จ.มหาสารคาม จัดงานวันคนพิการสากล รวมพลังเป็นหนึ่งเดียวเพื่อพลิกฟื้นและบรรลุเป้าหมายการพัฒนา
จังหวัดมหาสารคาม จัดงานวันคนพิการสากล รวมพลังเป็นหนึ่งเดียวเพื่อพลิกฟื้นและบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ร่วมกับคนพิการ เพื่อคนพิการ โดยคนพิการ
ที่โรงแรมตักสิลา อำเภอเมืองมหาสารคาม จังหวัดมหาสารคาม นายวิบูรณ์ แววบัณฑิต ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม เป็นประธานเปิดงานวันคนพิการสากล ประจำปี 2566 โดยมี นายสงวน สุธรรม พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดมหาสารคาม หัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารองค์กรเอกชน นายกสมาคมคนพิการทุกประเภทจังหวัดมหาสารคาม ผู้นำองค์กรด้านคนพิการ และประชาชนผู้พิการ เข้าร่วม
องค์การสหประชาชาติ ได้ประกาศให้วันที่ 3 ธันวาคมของทุกปีเป็นวันคนพิการสากล ซึ่งประเทศไทยในฐานะประเทศสมาชิกขององค์การสหประชาชาติ ได้จัดกิจกรรมเนื่องในโอกาส วันคนพิการสากลเป็นประจำทุกปี ทั้งในส่วนกลางและจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยในปีนี้ องค์การสหประชาชาติ ได้กำหนดประเด็นหลัก คือ "United in action to rescue and achieve the SDGs for, with and by persons with disabilities" "รวมพลังเป็นหนึ่งเดียวเพื่อพลิกฟื้นและบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ร่วมกับคนพิการ เพื่อคนพิการ โดยคนพิการ" เพื่อให้ทุกภาคส่วนในสังคมมารวมพลังกัน ขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านคนพิการให้เป็นโลกที่น่าอยู่และมีความเป็นธรรมยิ่งขึ้น ปัจจุบันจังหวัดมหาสารคาม มีคนพิการที่ได้รับการออกบัตรประจำตัวคนพิการมีจำนวน 30,772 คน คิดเป็นร้อยละ 3.25 ของประชากรทั้งจังหวัด และพบว่าคนพิการที่มีอายุมากว่า 60 ปี หรือคนพิการสูงอายุมีจำนวนสูงถึง 17,528 คน หรือ ร้อยละ 56.66 ของจำนวนคนพิการทั้งหมด ซึ่งสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันที่ระบุว่า ในปี 2571 สังคมไทยจะเป็นสังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ (Aged Society) และจากสถิติของผู้สูงอายุที่เพิ่มมากขึ้น พบแนวโน้มมีความเสี่ยงที่จะมีความพิการร่วมด้วย
และเมื่อพิจารณาจากประเภทความพิการ พบว่า ส่วนใหญ่พิการทางการเคลื่อนไหวทางร่างกาย คิดเป็นร้อยละ 47.29 รองลงมาเป็นความพิการทางการได้ยินหรือสื่อความหมายร้อยละ 20.53 และพิการทางการมองเห็นร้อยละ 11.39 ตามลำดับ
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ตระหนักถึงความสำคัญในการเตรียมความพร้อมรองรับแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของคนพิการในอนาคต รวมถึงความจำเป็นที่จะต้องได้รับความช่วยเหลือตามประเภทความพิการ จึงเร่งส่งเสริมให้คนพิการสามารถเข้าถึงสิทธิ สวัสดิการ ได้โดยสะดวกและรวดเร็วโดยการนำเทคโนโลยีเข้ามาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาระบบบริการคนพิการควบคู่ไปกับการสร้างเจตคติเชิงสร้างสรรค์ต่อคนพิการและความพิการ เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงวิธีคิดและเกิดการเรียนรู้ร่วมกันระหว่างคนพิการและคนทั่วไปอย่างเข้าใจ ให้คนพิการสามารถดำรงชีวิตอิสระ มีศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์ และมีความเสมอภาคในสังคม
ขอบคุณ... https://shorturl.asia/8TP0s