ผีอำ
คอลัมน์ : หักมุมพิศวง ด๊อกเตอร์ บีเกิ้ล khaosod.sci@gmail.com : หลายคนคงเคยได้ยินคำว่า "เรื่องจริงแปลกยิ่งกว่าอิงนิยาย"ถ้อยคำนี้ใช้นิยามปรากฏการณ์ทางธรรมชาติหรือร่างกายมนุษย์ได้อย่างดีเพราะมีหลายอาการที่ดูแปลกพิลึก จนทำให้เรารู้สึกตกใจกลัวได้ หากไม่ทราบมาก่อนว่าเป็นอาการทั่วไปของมนุษย์ที่วิทยา ศาสตร์อธิบายได้เช่น อาการ "ผีอำ" หรือเวลาที่เรากำลังตื่นนอน แต่กลับขยับร่างกายไม่ได้ และบางทีก็หายใจไม่สะดวกด้วยคนโบราณจึงตีความว่าเป็นเพราะผีหรือวิญญาณมานั่งสะกดร่างกายเราไว้
ตามจริงแล้ว ผีอำ เป็นปรากฏการณ์ที่ทางการแพทย์เข้าใจมานานแล้ว อาการนี้เกิดจากการที่เราตื่นจากหลับ แต่กล้ามเนื้อของเรายังไม่ตอบสนองต่อการควบคุมของเรา ส่วนการหายใจไม่สะดวกนั้นมีหลักฐานว่าเป็นเพราะเวลาเรานอนหลับหรือฝันจะมี ช่วงการหายใจที่สมองกำหนดมา ซึ่ง "ตกร่อง" บ้างบางครั้งขณะที่เราตื่นนอนในช่วงสะลึมสะลือระหว่าง "ฝัน" กับ "ตื่น" นี้เอง ทำให้เราได้ยินเสียง หรือได้กลิ่น หรือเห็นภาพหลอนต่างๆ ที่ตกค้างมาจากความฝันของเราด้วย (เพราะสมองของเราผลิตภาพเหล่านี้ได้สมจริงมากในความฝัน)นี่คือที่มาของคำร่ำลือว่าเห็นภูตผีหรือได้กลิ่นดอกไม้ขณะผีอำ
อาการผีอำเกิดขึ้นกับคนทั่วโลก มีการประเมินว่าประชากรในประเทศหนึ่งๆ ร้อยละ 30-60 ต้องเคยเจออาการผีอำอย่างน้อยสักครั้งในชีวิต ซึ่งที่น่าสนใจคือ แต่ละวัฒนธรรมมีการตีความ "ผีอำ" แตกต่างกันไป ในยุโรปสมัยก่อนเชื่อกันว่าเป็นเพราะ "ซาตาน" มานั่งบนร่างกาย ส่วนชาวอเมริกันจำนวนหนึ่งก็เชื่อว่าเป็นเพราะ"เอเลี่ยน"ใช้พลังต่างดาวสะกดร่างไว้เพราะจะลักพาตัว
มีข้อมูลว่าวิธีการแก้อาการผีอำคือ ต้องพักผ่อนมากๆ ควรนอนในท่าที่สะดวก หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องใช้สายตาหนักก่อนนอน และเมื่อตื่นมาในอาการผีอำก็ควรสงบสติและค่อยๆ ผ่อนคลาย การควบคุมกล้ามเนื้อของเราจะเข้าที่เอง(นี่คงเป็นเหตุผลที่คนโบราณบอกว่าต้องท่องพุทโธขณะถูกผีอำ)
นับว่าเป็นโชคดีของพวกเราที่เกิด มาในยุคที่วิทยาศาสตร์อธิบายปรากฏการณ์เหล่านี้ให้เราสบายใจ หากเป็นสมัยก่อนเราจะไม่มีทางเข้าใจเลย และต้องอยู่ในความกลัวต่อไปวิทยาศาสตร์จึงเป็นเสมือนแสงไฟขับไล่ความมืดต่างๆ ที่ทำให้เราหวาดกลัวนั่นเอง
แสดงความคิดเห็น
รายละเอียดกระทู้
ภาพวาดการ์ตูน รูปกลุ่มผีไทยกำลังอำคนที่กำลังนอนอยู่ คอลัมน์ : หักมุมพิศวง ด๊อกเตอร์ บีเกิ้ล khaosod.sci@gmail.com : หลายคนคงเคยได้ยินคำว่า "เรื่องจริงแปลกยิ่งกว่าอิงนิยาย"ถ้อยคำนี้ใช้นิยามปรากฏการณ์ทางธรรมชาติหรือร่างกายมนุษย์ได้อย่างดีเพราะมีหลายอาการที่ดูแปลกพิลึก จนทำให้เรารู้สึกตกใจกลัวได้ หากไม่ทราบมาก่อนว่าเป็นอาการทั่วไปของมนุษย์ที่วิทยา ศาสตร์อธิบายได้เช่น อาการ "ผีอำ" หรือเวลาที่เรากำลังตื่นนอน แต่กลับขยับร่างกายไม่ได้ และบางทีก็หายใจไม่สะดวกด้วยคนโบราณจึงตีความว่าเป็นเพราะผีหรือวิญญาณมานั่งสะกดร่างกายเราไว้ ตามจริงแล้ว ผีอำ เป็นปรากฏการณ์ที่ทางการแพทย์เข้าใจมานานแล้ว อาการนี้เกิดจากการที่เราตื่นจากหลับ แต่กล้ามเนื้อของเรายังไม่ตอบสนองต่อการควบคุมของเรา ส่วนการหายใจไม่สะดวกนั้นมีหลักฐานว่าเป็นเพราะเวลาเรานอนหลับหรือฝันจะมี ช่วงการหายใจที่สมองกำหนดมา ซึ่ง "ตกร่อง" บ้างบางครั้งขณะที่เราตื่นนอนในช่วงสะลึมสะลือระหว่าง "ฝัน" กับ "ตื่น" นี้เอง ทำให้เราได้ยินเสียง หรือได้กลิ่น หรือเห็นภาพหลอนต่างๆ ที่ตกค้างมาจากความฝันของเราด้วย (เพราะสมองของเราผลิตภาพเหล่านี้ได้สมจริงมากในความฝัน)นี่คือที่มาของคำร่ำลือว่าเห็นภูตผีหรือได้กลิ่นดอกไม้ขณะผีอำ อาการผีอำเกิดขึ้นกับคนทั่วโลก มีการประเมินว่าประชากรในประเทศหนึ่งๆ ร้อยละ 30-60 ต้องเคยเจออาการผีอำอย่างน้อยสักครั้งในชีวิต ซึ่งที่น่าสนใจคือ แต่ละวัฒนธรรมมีการตีความ "ผีอำ" แตกต่างกันไป ในยุโรปสมัยก่อนเชื่อกันว่าเป็นเพราะ "ซาตาน" มานั่งบนร่างกาย ส่วนชาวอเมริกันจำนวนหนึ่งก็เชื่อว่าเป็นเพราะ"เอเลี่ยน"ใช้พลังต่างดาวสะกดร่างไว้เพราะจะลักพาตัว มีข้อมูลว่าวิธีการแก้อาการผีอำคือ ต้องพักผ่อนมากๆ ควรนอนในท่าที่สะดวก หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องใช้สายตาหนักก่อนนอน และเมื่อตื่นมาในอาการผีอำก็ควรสงบสติและค่อยๆ ผ่อนคลาย การควบคุมกล้ามเนื้อของเราจะเข้าที่เอง(นี่คงเป็นเหตุผลที่คนโบราณบอกว่าต้องท่องพุทโธขณะถูกผีอำ) นับว่าเป็นโชคดีของพวกเราที่เกิด มาในยุคที่วิทยาศาสตร์อธิบายปรากฏการณ์เหล่านี้ให้เราสบายใจ หากเป็นสมัยก่อนเราจะไม่มีทางเข้าใจเลย และต้องอยู่ในความกลัวต่อไปวิทยาศาสตร์จึงเป็นเสมือนแสงไฟขับไล่ความมืดต่างๆ ที่ทำให้เราหวาดกลัวนั่นเอง ขอบคุณ.. http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROMFpXTXdOREE0TURRMU5nPT0=§ionid=TURNeU5nPT0=&day=TWpBeE15MHdOQzB3T0E9PQ==
จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย
รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)