รายละเอียดกระทู้

ตรัง - ชายพิการตาบอดข้างเดียว และครอบครัว ชาว ต.ลิพัง อ.ปะเหลียน จ.ตรัง ร้องทุกข์ โดนเจ้าหน้าที่ตรวจยึดสวนมะพร้าว ทั้งที่เป็นมรดกตกทอดมานานร่วม 50 ปี วอนผู้มีอำนาจลงมาตรวจสอบข้อเท็จจริง นายวิชิต พิมพิชัย หรือหลวงเปียก อายุ 54 ปี ถูกแกล้งตรวจยึดสวนมะพร้าวที่ตกทอดมากว่า 50 ปี เมื่อวันที่ (10 พ.ค.) นายวิชิต พิมพิชัย หรือหลวงเปียก อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 99 หมู่ที่ 4 ต.ลิพัง อ.ปะเหลียน จ.ตรัง ซึ่งเป็นคนพิการตาบอดข้างขวาข้างเดียว ได้ออกมาร้องทุกข์ต่อผู้สื่อข่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 27 มี.ค.60 ได้มีเจ้าหน้าที่สถานีพัฒนาทรัพยากรป่าชายเลนที่ 33 (ปะเหลียน จ.ตรัง) นำป้ายประกาศมาปักไว้ในสวนมะพร้าวของตนบนเนื้อที่ประมาณ10ไร่ จากนั้น ต่อมาเมื่อวันที่ 4 เม.ย.60 เจ้าหน้าที่ป่าไม้ ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อ.ปะเหลียน เข้ามาตรวจยึดพื้นที่ดังกล่าวของตน และกล่าวหาว่าบุกรุกแผ้วถางป่าชายเลน เหตุเกิดในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าคลองหยงสตาร์ ป่าคลองหลักขันธ์ และป่าคลองลิพัง ท้องที่หมู่ที่ 2 บ้านทุ่งลำเจียก-ในทอน ต.ลิพัง อ.ปะเหลียน จ.ตรัง ก่อนแจ้งความต่อ ร.ต.อ.วิสวัส ไพบูลย์ พนักงานสอบสวน สภ.ปะเหลียน เพื่อกล่าวโทษดำเนินคดีต่อตน และครอบครัว ต่อมา นายวิชิต ชายผู้พิการตาบอด ได้พาผู้สื่อข่าวลงไปตรวจสอบข้อเท็จจริงในสวนมะพร้าวดังกล่าว โดยมีภรรยา และลูกสาวมาถือป้ายเขียนข้อความร้องทุกข์ว่า ตนและครอบครัวเข้าไปทำมาหากินในพื้นที่ เนื่องจากเป็นที่ดินที่ได้รับมรดกตกทอดมา ไม่ใช่เป็นการบุกรุกด้วยตัวเอง โดยรับช่วงต่อมาจาก นายวัน พิมพิชัย ซึ่งเป็นบิดา แต่ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว ทั้งนี้ ตนและครอบครัวได้เข้าไปทำกินเข้า และเก็บเกี่ยวผลผลิตมานานร่วม 50 ปีแล้ว นายวิชิต พิมพิชัย หรือหลวงเปียก อายุ 54 ปี ถูกแกล้งตรวจยึดสวนมะพร้าวที่ตกทอดมากว่า 50 ปี ส่วนเอกสารสิทธิที่ใช้ยืนยันการเข้าทำประโยชน์ในที่ดินแห่งนี้ก็คือ ใบ ภ.บ.ท.5 และได้ยื่นเสียภาษีท้องที่มาตลอด จึงขอวิงวอนให้เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจ หรือคนกลาง ซึ่งไม่ใช่นักปกครองในท้องที่ หรือเจ้าหน้าที่ป่าไม้ในพื้นที่ เข้าไปทำการรังวัดแบ่งอาณาเขตให้ชัดเจน มีความยุติธรรม อย่าให้มีวาระซ่อนเร้น อย่าเลือกปฏิบัติ ถ้าผิดก็ให้ผิดเหมือนกัน หรือหาทางออกในการเข้ามาช่วยเหลือประชาชนที่ประสบปัญหาในลักษณะนี้ นายวิชิต กล่าวด้วยว่า การกระทำของเจ้าหน้าที่ในครั้งนี้เสมือนกับการทุบหม้อข้าว และเชื่อมั่นว่าเป็นการกลั่นแกล้ง เพราะตนอาจจะไปขัดแข้งขัดขาผู้มีอิทธิพล หรือคนบางกลุ่มในพื้นที่ เนื่องจากบริเวณป่าชายเลนแถวนี้ ตั้งแต่ปากทางเข้ามาจนถึงสวนมะพร้าวของตน มีการทำบ่อเลี้ยงกุ้ง สวนยางพารา และสวนปาล์มน้ำมันของนายทุนกันเป็นจำนวนมากแต่กลับมีการเข้ามาตรวจยึดจับกุมเฉพาะสวนมะพร้าวของตนเพียงรายเดียว ดังนั้น ล่าสุดเมื่อวันที่ 5 พ.ค.60 ตน และครอบครัวจึงได้ขึ้นไปร้องทุกข์ต่อศูนย์ดำรงธรรม จ.ตรัง แต่ยังไม่มีอะไรคืบหน้า จึงร้องทุกข์ผ่านสื่อมวลชนไปยังเจ้าหน้าที่ว่าอย่ารังแกกันเลย เพราะทุกวันนี้ครอบครัวมีความเป็นอยู่ที่ลำบาก เนื่องจากตนมีภาระต้องรับผิดชอบดูแลครอบครัว และส่งลูกเรียนหนังสือ ขณะที่รายได้ส่วนหนึ่งก็มาจากสวนมะพร้าวแห่งนี้ อีกทั้งคนพิการตาบอดอย่างตน ก็ยังต้องมาต่อสู้คดีขึ้นโรงขึ้นศาลด้วย ขอบคุณ... http://www.manager.co.th/South/ViewNews.aspx?NewsID=9600000047256