ฟังเสียงจากใจสองผู้พิการทางการได้ยิน กับการก้าวข้าม 'ข้อจำกัด' เพื่อคว้า 'โอกาส' ในชีวิต

ฟังเสียงจากใจสองผู้พิการทางการได้ยิน กับการก้าวข้าม 'ข้อจำกัด' เพื่อคว้า 'โอกาส' ในชีวิต

ในยุคสมัยที่ความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลได้เข้ามามีบทบาทต่อการดำเนินชีวิตของผู้คนในสังคม ไม่เพียงเทคโนโลยีจะนำมาซึ่งความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตประจำวัน แต่ยังช่วยเปิดประตูสู่ "โอกาส" ในการทำงานและการสร้างรายได้ให้กับผู้คนมากมาย อย่างไรก็ตาม ยังมีคนจำนวนไม่น้อยในสังคมที่ต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายในการใช้ชีวิตและขาดโอกาสในการแสดงศักยภาพของตัวเอง หนึ่งในนั้นคือกลุ่มคนพิการซึ่งมีสัดส่วนราว 3% ของจำนวนประชากรไทยที่มีอยู่ถึง 66 ล้านคน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่มคนหูหนวก ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนมากกว่า 375,000 คน การมีข้อจำกัดในด้านการสื่อสาร รวมถึงการขาดโอกาสในการเข้าถึงอาชีพและการสร้างรายได้ถือเป็นหนึ่งในอุปสรรคสำคัญที่พวกเขาต้องเผชิญ

เนื่องในโอกาส "สัปดาห์หูหนวกโลก" (International Week of the Deaf) ซึ่งตรงกับวันที่ 21 30 กันยายนของทุกปี เราอยากชวนทุกคนมาเปิดใจรับฟังเสียงของสองสามี-ภรรยาผู้พิการทางการได้ยิน คุณโค้ก-สง่า กองทิพย์ และ คุณโบว์-สุพรรษา ขาวผ่อง ทั้งยังเป็นคุณพ่อและคุณแม่ของน้องใบบัววัย 5 ขวบและน้องบุษบาวัย 2 ขวบ ทั้งสองเป็นตัวแทนของกลุ่มคนหูหนวกที่แม้จะมีข้อจำกัดทางด้านร่างกายจากความพิการทางการได้ยิน แต่กลับไม่เป็นอุปสรรคในการใช้ชีวิตและการทำงาน ยังคงเดินหน้าสร้างโอกาสอย่างไม่เคยย่อท้อเพื่อพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นถึงศักยภาพที่ซุกซ่อนอยู่ใน "หัวใจ" ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังบวก

"โอกาส" ที่แลกมาด้วยการพิสูจน์ตัวเอง

คุณโบว์ เล่าผ่านภาษามือว่า "บ่อยครั้งที่คนทั่วไปจะชอบคิดว่าเราไม่สามารถทำงานได้เหมือนคนอื่นเพียงเพราะเราเป็นคนหูหนวก บางคนแสดงความไม่มั่นใจในตัวเราเพราะเราไม่ได้ยินเสียงของเขา แต่จริง ๆ แล้วคนหูหนวกอย่างเราสามารถติดต่อสื่อสารได้ เรารับรู้ได้จากสีหน้า ท่าทางและการอ่านปาก พอเราเจอเหตุการณ์แบบนั้นทำให้เกิดแรงผลักดันเพื่อพิสูจน์ให้ทุกคนได้รู้ว่า เราสามารถทำทุกอย่างได้เหมือนคนปกติและยังทำได้ดีกว่าที่หลายคนเคยคิดด้วย"

"ทักษะด้านการสื่อสารเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับผู้พิการทางการได้ยิน เราต้องพยายามพัฒนาการสื่อสารของเราให้ดียิ่งขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อให้ทุกคนรู้ว่าถึงแม้เราจะไม่สามารถพูดออกมาเป็นเสียงได้ แต่ก็ยังคุยกับคนอื่นได้แบบไร้ข้อจำกัด อย่างตอนที่โบว์ทำงานเป็นพนักงานบริษัทเอกชน เราต้องหาวิธีในการสื่อสารหรือประสานงานกับเพื่อนร่วมงานเพื่อให้งานราบรื่นไปด้วยดี หรือในปัจจุบันที่โบว์หันมาทำอาชีพอิสระอย่างการขับแกร็บแทนงานประจำ เพราะอยากมีเวลาในการดูแลลูกสาวทั้งสองคนมากขึ้น ก็ถือเป็นโอกาสในการพัฒนาการสื่อสารให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพราะแกร็บมีลูกค้ามาใช้บริการหลากหลาย บางคนที่ไม่เข้าใจหรือไม่ยอมรับก็ยังปฏิเสธที่จะใช้บริการจากคนหูหนวก แต่เราก็ไม่เคยท้อ ถึงจะเป็นอย่างนั้นเราก็ยังตั้งใจทำงานและให้บริการอย่างดีที่สุด เพื่อพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าไม่มีอุปสรรคใดที่เราจะฝ่าฟันไปไม่ได้"

"ที่ผ่านมาพวกเราเรียนรู้ที่จะก้าวข้ามผ่านความท้าทายต่าง ๆ โดยเฉพาะมุมมองและความเข้าใจของคนทั่วไปที่มีต่อคนหูหนวกที่บางครั้งทำให้เรารู้สึกไม่ดี แต่ด้วยความพยายามและการลงมือทำอย่างไม่ยอมแพ้ ทำให้หลายคนเริ่มให้การยอมรับคนหูหนวกมากขึ้น ไม่ตัดสินเราจากภายนอก นอกจากผมและโบว์จะเป็นกำลังใจซึ่งกันและกันแล้ว อีกหนึ่งแรงใจสำคัญคือลูกสาวทั้งสองคน เราทุ่มเททั้งพลังกายและพลังใจเพื่อสร้างโอกาสและอนาคตให้กับพวกเขาเป็นหลัก โดยเลือกทำงานที่ตอบโจทย์ทั้งรายได้ ในขณะเดียวกันก็สามารถบริหารจัดการเวลาให้เหมาะสมเพื่อจะได้ดูแลพวกเขาได้อย่างใกล้ชิด ตัวผมเองนอกจากจะช่วยเหลือธุรกิจครอบครัวแล้ว ยังใช้เวลาว่างไปขับแกร็บคาร์เพื่อรับส่งผู้โดยสารด้วยรถยนต์ ส่วนโบว์จะเน้นขับรถมอเตอร์ไซค์เพื่อส่งอาหารและสิ่งของ ด้วยรูปแบบการทำงานที่ยืดหยุ่นทำให้เรามีอิสระในการรับงานและมีเวลาดูแลครอบครัว รายได้ที่เข้ามาก็ถือเป็นรายได้เสริมที่ทำให้การดำเนินชีวิตคล่องตัวยิ่งขึ้น" คุณโค้กเล่าเสริม

ขอบคุณ... https://www.nationtv.tv/main/content/378797380

ที่มา: nationtv.tv/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 24 ก.ย.63
วันที่โพสต์: 28/09/2563 เวลา 10:42:27 ดูภาพสไลด์โชว์ ฟังเสียงจากใจสองผู้พิการทางการได้ยิน กับการก้าวข้าม 'ข้อจำกัด' เพื่อคว้า 'โอกาส' ในชีวิต