ไอคิวทะลุฟ้า - นักศึกษากายอุปกรณ์ช่วยผู้พิการ คว้าแชมป์ส่งต่อแรงบันดาลใจ
มูลนิธิเอสซีจี ร่วมกับ บริษัท วู้ดดี้ เวิลด์ จัดแคมเปญ Gen Will Survive และกิจกรรม Best Survivor Awards เฟ้นหาสุดยอดคนรุ่นใหม่ที่มี Hard skill และ Soft skill ในการเอาตัวรอด และเรื่องราวของเขาสามารถเป็นแรงบันดาลใจส่งต่อให้ทุกคน มีผู้สนใจส่งผลงานเข้าร่วมกว่า 500 คน
ผลการตัดสินรางวัล Best Survivor Awards ผู้ชนะเลิศคือ นายสุรพรชัย ธรรมศิริ นักศึกษาสาขากายอุปกรณ์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล รับเงินรางวัลมูลค่า 100,000 บาท รองชนะเลิศอันดับ 1 น.ส.เพ็ญนภา สิงห์สนั่น คณะครุศาสตร์ สาขาวิชาภาษาไทย มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง รับเงินรางวัล 50,000 บาท รองชนะเลิศอันดับ 2 น.ส.อรนรินทร์ ศิริปุลินพงศ์ คณะบริหารธุรกิจ สาขาการจัดการและการเป็นผู้ประกอบการนวัตกรรม สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง รับเงินรางวัลมูลค่า 30,000 บาท นอกจากนี้ยังมีรางวัลชมเชยอีก 5 รางวัล รับเงินรางวัลละ 3,000 บาท พร้อมประกาศนียบัตร
นายสุรพรชัย ธรรมศิริ ผู้คว้ารางวัลชนะเลิศ กล่าวว่า ตนเองมุ่งมั่นอยากช่วยเหลือคนอื่นโดยเฉพาะคนพิการ เมื่อมีโอกาสพบเด็กออทิสติกที่กล้ามเนื้อบริเวณข้อมือมีปัญหา ไม่สามารถจับดินสอเหมือนเด็กคนอื่นได้ จึงนำความสนใจที่มีอยู่ผนวกเข้ากับปัญหาที่พบมาเพื่อแก้ปัญหาตรงนี้จนกลายเป็นบอร์ดฝึกเขียนสำหรับเด็กออทิสติกที่จะช่วยให้เด็กออทิสติกเรียนรู้ร่วมกับเด็กปกติได้
สุรพรชัยเล่าเรื่องราวด้วยการเปรียบชีวิตตนเองกับรองเท้าบู๊ต โดยรองเท้าบู๊ตข้างแรกคือการรู้จักตัวเองที่ต้องมีสติพร้อมเผชิญและปรับตัวกับสิ่งที่พบเจอในอนาคตเพื่อให้อยู่รอดได้ ในวันนี้เขาค้นพบตัวเองแล้วจากความชอบความสนใจที่มีอยู่ ลงตัวที่สาขาที่เลือกเรียนในปัจจุบันเกี่ยวกับการผลิตแขนขาเทียมเพื่อผู้พิการที่จะสานต่อความชอบและความฝันให้เป็นจริงในอนาคต สำหรับรองเท้าบู๊ตอีกข้างคือการวางแผนเพื่ออนาคต ซึ่งเป้าหมายของสุรพรชัยคือการมีโอกาสไปเรียนต่อด้านกายอุปกรณ์ที่ญี่ปุ่นเพื่อนำเทคนิคต่างๆ มาพัฒนาต่อ เพื่อทำให้คุณภาพชีวิตของคนพิการดีขึ้น
สำหรับผู้ได้รับรางวัลรองชนะเลิศทั้งสองคน น.ส.เพ็ญนภา สิงห์สนั่น และ น.ส.อรนรินทร์ ศิริปุลินพงศ์ ไม่เคยปฏิเสธการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ รวมถึงการมองหาโอกาสใหม่ๆ และยังมุมานะพยายาม นำความชอบมาสู่อาชีพและปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว จนมีรายได้เลี้ยงดูตัวเองและครอบครัวตั้งแต่ยังไม่จบการศึกษา เพ็ญนภาเริ่มจากการขายของออนไลน์ก่อนผันตัวมาเป็นนักออกแบบกราฟิก ขณะที่อรนรินทร์ได้ดีจากการไลฟ์ขายของออนไลน์จนทำรายได้หลักแสน มีความฝันอยากเป็นเจ้าของแบรนด์เสื้อผ้าในใจของทุกคน