หญิงพิการกระบี่สู้ชีวิต รันทดไร้ญาติเหลียวแล เลี้ยงชีพลำพัง

แสดงความคิดเห็น

ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้าน ในพื้นที่ตำบลพรุดินนา อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่ ว่าพบ หญิงร่างกายพิการขาลีบ มือเท้างอ ปลูกผักเลี้ยงตัวเอง กับลูกชายบนที่ดิน 50 ตารางวา มีบ้านใช้อยู่อาศัยทำทุกอย่างเพื่อดิ้นรนเอาชีวิตรอดแบบวันต่อวัน ใช้วิธีการทำงานเหมือนคนปกติ ด้วยการใช้สะโพกแทนขาทั้งสองข้างขยับไปมาน่าเวทนาแก่ผู้ที่พบเห็น มีญาติพี่น้องคลานตามกันมา 12 คน ฐานะดีแต่ไม่เคยสนใจพี่สาวพิการของตัวเอง

เมื่อไปถึงบ้านเลขที่ 52/1 หมู่ที่ 2 ต.พรุดินนา ซึ่งเป็นบ้านของนางลาย หรือป้าเอียด ไหมสีทอง อายุ 58 ปี นั่งอยู่หน้าบ้าน โดยบ้านก่อด้วยอิฐ มุงกระเบื้อง ปะปนกับสังกะสี ขนาดกว้าง 4 เมตร ยาว 8 เมตร บนที่ดิน 50 ตารางวา โดย นางลาย วัย 58 ปี มีสภาพร่างกายพิการ มือหยิกงอ แต่ยังสามารถใช้มือหยิบจับสิ่งของได้ ส่วนขาทั้งสองข้างมีสภาพลีบใช้การไม่ได้ ต้องใช้สะโพกแทนขาขยับไปทำกิจวัตรประจำวัน ไม่ว่าจะเป็น ซักผ้า หุงข้าว ล้างจาน ปัดกวาดเช็ดถูบ้าน รวมทั้งการปลูกผักไว้กินเอง เพื่อลดค่าใช้จ่ายภายในครอบครัว

นางลาย เล่าให้ฟังว่า มีพี่น้องคลานตามกันมา 12 คน ตนเป็นพี่สาวคนโต ปัจจุบันทุกคนต่างมีครอบครัวกันหมดแล้ว ตนมีสภาพร่างกายพิการเมื่ออายุ 7 ปี ต่อมาได้แต่งงานจนมีลูกชาย 1 คน คือนายประสาน บานชื่น อายุ 18 ปี มีอาชีพรับจ้างทั่วไป ก่อนหน้านี้อยู่ด้วยกัน 3 คน พ่อ แม่ และลูกชาย ต่อมาสามีได้ทิ้งตนกับลูกชายไปเมื่อตอนลูกชายอายุ 16 ปี ทำให้ตนและลูกชายต้องหาเลี้ยงปากท้องด้วยตัวเอง เป็นหัวหน้าครอบครัวในสภาพที่พิการทำทุกอย่าง เผาถ่านขาย ขายของชำเล็กๆ น้อยๆ โดนเพื่อนบ้านหลอกหมด แต่ก็ไม่เคยโกรธเคืองใคร ทุกวันจะตื่นขึ้นมาทำกิจวัตรประจำวันด้วยตัวเอง ส่วนลูกชายนั้นไป รับจ้างอยู่ที่ร้านรับซื้อเศษยางพาราในหมู่บ้านได้เดือนละ 4,000 บาท ส่วนตนได้เงินคนพิการ 500 บาทต่อเดือน ทำหน้าที่อยู่บ้านทำความสะอาดบ้าน ปลูกผัก เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของลูกชาย เพราะเงินเดือนที่ได้รับในปัจจุบันไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายในปัจจุบัน ทั้งเป็นค่ารักษาพยาบาล ค่ากับข้าว ค่าน้ำค่าไฟ ค่าใช้จ่ายส่วนตัวของลูกชาย ซึ่งมันไม่เพียงพออยู่แล้ว จำเป็นที่จะต้องช่วยลูกชายซึ่งทำงานเพียงคนเดียวประหยัดเรื่องเงินทอง เพื่อใช้จ่ายยามเจ็บป่วยทั้งของตนและลูกชาย ในส่วนของการเดินทางไปหาหมอนั้น ตนจะต้องโทร.ไปหารถมูลนิธิให้มารับ เนื่องจากไม่มีใครเข้ามาช่วยเหลือ แม้แต่พี่น้องลูกหลานก็ไม่มีใครสนใจ

ขอบคุณ http://www.thairath.co.th/content/region/339940

ที่มา: ไทยรัฐออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 21 เม.ย.56
วันที่โพสต์: 21/04/2556 เวลา 02:25:42 ดูภาพสไลด์โชว์ หญิงพิการกระบี่สู้ชีวิต รันทดไร้ญาติเหลียวแล เลี้ยงชีพลำพัง

แสดงความคิดเห็น

รอตรวจสอบ
จัดฟอร์แม็ต ดูการแสดงผล

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

ยกเลิก

รายละเอียดกระทู้

(ป้าเอียด ไหมสีทอง อายุ 58 ปี กำลังขุดดินทำสวนครัว) (ป้าเอียด ไหมสีทอง อายุ 58 ปี นั่งอยู่ภายในบ้าน) ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้าน ในพื้นที่ตำบลพรุดินนา อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่ ว่าพบ หญิงร่างกายพิการขาลีบ มือเท้างอ ปลูกผักเลี้ยงตัวเอง กับลูกชายบนที่ดิน 50 ตารางวา มีบ้านใช้อยู่อาศัยทำทุกอย่างเพื่อดิ้นรนเอาชีวิตรอดแบบวันต่อวัน ใช้วิธีการทำงานเหมือนคนปกติ ด้วยการใช้สะโพกแทนขาทั้งสองข้างขยับไปมาน่าเวทนาแก่ผู้ที่พบเห็น มีญาติพี่น้องคลานตามกันมา 12 คน ฐานะดีแต่ไม่เคยสนใจพี่สาวพิการของตัวเอง เมื่อไปถึงบ้านเลขที่ 52/1 หมู่ที่ 2 ต.พรุดินนา ซึ่งเป็นบ้านของนางลาย หรือป้าเอียด ไหมสีทอง อายุ 58 ปี นั่งอยู่หน้าบ้าน โดยบ้านก่อด้วยอิฐ มุงกระเบื้อง ปะปนกับสังกะสี ขนาดกว้าง 4 เมตร ยาว 8 เมตร บนที่ดิน 50 ตารางวา โดย นางลาย วัย 58 ปี มีสภาพร่างกายพิการ มือหยิกงอ แต่ยังสามารถใช้มือหยิบจับสิ่งของได้ ส่วนขาทั้งสองข้างมีสภาพลีบใช้การไม่ได้ ต้องใช้สะโพกแทนขาขยับไปทำกิจวัตรประจำวัน ไม่ว่าจะเป็น ซักผ้า หุงข้าว ล้างจาน ปัดกวาดเช็ดถูบ้าน รวมทั้งการปลูกผักไว้กินเอง เพื่อลดค่าใช้จ่ายภายในครอบครัว นางลาย เล่าให้ฟังว่า มีพี่น้องคลานตามกันมา 12 คน ตนเป็นพี่สาวคนโต ปัจจุบันทุกคนต่างมีครอบครัวกันหมดแล้ว ตนมีสภาพร่างกายพิการเมื่ออายุ 7 ปี ต่อมาได้แต่งงานจนมีลูกชาย 1 คน คือนายประสาน บานชื่น อายุ 18 ปี มีอาชีพรับจ้างทั่วไป ก่อนหน้านี้อยู่ด้วยกัน 3 คน พ่อ แม่ และลูกชาย ต่อมาสามีได้ทิ้งตนกับลูกชายไปเมื่อตอนลูกชายอายุ 16 ปี ทำให้ตนและลูกชายต้องหาเลี้ยงปากท้องด้วยตัวเอง เป็นหัวหน้าครอบครัวในสภาพที่พิการทำทุกอย่าง เผาถ่านขาย ขายของชำเล็กๆ น้อยๆ โดนเพื่อนบ้านหลอกหมด แต่ก็ไม่เคยโกรธเคืองใคร ทุกวันจะตื่นขึ้นมาทำกิจวัตรประจำวันด้วยตัวเอง ส่วนลูกชายนั้นไป รับจ้างอยู่ที่ร้านรับซื้อเศษยางพาราในหมู่บ้านได้เดือนละ 4,000 บาท ส่วนตนได้เงินคนพิการ 500 บาทต่อเดือน ทำหน้าที่อยู่บ้านทำความสะอาดบ้าน ปลูกผัก เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของลูกชาย เพราะเงินเดือนที่ได้รับในปัจจุบันไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายในปัจจุบัน ทั้งเป็นค่ารักษาพยาบาล ค่ากับข้าว ค่าน้ำค่าไฟ ค่าใช้จ่ายส่วนตัวของลูกชาย ซึ่งมันไม่เพียงพออยู่แล้ว จำเป็นที่จะต้องช่วยลูกชายซึ่งทำงานเพียงคนเดียวประหยัดเรื่องเงินทอง เพื่อใช้จ่ายยามเจ็บป่วยทั้งของตนและลูกชาย ในส่วนของการเดินทางไปหาหมอนั้น ตนจะต้องโทร.ไปหารถมูลนิธิให้มารับ เนื่องจากไม่มีใครเข้ามาช่วยเหลือ แม้แต่พี่น้องลูกหลานก็ไม่มีใครสนใจ ขอบคุณ … http://www.thairath.co.th/content/region/339940

จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย

  1. เพิ่ม
  2. เพิ่ม ลบ
  3. เพิ่ม ลบ
  4. เพิ่ม ลบ
  5. เพิ่ม ลบ
  6. เพิ่ม ลบ
  7. เพิ่ม ลบ
  8. เพิ่ม ลบ
  9. เพิ่ม ลบ
  10. ลบ
เลือกการตกแต่งที่ต้องการ

ตกลง ยกเลิก

รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)

Waiting...