ชายชราพิการตั้งเต้นท์นอนข้างถนน น้อยใจลูกชายไล่ออกจากบ้าน

แสดงความคิดเห็น

ชายชราพิการตั้งเต้นท์นอนข้างถนน น้อยใจลูกชายไล่ออกจากบ้าน เหตุชอบสูบบุหรี่ ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบชายสูงอายุถูกลูกชายไล่ออกจากบ้าน ต้องมากางเต้นนอน ข้างถนนภายในหมู่บ้านเฟื่องฟ้าวิลล่า12 หมู่ 8 ซอยมังกรนาคดี ต.แพรกษา อ.เมือง จ.สมุทรปราการ หลังรับแจ้งจึงได้ประสานไปยัง นายสำเริง จิตต์อาจหาญ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเทพารักษ์ และนางศิริพร นันทชลากรกิจ ผอ.กองสวัสดิการสังคม พร้อมด้วย นายชาตรี อยู่วัฒนะ กำนันตำบลเทพารักษ์ เดินทางเข้าตรวจสอบ

นายสำเริง จิตต์อาจหาญ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเทพารักษ์ พร้อมเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีชายชราพิการตั้งเต้นท์นอนข้างถนน น้อยใจลูกชายไล่ออกจากบ้าน

เมื่อไปถึงได้พบชายสูงอายุ คนดังกล่าว สภาพขาอ่อนแรง กำลังถือไม้เท้าเดินออกมาจากเต็นท์นอน ซึ่งตั้งอยู่ริมถนนในหมู่บ้าน และจากการสอบถามทราบชื่อ นายน้อย โพธิ์ศรี อายุ 62 ปี อยู่บ้านเลขที่ 166/781 ซ.เคหะคลองเตย4 แขวงและเขต คลองเตย กรุงเทพ

นายน้อย ได้เล่าว่า ก่อนหน้านี้ตนเคยพักอยู่ที่สถานสงเคราะห์คนพิการและทุพพลภาพ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี จนกระทั่งเมื่อ 3 เดือนก่อน ลูกชายได้ไปรับมาอยู่ด้วย โดยแจ้งกับทางเจ้าหน้าที่ว่า อยากเป็นคนดูแลพ่อเอง ตนจึงได้มาอยู่ด้วย ที่บ้านพักในหมู่บ้านเฟื่องฟ้า12 ซอย10 ต่อมาหลังจากตนเงินหมดลูกชายก็ไล่ตนออกมาจากบ้าน โดยหาว่าตนชอบสูบบุหรี่ ในบ้าน ตนจึงตัดสินใจออกมานอนอยู่ที่แค่ไม่ริมถนนภายในหมู่บ้านดังกล่าว โดยมีชาวบ้านสงสารได้ซื้อเต้นนอนมากางให้ตนนอน อยู่บริเวณดังกล่าวได้ประมาณ 2 อาทิตย์แล้ว ส่วนอาหารการกิน ชาวบ้านก็เป็นคนหามาให้กิน ส่วนลูกชายไม่ได้เคยมาเหลียวแลเลย

ต่อมานายสำเริง จิตต์อาจหาญ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเทพารักษ์ และนางศิริพร นันทชลากรกิจ ผอ.กองสวัสดิการสังคม ได้เดินทางไปที่บ้านพักของลูกชายลุงน้อย ซึ่งเป็นบ้านทาวเฮาส์สองชั้นอยู่ภายในหมู่บ้านเฟื่องฟ้า12 ซอย10 ซึ่งห่างจากจุดที่นายน้อยกางเต้นนอนอยู่ประมาณ 50 เมตร เพื่อสอบถามข้อเท็จจริง แต่เมื่อไปถึงพบเพียงนางแดง (ขอสงวนชื่อและนามสกุล) ภรรยาของลูกชาย

นางแดง ได้เล่าว่า เมื่อ 3 เดือนก่อนสามีตนได้ไปรับ นายน้อย มาอยู่ด้วยจริง เนื่องจากต้องการดูแลพ่อ แต่เมื่อมาอยู่ด้วยกันแล้ว นายน้อย มักสูบบุหรี่ในบ้านอยู่เป็นประจำ จนลูกชายได้เอยปากห้ามให้นายน้อย เลิกสูบบุหรี่ แต่นายน้อย เป็นคนดื้อรั้นไม่ชอบฟัง และยังแอบใช้ให้หลานชาย อายุ 11 ปี ไป ซื้อบุหรี่ให้ จนตนจับได้ จึงบอกสามีว่าพ่อ ให้หลานไปซื้อบุหรี่ ซึ่งนายน้อย ยังบอกกลับมาว่า ทำไมจะใช้ไม่ได้ ก่อนที่สามีตนจะบอกว่าถ้าอยู่กับคนในบ้านไม่ได้จะไปไหนก็ไป จากนั้นนายน้อย เกิดความน้อยใจจึงได้เก็บข้าวของออกจากบ้าน และไปพักอยู่ ริมถนนกลางซอยดังกล่าวซึ่งอยู่ตรงข้ามกับบ้านน้องเมียของลุงน้อยเอง

เต้นท์นอนของนายน้อย

ขณะเดียวกันได้ติดต่อพูดคุยกับนายเดียว (ขอสงวนนามสกุล) ลูกชายของนายน้อย อายุ 42 ปี ทางโทรศัพท์ โดยนายเดียว ลูกชายลุงน้อยได้เล่าว่า พ่อได้ทิ้งตนและแม่ไปตั้งแต่ตนอายุ 1 ขวบ และก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย จนกระทั้งตนทราบว่า พ่อไปพักอาศัยอยู่ที่สถานสงเคราะห์แห่งหนึ่งในจังหวัดปทุมธานี จึงได้ไปรับมาอยู่ด้วย เพื่อที่จะเลี้ยงดูเอง แต่พอมาอยู่ด้วยพ่อก็สร้างปัญหาตลอด ภรรยาตนทำกับข้าวให้กินก็โยนทิ้ง หาว่ารสชาติไม่ดี และอยากกินแต่ของแพงๆ ตนจึงบอกให้ช่วยกันประหยัด เพราะค่าแรงจากอาชีพขับรถแท็กซี่ ก็ไม่เพียงพอในการเลี้ยงครอบครัวอยู่แล้ว

นอกจากนี้พ่อก็ยังชอบออกไปขอเงินชาวบ้านไปซื้อบุหรี่สูบ จนทำให้ตนอับอายและเคยเตือนหลายครั้งก็ไม่ฟัง จนสองอาทิตย์ที่แล้วระหว่างที่ตนขับ รถแท็กซี่ หาเงินอยู่ ภรรยาได้ โทรไปบอกตนว่า พ่อให้หลานไปซื้อบุหรี่ให้ จนทำให้มีปากเสียงกัน ตนจึงได้บอกผ่านลูกชาย ไปว่า ว่าถ้าปู่อยู่ด้วยกันไม่ได้ก็ให้ไปอยู่ที่อื่น จากนั้นนายน้อย ก็ได้เก็บข้าวของออกจากบ้านไป ก่อนหน้านี้ตนก็ได้พูดไปว่า หากพ่อจะ กลับมาอยู่ด้วยกัน อีกก็ให้กลับมาเอง ตนจะไม่ออกไปตาม แต่ถ้ากลับมาต้องเชื่อฟังตน ไม่ใช่จะเอาแต่ใจตัวเองอีก

ทั้งนี้พ่อได้บอกว่า จะไม่กลับมาจนกว่าจะไล่เมียออกจากบ้าน ซึ่งก็ไม่สามารถทำตามที่พ่อต้องการได้ เพราะอยู่กับครอบครัวมานานแล้ว ส่วนพ่อทิ้งไปตั้งแต่เด็ก และเพิ่งได้มาอยู่ด้วยกันแค่ 3 เดือน มันเปรียบเทียบกันกับภรรยาและลูกของตนเองไม่ได้เพราะร่วมทุกสุข กันมานาน จึงวอนอยากให้สังคมเข้าใจและฟังตนบ้าง

ด้านนางศิริพร นันทชลากรกิจ ผอ.กองสวัสดิการสังคม อบต.เทพารักษ์ กล่าวว่า หลังจากทราบเรื่องเมื่อ 2 อาทิตย์ที่ผ่านมา ตนจึงได้ทำการสืบข้อมูล ทราบว่า นายน้อย ได้ออกมาจากสถานสงเคราะห์สถานสงเคราะห์คนพิการและทุพพลภาพอำเภอธัญบุรี มานานกว่า3เดือน แล้ว ตามระเบียบ เมื่อยินยอมออกมาแล้วจะไม่สามารถกลับไปอยู่ที่เดิมได้อีก ทาง อบต.เทพารักษ์ จึงได้ หาทางช่วยเหลือโดยการ ทำหนังสือไปถึงศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดสมุทรปราการ เพื่อหาทางช่วยเหลือให้เร็วที่สุด ทั้งนี้จาการสืบค้นประวัติทราบว่านายน้อย ได้รับเบี้ยคนพิการจาก เขตคลองเตย ซึ่งหากนายน้อยมีชื่อพักอยู่ในพื้นที่ อบต.เทพารักษ์ โดยตรง จะสามารถช่วยได้เร็วกว่านี้ แต่ทางเราจะพยายามช่วยเหลืออย่างเต็มที่

ขอบคุณ... http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/761951 (ขนาดไฟล์: 167)

ที่มา: กรุงเทพธุรกิจออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 28 มิ.ย.60
วันที่โพสต์: 29/06/2560 เวลา 10:05:52 ดูภาพสไลด์โชว์ ชายชราพิการตั้งเต้นท์นอนข้างถนน น้อยใจลูกชายไล่ออกจากบ้าน

แสดงความคิดเห็น

รอตรวจสอบ
จัดฟอร์แม็ต ดูการแสดงผล

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

ยกเลิก

รายละเอียดกระทู้

ชายชราพิการตั้งเต้นท์นอนข้างถนน น้อยใจลูกชายไล่ออกจากบ้าน เหตุชอบสูบบุหรี่ ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบชายสูงอายุถูกลูกชายไล่ออกจากบ้าน ต้องมากางเต้นนอน ข้างถนนภายในหมู่บ้านเฟื่องฟ้าวิลล่า12 หมู่ 8 ซอยมังกรนาคดี ต.แพรกษา อ.เมือง จ.สมุทรปราการ หลังรับแจ้งจึงได้ประสานไปยัง นายสำเริง จิตต์อาจหาญ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเทพารักษ์ และนางศิริพร นันทชลากรกิจ ผอ.กองสวัสดิการสังคม พร้อมด้วย นายชาตรี อยู่วัฒนะ กำนันตำบลเทพารักษ์ เดินทางเข้าตรวจสอบ นายสำเริง จิตต์อาจหาญ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเทพารักษ์ พร้อมเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีชายชราพิการตั้งเต้นท์นอนข้างถนน น้อยใจลูกชายไล่ออกจากบ้าน เมื่อไปถึงได้พบชายสูงอายุ คนดังกล่าว สภาพขาอ่อนแรง กำลังถือไม้เท้าเดินออกมาจากเต็นท์นอน ซึ่งตั้งอยู่ริมถนนในหมู่บ้าน และจากการสอบถามทราบชื่อ นายน้อย โพธิ์ศรี อายุ 62 ปี อยู่บ้านเลขที่ 166/781 ซ.เคหะคลองเตย4 แขวงและเขต คลองเตย กรุงเทพ นายน้อย ได้เล่าว่า ก่อนหน้านี้ตนเคยพักอยู่ที่สถานสงเคราะห์คนพิการและทุพพลภาพ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี จนกระทั่งเมื่อ 3 เดือนก่อน ลูกชายได้ไปรับมาอยู่ด้วย โดยแจ้งกับทางเจ้าหน้าที่ว่า อยากเป็นคนดูแลพ่อเอง ตนจึงได้มาอยู่ด้วย ที่บ้านพักในหมู่บ้านเฟื่องฟ้า12 ซอย10 ต่อมาหลังจากตนเงินหมดลูกชายก็ไล่ตนออกมาจากบ้าน โดยหาว่าตนชอบสูบบุหรี่ ในบ้าน ตนจึงตัดสินใจออกมานอนอยู่ที่แค่ไม่ริมถนนภายในหมู่บ้านดังกล่าว โดยมีชาวบ้านสงสารได้ซื้อเต้นนอนมากางให้ตนนอน อยู่บริเวณดังกล่าวได้ประมาณ 2 อาทิตย์แล้ว ส่วนอาหารการกิน ชาวบ้านก็เป็นคนหามาให้กิน ส่วนลูกชายไม่ได้เคยมาเหลียวแลเลย ต่อมานายสำเริง จิตต์อาจหาญ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเทพารักษ์ และนางศิริพร นันทชลากรกิจ ผอ.กองสวัสดิการสังคม ได้เดินทางไปที่บ้านพักของลูกชายลุงน้อย ซึ่งเป็นบ้านทาวเฮาส์สองชั้นอยู่ภายในหมู่บ้านเฟื่องฟ้า12 ซอย10 ซึ่งห่างจากจุดที่นายน้อยกางเต้นนอนอยู่ประมาณ 50 เมตร เพื่อสอบถามข้อเท็จจริง แต่เมื่อไปถึงพบเพียงนางแดง (ขอสงวนชื่อและนามสกุล) ภรรยาของลูกชาย นางแดง ได้เล่าว่า เมื่อ 3 เดือนก่อนสามีตนได้ไปรับ นายน้อย มาอยู่ด้วยจริง เนื่องจากต้องการดูแลพ่อ แต่เมื่อมาอยู่ด้วยกันแล้ว นายน้อย มักสูบบุหรี่ในบ้านอยู่เป็นประจำ จนลูกชายได้เอยปากห้ามให้นายน้อย เลิกสูบบุหรี่ แต่นายน้อย เป็นคนดื้อรั้นไม่ชอบฟัง และยังแอบใช้ให้หลานชาย อายุ 11 ปี ไป ซื้อบุหรี่ให้ จนตนจับได้ จึงบอกสามีว่าพ่อ ให้หลานไปซื้อบุหรี่ ซึ่งนายน้อย ยังบอกกลับมาว่า ทำไมจะใช้ไม่ได้ ก่อนที่สามีตนจะบอกว่าถ้าอยู่กับคนในบ้านไม่ได้จะไปไหนก็ไป จากนั้นนายน้อย เกิดความน้อยใจจึงได้เก็บข้าวของออกจากบ้าน และไปพักอยู่ ริมถนนกลางซอยดังกล่าวซึ่งอยู่ตรงข้ามกับบ้านน้องเมียของลุงน้อยเอง เต้นท์นอนของนายน้อย ขณะเดียวกันได้ติดต่อพูดคุยกับนายเดียว (ขอสงวนนามสกุล) ลูกชายของนายน้อย อายุ 42 ปี ทางโทรศัพท์ โดยนายเดียว ลูกชายลุงน้อยได้เล่าว่า พ่อได้ทิ้งตนและแม่ไปตั้งแต่ตนอายุ 1 ขวบ และก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย จนกระทั้งตนทราบว่า พ่อไปพักอาศัยอยู่ที่สถานสงเคราะห์แห่งหนึ่งในจังหวัดปทุมธานี จึงได้ไปรับมาอยู่ด้วย เพื่อที่จะเลี้ยงดูเอง แต่พอมาอยู่ด้วยพ่อก็สร้างปัญหาตลอด ภรรยาตนทำกับข้าวให้กินก็โยนทิ้ง หาว่ารสชาติไม่ดี และอยากกินแต่ของแพงๆ ตนจึงบอกให้ช่วยกันประหยัด เพราะค่าแรงจากอาชีพขับรถแท็กซี่ ก็ไม่เพียงพอในการเลี้ยงครอบครัวอยู่แล้ว นอกจากนี้พ่อก็ยังชอบออกไปขอเงินชาวบ้านไปซื้อบุหรี่สูบ จนทำให้ตนอับอายและเคยเตือนหลายครั้งก็ไม่ฟัง จนสองอาทิตย์ที่แล้วระหว่างที่ตนขับ รถแท็กซี่ หาเงินอยู่ ภรรยาได้ โทรไปบอกตนว่า พ่อให้หลานไปซื้อบุหรี่ให้ จนทำให้มีปากเสียงกัน ตนจึงได้บอกผ่านลูกชาย ไปว่า ว่าถ้าปู่อยู่ด้วยกันไม่ได้ก็ให้ไปอยู่ที่อื่น จากนั้นนายน้อย ก็ได้เก็บข้าวของออกจากบ้านไป ก่อนหน้านี้ตนก็ได้พูดไปว่า หากพ่อจะ กลับมาอยู่ด้วยกัน อีกก็ให้กลับมาเอง ตนจะไม่ออกไปตาม แต่ถ้ากลับมาต้องเชื่อฟังตน ไม่ใช่จะเอาแต่ใจตัวเองอีก ทั้งนี้พ่อได้บอกว่า จะไม่กลับมาจนกว่าจะไล่เมียออกจากบ้าน ซึ่งก็ไม่สามารถทำตามที่พ่อต้องการได้ เพราะอยู่กับครอบครัวมานานแล้ว ส่วนพ่อทิ้งไปตั้งแต่เด็ก และเพิ่งได้มาอยู่ด้วยกันแค่ 3 เดือน มันเปรียบเทียบกันกับภรรยาและลูกของตนเองไม่ได้เพราะร่วมทุกสุข กันมานาน จึงวอนอยากให้สังคมเข้าใจและฟังตนบ้าง ด้านนางศิริพร นันทชลากรกิจ ผอ.กองสวัสดิการสังคม อบต.เทพารักษ์ กล่าวว่า หลังจากทราบเรื่องเมื่อ 2 อาทิตย์ที่ผ่านมา ตนจึงได้ทำการสืบข้อมูล ทราบว่า นายน้อย ได้ออกมาจากสถานสงเคราะห์สถานสงเคราะห์คนพิการและทุพพลภาพอำเภอธัญบุรี มานานกว่า3เดือน แล้ว ตามระเบียบ เมื่อยินยอมออกมาแล้วจะไม่สามารถกลับไปอยู่ที่เดิมได้อีก ทาง อบต.เทพารักษ์ จึงได้ หาทางช่วยเหลือโดยการ ทำหนังสือไปถึงศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดสมุทรปราการ เพื่อหาทางช่วยเหลือให้เร็วที่สุด ทั้งนี้จาการสืบค้นประวัติทราบว่านายน้อย ได้รับเบี้ยคนพิการจาก เขตคลองเตย ซึ่งหากนายน้อยมีชื่อพักอยู่ในพื้นที่ อบต.เทพารักษ์ โดยตรง จะสามารถช่วยได้เร็วกว่านี้ แต่ทางเราจะพยายามช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ขอบคุณ... http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/761951

จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย

  1. เพิ่ม
  2. เพิ่ม ลบ
  3. เพิ่ม ลบ
  4. เพิ่ม ลบ
  5. เพิ่ม ลบ
  6. เพิ่ม ลบ
  7. เพิ่ม ลบ
  8. เพิ่ม ลบ
  9. เพิ่ม ลบ
  10. ลบ
เลือกการตกแต่งที่ต้องการ

ตกลง ยกเลิก

รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)

Waiting...