“วีออส” แม้ร่างกายพิการแต่หัวใจกตัญญู สู้ทำขนมขายหารายได้เลี้ยงครอบครัว-รักษาแม่ป่วย!

“วีออส” แม้ร่างกายพิการแต่หัวใจกตัญญู สู้ทำขนมขายหารายได้เลี้ยงครอบครัว-รักษาแม่ป่วย!

รายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ วันเสาร์ที่ 6 พฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมา พาคุณผู้ชมไปรู้จัก “วีออส” หนุ่มน้อยที่แม้โชคชะตาจะพาให้พิการจากโรคกระดูกที่คุกคามตั้งแต่เด็ก แต่น้องสามารถช่วยนำพาครอบครัวให้พ้นจากวิกฤตต่างๆ ทั้งยังเป็นเสาหลักทำงานหารายได้เลี้ยงครอบครัวและรักษาแม่ป่วยอีกด้วย

"แม่ติ๊ก" รัชดาพร เอี่ยมสะอาด คุณแม่ของวีออส ไม่เพียงเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว ที่มีลูก 2 คน คือ "ขิม" นิสารัตน์ ลูกสาว วัย 24 และ "วีออส" คนิรุทธ์ ลูกชาย วัย 20 แต่ครอบครัวนี้ยังประสบภาวะวิกฤตหลายต่อหลายครั้ง ครั้งแรกตอนที่ลูกทั้งสองยังเด็ก เรียนอยู่ระดับประถม แม่ติ๊กซึ่งทำงานโรงงาน ประสบอุบัติเหตุ จนต้องนอน รพ.นาน ทำให้ลูกทั้งสองต้องอยู่บ้านเพียงลำพัง

"เราทำงานโรงงาน ไปเจอเพื่อนร่วมงานไม่ดี เขาแกล้งเราที่ทำงาน จนตกลงมาจากเก้าอี้สูง หลังฟาดลงมากับพื้น ต้องนอน รพ. ลูก 2 คน ตอนนั้นคนโตประมาณ 10-11 ขวบ คนเล็กประมาณ 5-6 ขวบ ต้องอยู่ลำพังที่บ้าน เพราะตอนนั้นตาเขาเสียไปแล้ว เพื่อนบ้านบางคนรู้ว่าแม่ไม่อยู่ ก็เอาข้าวมาให้เด็กกิน"

ขณะที่ "ขิม" ลูกสาว ยอมรับว่า ตอนนั้นตัวเองกับน้องไม่รู้จะทำยังไง จึงตัดสินใจเขียนจดหมายถวายฎีกาต่อในหลวง รัชกาลที่ 9

“วีออส” แม้ร่างกายพิการแต่หัวใจกตัญญู สู้ทำขนมขายหารายได้เลี้ยงครอบครัว-รักษาแม่ป่วย!

"ตอนนั้นเห็นรายการอะไรสักอย่าง อาจจะเป็นข่าวในพระราชสำนัก เลยลองเขียนฎีกาขึ้นไป บอกว่า แม่ป่วย หนูกับน้องไม่รู้จะทำยังไง ไม่มีผู้ใหญ่ดูแล หนูก็อยากหวังว่า หนูจะมีโอกาสได้เรียน และมีโอกาสได้ใช้ชีวิตแบบเด็กทั่วไปกับแม่กับน้องเมื่อแม่หายป่วยมา หลังจากนั้น ก็มีคนในพระราชสำนักมา และพาหนูกับน้องไปอยู่ที่สถานสงเคราะห์เพชรบุรี เขาก็บอกว่า เราจะได้เรียนหนังสือนะ จะได้อยู่ด้วยกันนะ ซึ่งเราก็ได้อยู่ด้วยกัน แต่แยกหอกัน"

หลังจากแม่ติ๊กได้รับการรักษาตัวอยู่นานจนออกจาก รพ.ได้ และแม่ลูกได้กลับมาใช้ชีวิตร่วมกันอีกครั้ง แต่ผ่านไปไม่กี่ปี ก็เกิดวิกฤตใหญ่ครั้งที่ 2 ของครอบครัว เมื่อปัญหาเรื่องกระดูกกำลังคุกคามชีวิตวีออส

"ร่างกายของวีออส ครึ่งซีกซ้ายเขาจะโตช้ากว่าครึ่งซีกขวา หมอบอกว่า การเจริญเติบโตของกระดูกผิดปกติ ...จริงๆ เราเห็นความผิดปกติตั้งแต่เกิดว่า นิ้วโป้งข้างซ้ายเขาหักห้อย และมีข้อศอกข้างซ้ายยึดติด ตอนนั้นเราไม่มีเงิน ไม่สามารถพาลูกไปรักษาได้ และคิดว่าอาการไม่น่าจะมีอะไรรุนแรง กระทั่งมาเห็นชัดตอนอายุ 13 ย่าง 14 ซึ่งเราเห็นว่าเขานั่งหลังค่อม แต่เขาบอกว่าเขานั่งตรงแล้ว กระทั่งวีออสวิกฤตขนาดที่ว่าตัวเบี้ยว หลังของน้องเอนไปถึง 80 องศา ซี่โครงไปทับปอดครึ่งหนึ่งแล้ว หมอบอกว่าต้องรักษาโดยเร็ว และได้มีการผ่าตัดดามเหล็กไว้"

ส่วนปัญหาเรื่องนิ้วและข้อศอก ได้มีการผ่าตัดรักษาเช่นกัน โดยหมอตัดนิ้วโป้งที่หักห้อยออก แล้วเอานิ้วชี้มาแทนนิ้วโป้ง เพื่อให้วีออสสามารถใช้งานหยิบจับสิ่งของได้ มือข้างซ้ายจึงมีเพียง 4 นิ้ว ขณะที่แขนซ้ายจะเล็กและสั้นกว่าแขนขวา ซึ่งเป็นผลจากการเจริญเติบโตของกระดูกซีกซ้ายและขวาไม่เท่ากัน

หลังหมดเงินไปกับการรักษาลูก เมื่อลูกเริ่มดีขึ้น แม่ติ๊กต้องรีบทำงานหาเงินใช้หนี้ โดยเปิดร้านขายเสื้อผ้าและสินค้าแก่นักท่องเที่ยวที่ตลาดน้ำดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านใน อ.บางคนที จ.สมุทรสงคราม แม้การค้าขายเหมือนไปได้ดี แต่แล้วก็ต้องมาพังลง เพราะการระบาดของโควิด-19 จนต้องปิดกิจการ

"ต้องปิดร้านนานเลย พอกิจการปิดตัวลง มันมาพร้อมหนี้สิน ทุกอย่างกำลังจะโดนยึด มันมืดมนหมดหนทาง วินาทีนั้นตัดสินใจแล้วนะว่า ในเมื่อหาทางออกไม่ได้ ก็จะกินยาแบบ 3 คนไปเลย แต่วีออสเดินมาบอกแม่ว่า เงินก้อนสุดท้ายที่แม่เหลืออยู่ 3 พันบาท ให้ผมได้ไหม ผมอยากทำอะไรเพื่อครอบครัวบ้าง เพราะแม่เหนื่อยมาก ผมรู้"

จากวันนั้น วีออสได้ช่วยแม่หารายได้เพื่อปลดหนี้ด้วยการขายของเล่นออนไลน์ที่นักสะสมชื่นชอบ ไม่เท่านั้น ยังรับจ้างพ่นสีโมเดล และทำขนมขาย เช่น ขนมอาลัว หลากสีสัน และหวานน้อยเพื่อสุขภาพ, วุ้นกรอบ หวานน้อยเช่นกัน โดยมีพี่สาวคอยช่วยอีกแรง

“วีออส” แม้ร่างกายพิการแต่หัวใจกตัญญู สู้ทำขนมขายหารายได้เลี้ยงครอบครัว-รักษาแม่ป่วย!

ขณะที่แม่ติ๊กยอมรับว่า ตนเองกลายเป็นคนที่นั่งนานและทำงานหนักไม่ได้ เพราะนอกจากมีภาวะปวดหลังจากปัญหาเรื่องกระดูกจากอุบัติเหตุเมื่อก่อน ยังมาป่วยด้วยโรคหัวใจเพิ่มอีก 1 โรค หลังอาการกำเริบจนหมอต้องรีบช่วยชีวิตเมื่อต้นปีที่ผ่านมา

"ตอนแรกแม่คิดว่า เป็นกรดไหลย้อน มันแน่นๆ หน้าอก เลยจะไปเอายาที่ รพ.มาทาน เพราะคนที่รักษาโรคกระดูก กินยามันจะทำให้เป็นโรคกระเพาะ แล้วมันจะเกิดกรดไหลย้อนง่าย บังเอิญแม่ไปล้มที่ รพ. ซึ่งหมอบอกว่า ถ้ามาช้ากว่านี้สัก 10 นาที ก็เสียแล้ว คืออาการกำเริบที่หน้า รพ. พอดี ว่าจะไปเอายาแก้กรดไหลย้อนมาทาน ทีนี้หมอก็ให้ยาช่วยชีวิตฉุกเฉิน"

ปัจจุบันพูดได้ว่า รายได้หลักของครอบครัว มาจากการขายขนมของวีออส ซึ่งนอกจากต้องใช้หล่อเลี้ยง 3 ชีวิตแล้ว ยังต้องไว้ใช้หนี้ของครอบครัว และไว้รักษาแม่ป่วยอีกด้วย ยังไม่รวมปัญหาเกี่ยวกับกระดูกของวีออสเอง ที่เคยผ่าตัดมา 8-9 ครั้งแล้ว และไม่รู้ว่า วันใดจะต้องผ่าครั้งที่ 10 หรือไม่?

เมื่อเงินที่หาได้ ต้องใช้กับเรื่องจำเป็นก่อน ทำให้เรื่องเรียนของทั้งวีออสและขิม พี่สาว ต้องสะดุดหยุดลง โดยขิมเรียนอยู่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชอยู่ แต่หยุดเรียนมาพักหนึ่งแล้ว ส่วนวีออส ซึ่งเคยถูกเพื่อนๆ บูลลี่ในความพิการ จนคุณแม่ต้องพาออกจากการเรียนในระบบ ไปเรียน กศน.แทน และตอนนี้ก็พักการเรียนไว้แค่ กศน. ม.6 เพราะความขัดสนเรื่องเงิน ซึ่งใจวีออสคิดว่า ถ้ามีเงิน อยากให้พี่สาวได้เรียนต่อจนจบ

“(ถาม-มีเป้าหมายไหม อยากเรียนต่อหรืออยากทำอะไรต่อจากนี้?) อยากสร้างเกมหรือไม่ก็เรียนศิลปะ ...(ถาม-ถ้าเกิดวันหนึ่งเราเรียนจบ ทำงานได้ มีรายได้มากกว่านี้ เราอยากทำอะไร?) ซ่อมบ้าน (ถาม-บ้านเป็นยังไง?) ฝ้าทะลุ และข้างบ้านเป็นรอยร้าวแล้ว"

หากท่านใดต้องการอุดหนุนขนมอาลัวและวุ้นกรอบหวานน้อยเพื่อสุขภาพ จากฝีมือวีออส ติดต่อได้ที่เฟซบุ๊ก Kaniroot Aeumsaard หรือโทรไปได้ที่ 062-047-0099

ติดตามรับชมรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ ได้ ทุกวันเสาร์ เวลา 09.00-09.30 น. ทางสถานีโทรทัศน์ NEWS1 ( IPM ช่อง 64 / PSI ช่อง 211 )

ขอบคุณ... https://mgronline.com/news1/detail/9660000043623

ที่มา: mgronline.com/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 12 พ.ค.66
วันที่โพสต์: 12/05/2566 เวลา 11:16:24 ดูภาพสไลด์โชว์ “วีออส” แม้ร่างกายพิการแต่หัวใจกตัญญู สู้ทำขนมขายหารายได้เลี้ยงครอบครัว-รักษาแม่ป่วย!