ถ้าเป็นสมัยหนุ่มๆ ดวงกุดแน่! เปิดกล้องวงจปิดล่าโจรฉกกระเป๋าเงินคุณตาพิการวัย 85 อดีตนักมวยไทย ‘ขุนเข่า สลาตัน’
เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 30 มีนาคม นายเฉลิม ภูสีน้ำ อายุ 85 ปี อยู่บ้านเลขที่118 ม.2 ต.โนนทัน อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู พิการอัมพฤษ์ซีกด้านขวา ปั่นจักรยานสามล้อ เดินทางมาแจ้งความร้องทุกข์กับ ร.ต.อ.อุทัย วังทัน รอง สว.สอบสวน สภ.เมืองอุดรธานี โดยมีนายภาณุมาศ จิตรวศินกุล เจ้าของเพจเฮียเปี๊ยกช่วยด้วย ช่วยพยุงตัวพาเดินขึ้นรถโรงพัก ก่อนที่ตำรวจจะเอารถเข็นให้นั่ง พาแจ้งความเข้า หลังจากโดนคนร้ายขโมยกระเป๋าสตางค์ ข้างในมีเงินสด จำนวน 540 บาท บัตรเอทีเอ็ม ธนาคาร ธกส. 1 ใบ และบัตรคนพิการ
นายเฉลิม ภูสีน้ำ เล่าว่า ตนเดินทางมาเร่ร่อนเร่อยู่ในตัวเมืองอุดรธานี หลังจากคนในครอบครัวเสียชีวิตไปเกือบหมด เหลือเพียงลูกชายคนเดียว ซึ่งรับจ้างกรีดยางอยู่ที่ จ.หนองบัวลำภู โดยตนจะหลับนอนอยู่หน้าร้านสะดวกซื้อ หลังเรือนจำกลางเมืองอุดรธานี และอาศัยข้าวที่วัดกินประทังชีวิตไปวันๆ ในวันนี้ตนเข้าไปนอนอยู่บนม้าหินอ่อน บริเวณหน้าศาลาข้างเจดีย์หลวงปู่ถิร ฐิตธมฺโม อดีตเจ้าอาวาสวัดทิพยรัฐนิมิตร (บ้านจิก) เขตเทศบาลนครอุดรธานี
พอตื่นขึ้นมาปรากฏว่ากระเป๋าสตางค์ได้หายไป ทำให้เสียใจอย่างมากถึงกับร้องไห้ และหมดเรี่ยวแรง เพราะเงินจำนวน 540 บาท มีผู้ใจบุญมอบให้ตนเอาไว้ซื้อข้าวกิน แล้วจะเก็บเงินไว้ให้ลูกชายด้วย พอตั้งสติได้ จึงปั่นจักรยานสามล้อมาที่โรงพัก เพื่อมาแจ้งความเป็นหลักฐานไปทำบัตรเอทีเอ็ม และบัตรคนพิการใหม่
“ก่อนหน้าตนเคยเป็นนักมวยตระเวนชกไปทั่วภาคอีสาน โดยใช้ชื่อ เฉลิมศักดิ์ ค่ายบดินเดช อยู่ที่ จ.ขอนแก่น จนได้ฉายา ขุนเข่า สลาตัน เริ่มชกมวยตั้งแต่อายุ 17-18 ปี ได้ค่าตัว 70-80 บาท หลังจากนั้นก็ไปรับจ้างเป็นแบกข้าว พออายุมาก ก็พิการเป็นอัมพฤกษ์ ทำงานไม่ได้ จึงได้เร่ร่อนมาอยู่ที่อุดรมาหลายปี โดยที่เมืองอุดรมีโจรเยอะ คนบ้าก็เยอะเหมือนกัน ฝากถึงคนร้ายที่เอากระเป๋าสตางค์ตนไป ขอให้ฉิบหายวายวอด หลังจากนี้อาจจะกลับไปอยู่ที่ จ.หนองบัวลำภู กับลูกชายที่บ้านเกิด”
หลังรับแจ้ง ร.ต.อ.อุทัย วังทัน รอง สว. สอบสวน สภ.เมืองอุดรธานี พร้อมด้วยตำรวจชุดสืบสวน ลงพื้นที่ไปตรวจสอบภายในวัดที่เกิดเหตุ บริเวณที่คุณตาเฉลิมฯ นอนอยู่ และตรวจสอบกล้องวงจปิดภายในวัด ระบุเวลา 13.35 น. พบชายผู้ต้องสงสัย เป็นชายวัยกลางคน รูปร่างสูง สวมเสื้อยืดแขนสั้นสีดำ นุ่งกางเกงยีน สวมรองเท้าแตะ สะพายกระเป๋า ในมือซ้ายถือขวดน้ำ เดินทางเข้าในวัด แล้วก็เดินไปจุดที่คุณตาเฉลิมนอนหลับอยู่ ไม่นานชายต้องสงสัยก็เดินออกมาจากวัดไป
ส่วนเจ๊น้อย อายุ 53 ปี ผู้ดูแลความเรียบภายในวัด บอกว่า ตอนเช้าจะเห็นคุณตาปั่นจักรยานสามล้อเข้ามาที่วัดเพื่อขอข้าวกินทุกวัน บางทีตนก็ให้เงินครั้งละ 5-10 บาท ส่วนคนที่มาบุญวัดก็ให้เงินคุณตาบ้าง ส่วนรถจักรยานสามล้อ มีผู้ใจบุญซื้อให้คุณตา ไว้ใช้เดินทางไปไหนได้สะดวก ตนก็เคยเห็นลูกชายของคุณตามาหาบ้าง พอรู้ว่าคุณตาโดนคนร้ายขโมยกระสตางค์ไป ก็รู้สึกสงสาร ก็ฝากถึงคนร้ายที่ขโมยเงินไป ทำไมต้องทำบาปกับคนแก่ที่พิการด้วย หากคนร้ายแก่ไปตายไปก็คงจะตกนรก
ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ รู้เรื่องราวก็พากันสงสารคุณตาเฉลิมฯ และได้มอบเงินให้จำนวน 300 บาท เพื่อจะได้มีเงินซื้อข้าวกิน ส่วนคนร้ายที่มาขโมยกระเป๋าสตางค์ไป จะหาเบาะแสเส้นทางผู้ต้องสงสัยหลบเข้ามาและหนีไปทางไหน คาดว่าเป็นคนเร่ร่อน เพื่อติดตามตัวมาดำเนินการตามขั้นตอนขอกฎหมายต่อไป