สุดรันทด!สาวใหญ่ถูกพี่ไล่ออกจากบ้าน ไร้ที่อยู่ ต้องไปนอนอนามัยร้าง เลี้ยงชีพด้วยเบี้ยคนพิการ
สาวใหญ่ถูกพี่แท้ๆ ไล่ออกจากบ้าน ไร้ที่อยู่ต้องไปนอนอนามัยร้าง เลี้ยงชีพด้วยเบี้ยคนพิการ ชี้ อยากได้ที่อยู่อาศัยที่มั่นคงในบั้นปลายชีวิต
วันที่ 19 ก.พ .67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ บ้านสันจำปา ม.3 ต.แม่พริก อ.แม่สรวย จ.เชียงราย มีชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนเนื่องจากโดนพี่สาวไล่ออกจากบ้านที่สร้างด้วยน้ำพักน้ำแรง ต้องไปอาศัยอยู่ที่อาคารศูนย์มาลาเรียหลังเก่า ตั้งอยู่กลางหมู่บ้าน ยังไม่รู้ว่าทางชุมชนจะให้ย้ายออกวันไหน โดยอาศัยรายได้จากเบี้ยคนพิการเลี้ยงชีพเพราะถูกรถชนจนต้องตัดขาขวา ทุกวันนี้ต้องใช้ขาเทียมไปไหนไม่สะดวก ถ้าเป็นช่วงเก็บลำไยก็มีคนมาจ้างเก็บวันละ 200 บาท แต่ก็ไม่ได้มีทุกวัน พอจะมีรายได้ประทังชีวิตไปวันๆ อยากได้ที่อยู่อาศัยที่มั่นคงในบั้นปลายของชีวิต
ผู้สื่อข่าวเดินทางไปทางบ้านสันจำปา ม.3 ต.แม่พริก อ.แม่สรวย พบกับนางอำภา อายุ 47 ปี เล่าให้ฟังว่าพ่อแม่ของตนมีลูกทั้งหมด 6 คน ตนเป็นลูกสาวคนสุดท้อง พ่อเสียชีวิตไปแล้ว เหลือแค่แม่ ก่อนหน้านี้ตนประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ต้องถูกตัดขา
เมื่อประมาณ 2 ปีก่อน ตนมีเรื่องผิดใจกับพี่สาวคนรองเพราะตนเคยไปว่าพี่สาวเกี่ยวกับเรื่องชู้สาว ต่อมาพี่สาวคนรองก็มาไล่ตนออกจากบ้านที่ตนอยู่อาศัย ซึ่งตนใช้อยู่อาศัยมานานและช่วยกันสร้างบ้านหลังดังกล่าวด้วยน้ำพักน้ำแรงร่วมกับสามีเก่า ซึ่งปัจจุบันสามีได้เสียชีวิตไปแล้ว หมดเงินในการก่อสร้างไปประมาณเกือบ 300,000 บาท ซึ่งตอนนั้นยังทำงานหาเงินได้ก็พากันไปรับจ้างทำศาลพระภูมิเจ้าที่เก็บหอมรอมริบมาสร้างบ้าน
หลังโดนไล่ก็เลยไปขออาศัยอยู่ที่อนามัยร้างกลางหมู่บ้าน อยู่มาได้ประมาณ 1 ปีมาแล้ว พอตนไม่มีบ้านสามีคนใหม่ที่อยู่ด้วยกันได้ระยะหนึ่งก็โดนไล่ที่เขาก็ทิ้งไปอีกและพี่สาวคนรองยังไล่แม่แท้ๆ ให้ออกไปจากบ้านอีกเพราะต้องการเอาบ้านและที่ดินดังกล่าวไปขาย
เขาบอกกับแม่ว่าบุญคุณแค่นี้ไม่ต้องเอามาอ้าง ทุกวันนี้แม่ก็เลยต้องไปขออาศัยกับพี่สาวคนโตและคนที่ซื้อบ้านหลังดังกล่าวไปก็เป็นลูกชายของพี่ชายคนที่ 3 โดยเขาบอกว่าถ้าเรามีเงินอยากจะซื้อต่อเขาก็จะขายให้แต่ก็จนปัญญาเพราะไม่มีรายได้
นางอำภา เล่าต่อว่า ในส่วนของคดีก็พยายามต่อสู้มาตลอดแต่ทางศาลฯ ก็ได้ตัดสินให้เราออกจากบ้าน โดยให้ทางพี่สาวจ่ายค่าชดเชยให้ 30,000 บาท ซึ่งเป็นจำนวนน้อยหากเทียบกับราคาที่ดินและค่าก่อสร้าง
ในปัจจุบันจึงมาขออาศัยอยู่ในอนามัยร้าง ซึ่งทางกำนันคนเก่าก็อนุญาตให้อยู่ไปก่อนแต่ตอนนี้กำนันคนเก่าได้หมดวาระไปแล้ว ส่วนกำนันคนใหม่เขาก็ให้อยู่ไปก่อนเช่นกัน แต่หากอนาคตมีโครงการพัฒนาพื้นที่ดังกล่าวเราก็ต้องย้ายออกไป
ทุกวันนี้ก็อาศัยอยู่ตรงนี้มาประมาณ 1 ปี บางวันก็มีลูกสาวและหลานชายกลับมานอนด้วย ส่วนด้านนอกบ้านก็มีหลานชายมากางเต้นท์นอนอาศัยด้วย ตอนนี้ก็เลยไม่รู้ว่าจะถูกให้ย้ายออกไปเมื่อไหร่ก็เลยอยากได้ที่อาศัยที่มั่นคงในบั้นปลาย เพราะตนไม่มีรายได้อะไรอาศัยเพียงเบี้ยเลี้ยงคนพิการเดือนละ 800 บาท จะมีรายได้เพิ่มเติมก็เพียงช่วงเก็บลำไย ก็จะมีชาวบ้านมาว่าจ้างไปช่วยเก็บลำไยบ้าง วันละ 200 บาท แต่ก็ไม่ได้มีมาจ้างทุกวัน
ส่วนน้ำไฟก็ไปต่อพ่วงเอาจากบ้านหลังที่โดนไล่ออกมา ซึ่งอยู่ตรงกันข้ามกับอนามัยร้างที่อาศัยอยู่ มองเห็นอยู่ทุกวัน บางวันมองแล้วน้ำตาก็จะไหลเพราะสร้างมาด้วยน้ำพักน้ำแรงทำใจไม่ได้
ด้านนายปิยะพัทธ์ เพื่อนบ้านใกล้เคียงกล่าวว่า รู้จักกับพี่อำภามาตั้งแต่เด็กและมาทราบในภายหลังว่าพี่แกโดนไล่ออกมาจากบ้าน ส่วนปัญหาความขัดแย้งเป็นเรื่องภายในครอบครัวตนไม่ทราบรายละเอียด แต่ก็รู้สึกสงสารที่ต้องมาอยู่อาศัยตรงอนามัยร้าง ซึ่งเคยใช้เป็นศูนย์มาลาเรียมาก่อน ไม่เหมาะมาอยู่อาศัยเท่าไหร่เพราะร้างมาก่อนหน้าแล้วประมาณ 5-6 ปี ถูกตัดน้ำไฟไปแล้ว ชาวบ้านก็พยายามช่วยเหลือเท่าที่จะช่วยได้ หากมีหน่วยงานไหนพอจะยื่นมือมาช่วยเหลือได้ก็คงจะเป็นการดี