเวลานาน จนเกิดเป็น “ภาวะวิกฤติของร่างกายที่ไม่สามารถควบคุมระดับความร้อนได้” การที่ร่างกายอยู่ท่ามกลางสภาพอากาศที่ร้อนจัด ร่างกายอาจสูญเสียน้ำอย่างรวดเร็ว ซึ่งหากร่างกายเกิดความร้อนสะสมสูง อาจทำให้อวัยวะภายใน เช่น หัวใจ, ตับ, ปอด, ม้าม, สมอง ร้อนระอุจนสุก ทำงานผิดปกติ หยุดทำงาน และทำให้เสียชีวิต
ขยายความเพิ่มเติม...โดยปกติแล้วร่างกายของคนเราจะใช้เหงื่อและปัสสาวะเป็น ตัวปรับอุณหภูมิในร่างกายให้สมดุล ในช่วงที่อากาศร้อนจัด ๆ [uds43]ร่างกายจะเกิดการคายความร้อนออกมาพร้อมกับน้ำในรูปของเหงื่อ ซึ่งพร้อม ๆ กับการสูญเสียน้ำก็จะมีการชดเชยด้วยการที่สมองจะสั่งให้เกิดความรู้สึก “หิวน้ำ” โดยกลไกสั่งการนี้จะใช้ระดับความเข้มข้นของเลือดที่เพิ่มสูงขึ้นจากการเสียน้ำเป็นตัวส่งสัญญาณถึงสมอง เพื่อให้เกิดรู้สึกหิวน้ำ
แต่กับคนที่เกิดอาการ “ฮีทสโตรก-โรคลมแดด” ร่างกายไม่เพียงขับน้ำออกมาพร้อมกับเหงื่อเท่านั้น แต่ยังสูญเสียเกลือแร่ออกมาด้วย เพราะฉะนั้นสมองอาจจะไม่มีทางรู้ว่าร่างกายเกิดขาดน้ำ เนื่องจากระดับความเข้มข้นของเลือดไม่ค่อยเปลี่ยนแปลง ซึ่งเมื่อร่างกายเสียน้ำมากเกินไปปริมาณเลือดจะลดลงจนไม่อาจไหลเวียนเลี้ยงร่างกายได้อย่างทั่วถึง โดยเฉพาะกับสมอง และถึงจุดนี้ร่างกายจะไม่ยอมให้เกิดการสูญเสียน้ำอีก โดยต่อมเหงื่อจะหยุดทำงานทันทีแต่แม้ร่างกายจะหยุดการเสียน้ำได้ความร้อนก็จะไม่สามารถระบายออกได้
ถึงจุดนี้ก็จะทำให้อุณหภูมิภายในร่างกายสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เปรียบเหมือนหม้อความดันที่กำลังเดือด ผลก็คืออวัยวะภายในต่าง ๆ จะเกิดภาวะร้อนจนสุก และทำงานผิดปกติ หรือหยุดทำงาน และเมื่อถึงระดับนี้...ก็มีโอกาสเสียชีวิตสูง!!
ทั้งนี้ ผู้ที่เสี่ยงต่อ ’โรคลมแดด-ฮีทสโตรก“ คือ...เด็กเล็ก คนชรา คนที่ร่างกายไม่ได้ตรากตรำกลางแดดเป็นประจำ คนที่ส่วนใหญ่อยู่แต่ในห้องแอร์ คนที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง คนที่อดนอน คนที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งร่างกายจะปรับตัวยากหากต้องเผชิญอากาศร้อนจัด ๆ ต้องตากแดดแรง ๆ เป็นเวลานาน โดยทหารเกณฑ์ที่เพิ่งเข้าฝึกใหม่ ๆ ตามกรมกองต่าง ๆ ในช่วงฤดูร้อน นี่ก็จัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยง แต่ทางกองทัพก็ได้ให้ความสำคัญกับกรณีนี้มากว่า10ปีแล้วซึ่งนี่ก็บ่งชี้ว่าภัยลมแดดนี่มองข้ามไม่ได้
หากใครต้องอยู่ท่ามกลางอากาศร้อนจัด อยู่กลางแดดแรงเป็นเวลานาน ๆ ทางที่ดีควร “ดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อป้องกันไว้ก่อน” ซึ่งหากเกิดตัวร้อนจัด เพ้อ หรือหมดสติ ชีพจรเต้นเร็ว ความดันเลือดลดลง ช็อก ผิวหนังแห้งและร้อนแต่ไม่มีเหงื่อออก ร่างกายเกร็ง นี่เป็นอาการบ่งชี้ว่าการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ล้มเหลว หรือ “ฮีทสโตรก-โรคลมแดด” ซึ่งหากตัวร้อนเกิน 40 องศาเซลเซียส ถือเป็นภาวะฉุกเฉิน มีโอกาสเสียชีวิต 17-70% ’ร้อนตาย“ ในเมืองฝรั่งนั้นมีเกิดขึ้นเป็นประจำ แม้คนไทยจะชินอากาศร้อนแต่ก็ ’ต้องระวัง“ และช่วงนี้ก็ได้เวลา ’ภัยร้ายฤดูร้อน“ แล้ว!!!.
ขอบคุณ… http://www.dailynews.co.th/article/223/190469 (ขนาดไฟล์: 167)
แสดงความคิดเห็น
รายละเอียดกระทู้
ปรอทวัดอุณหภูมิ แม้ว่าระยะนี้บางพื้นที่สูงทางภาคเหนือจะยังมีอากาศเย็น และแม้หลาย ๆ พื้นที่จะมีฝนตก แต่โดยภาพรวมสำหรับพื้นที่ประเทศไทยยามนี้ส่วนใหญ่ก็เข้าสู่ช่วงแล้งร้อนแล้ว และก็ ’ร้อนจัด“ ในหลาย ๆ พื้นที่ ซึ่งก็มีการคาดการณ์ว่าฤดูร้อนปีนี้ในหลายพื้นที่ในบางวันอุณหภูมิจะสูงเกิน 40 องศาเซลเซียส บางพื้นที่อุณหภูมิสูงสุดอาจจะอยู่ที่ 40-41 องศาเซลเซียส และในบางพื้นที่อุณหภูมิสูงสุดอาจจะสูงถึง 42 องศาเซลเซียส เมืองไทยเป็นเมืองร้อน...คนไทยชินอากาศร้อนแต่’ร้อนจัด“มากๆ...หลังๆชักจะชินไม่ไหว!! ทั้งนี้ ด้วยสภาพแวดล้อมในไทยที่เสื่อมโทรมลงเรื่อย ๆ ในแต่ละปีมีจำนวนวันที่อากาศร้อนจัดมากขึ้นเรื่อย ๆ เรื่องนี้ไม่ใช่แค่เรื่องที่ทำให้คนไทยไม่สบายเนื้อไม่สบายตัวมากขึ้นในแต่ละปี แต่ยังมีผลต่อการเจ็บไข้ได้ป่วยง่ายขึ้นด้วย ซึ่งภัย “โรค” ที่มักจะ “ดุ” ในช่วงฤดูร้อนที่อากาศร้อนจัด อากาศร้อนและแห้งแล้ง ก็เช่น...อหิวาตกโรค, อุจจาระร่วงเฉียบพลัน, อาหารเป็นพิษ, ไทฟอยด์, บิด, พิษสุนัขบ้า เป็นต้น และในยุคที่โลกร้อนขึ้นเรื่อย ๆ ก็ยังต้องระวังเชื้อโรคอุบัติใหม่ ระวังโรคชนิดเก่า ๆ จะรุนแรงร้ายแรงขึ้น ซึ่งก็รวมถึง ไข้หวัด ที่ยุคนี้แค่เป็นหวัดธรรมดาก็ดูจะหายยากขึ้น ใช้เวลารักษานานขึ้น ซ้ำยังมีหวัดชนิดที่รุนแรงถึงตายให้ต้องกลัวด้วย อย่างไรก็ตาม กับโรคภัยไข้เจ็บที่ต้องระวังกันให้ดี ๆ ในช่วงฤดูร้อน ในช่วงที่อากาศร้อนจัด ๆ นอกจากโรคที่เกิดจากเชื้อโรคต่าง ๆ แล้ว ก็ยังมีโรคที่ไม่ได้มีเชื้อโรคเป็นต้นเหตุ ที่ก็ต้องระวัง เพราะดีไม่ดีก็อาจถึงตายได้ ’โรคลมแดด“ ชื่อไม่น่ากลัว... แต่ก็ควรต้องระวัง โรคนี้ก็ทำให้ ’ตาย“ ได้...และคนไทยก็สุ่มเสี่ยง!! เมื่อใช้คำเรียกภาษาไทย กับ “โรคลมแดด” นี้อาจฟังดูเหมือนไม่มีอะไร ก็แค่ “เป็นลม” แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่ และหากใช้คำเรียกภาษาอังกฤษ คือ ’ฮีทสโตรก“ หลายคนก็อาจคุ้น ๆ ว่า ’โรคนี้ก็ต้องกลัว“เช่นกัน ฮีทสโตรก หรือโรคลมแดด เป็นโรคหรืออาการที่เกิดจากการที่ร่างกายเกิดความร้อนเป็นเวลานาน จนเกิดเป็น “ภาวะวิกฤติของร่างกายที่ไม่สามารถควบคุมระดับความร้อนได้” การที่ร่างกายอยู่ท่ามกลางสภาพอากาศที่ร้อนจัด ร่างกายอาจสูญเสียน้ำอย่างรวดเร็ว ซึ่งหากร่างกายเกิดความร้อนสะสมสูง อาจทำให้อวัยวะภายใน เช่น หัวใจ, ตับ, ปอด, ม้าม, สมอง ร้อนระอุจนสุก ทำงานผิดปกติ หยุดทำงาน และทำให้เสียชีวิต ขยายความเพิ่มเติม...โดยปกติแล้วร่างกายของคนเราจะใช้เหงื่อและปัสสาวะเป็น ตัวปรับอุณหภูมิในร่างกายให้สมดุล ในช่วงที่อากาศร้อนจัด ๆ ร่างกายจะเกิดการคายความร้อนออกมาพร้อมกับน้ำในรูปของเหงื่อ ซึ่งพร้อม ๆ กับการสูญเสียน้ำก็จะมีการชดเชยด้วยการที่สมองจะสั่งให้เกิดความรู้สึก “หิวน้ำ” โดยกลไกสั่งการนี้จะใช้ระดับความเข้มข้นของเลือดที่เพิ่มสูงขึ้นจากการเสียน้ำเป็นตัวส่งสัญญาณถึงสมอง เพื่อให้เกิดรู้สึกหิวน้ำ แต่กับคนที่เกิดอาการ “ฮีทสโตรก-โรคลมแดด” ร่างกายไม่เพียงขับน้ำออกมาพร้อมกับเหงื่อเท่านั้น แต่ยังสูญเสียเกลือแร่ออกมาด้วย เพราะฉะนั้นสมองอาจจะไม่มีทางรู้ว่าร่างกายเกิดขาดน้ำ เนื่องจากระดับความเข้มข้นของเลือดไม่ค่อยเปลี่ยนแปลง ซึ่งเมื่อร่างกายเสียน้ำมากเกินไปปริมาณเลือดจะลดลงจนไม่อาจไหลเวียนเลี้ยงร่างกายได้อย่างทั่วถึง โดยเฉพาะกับสมอง และถึงจุดนี้ร่างกายจะไม่ยอมให้เกิดการสูญเสียน้ำอีก โดยต่อมเหงื่อจะหยุดทำงานทันทีแต่แม้ร่างกายจะหยุดการเสียน้ำได้ความร้อนก็จะไม่สามารถระบายออกได้ ถึงจุดนี้ก็จะทำให้อุณหภูมิภายในร่างกายสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เปรียบเหมือนหม้อความดันที่กำลังเดือด ผลก็คืออวัยวะภายในต่าง ๆ จะเกิดภาวะร้อนจนสุก และทำงานผิดปกติ หรือหยุดทำงาน และเมื่อถึงระดับนี้...ก็มีโอกาสเสียชีวิตสูง!! ทั้งนี้ ผู้ที่เสี่ยงต่อ ’โรคลมแดด-ฮีทสโตรก“ คือ...เด็กเล็ก คนชรา คนที่ร่างกายไม่ได้ตรากตรำกลางแดดเป็นประจำ คนที่ส่วนใหญ่อยู่แต่ในห้องแอร์ คนที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง คนที่อดนอน คนที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งร่างกายจะปรับตัวยากหากต้องเผชิญอากาศร้อนจัด ๆ ต้องตากแดดแรง ๆ เป็นเวลานาน โดยทหารเกณฑ์ที่เพิ่งเข้าฝึกใหม่ ๆ ตามกรมกองต่าง ๆ ในช่วงฤดูร้อน นี่ก็จัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยง แต่ทางกองทัพก็ได้ให้ความสำคัญกับกรณีนี้มากว่า10ปีแล้วซึ่งนี่ก็บ่งชี้ว่าภัยลมแดดนี่มองข้ามไม่ได้ หากใครต้องอยู่ท่ามกลางอากาศร้อนจัด อยู่กลางแดดแรงเป็นเวลานาน ๆ ทางที่ดีควร “ดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อป้องกันไว้ก่อน” ซึ่งหากเกิดตัวร้อนจัด เพ้อ หรือหมดสติ ชีพจรเต้นเร็ว ความดันเลือดลดลง ช็อก ผิวหนังแห้งและร้อนแต่ไม่มีเหงื่อออก ร่างกายเกร็ง นี่เป็นอาการบ่งชี้ว่าการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ล้มเหลว หรือ “ฮีทสโตรก-โรคลมแดด” ซึ่งหากตัวร้อนเกิน 40 องศาเซลเซียส ถือเป็นภาวะฉุกเฉิน มีโอกาสเสียชีวิต 17-70% ’ร้อนตาย“ ในเมืองฝรั่งนั้นมีเกิดขึ้นเป็นประจำ แม้คนไทยจะชินอากาศร้อนแต่ก็ ’ต้องระวัง“ และช่วงนี้ก็ได้เวลา ’ภัยร้ายฤดูร้อน“ แล้ว!!!. ขอบคุณ… http://www.dailynews.co.th/article/223/190469
จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย
รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)