ท้องถิ่นในสหรัฐฯ พยายามยกเลิก กม.อนุญาติจ่ายค่าจ้าง 'คนทำงานพิการ' ต่ำกว่าค่าแรงขั้นต่ำ
รายงานพิเศษจาก Stateline พบว่าท้องถิ่นในสหรัฐฯ พยายามยกเลิกกฎหมายที่อนุญาติให้นายจ้างจ่ายค่าจ้าง 'คนทำงานพิการ' ต่ำกว่าค่าแรงขั้นต่ำได้ พบมีอย่างน้อย 16 รัฐที่ได้ยกเลิก "ค่าแรงขั้นต่ำแบบพิเศษ" นี้แล้ว
OVERLAND PARK รัฐแคนซัส – นอกจากไอศกรีมแล้ว ร้าน Golden Scoop ยังมีการไฮไฟว์ การชนกำปั้น และการกอดเป็นของแถม
ร้านนี้ตั้งอยู่ในศูนย์การค้าในย่านชานเมืองแคนซัสซิตี้ และจ้างงานคนพิการทางพัฒนาการ 15 คน แม้ว่าลูกค้าจะมาเพราะขนมหวานเป็นหลัก แต่หลายคนก็หลงใหลในภารกิจของ Golden Scoop และบรรยากาศที่เป็นกันเอง
“มันสร้างความสุขให้คุณมากมายจริง ๆ ค่ะ” ลินเซย์ ครัมโบลซ์ (Lindsay Krumbholz) ผู้เปิดร้านร่วมกับน้องสาวในปี 2021 กล่าว "เรามีลูกค้าบางคนที่เข้ามาบอกว่า 'ฉันมีวันที่แย่มาก ฉันต้องมาที่ Golden Scoop เท่านั้น'"
ร้านค้าที่ไม่หวังผลกำไรแห่งนี้อาจขออนุมัติจากรัฐบาลกลางให้จ่ายค่าจ้างพนักงานต่ำกว่าค่าแรงขั้นต่ำตามกฎหมายที่ 7.25 ดอลลาร์ แต่พนักงานของร้านที่เรียกว่า "Super Scooper" ทุกคนของร้านได้รับค่าจ้างอย่างน้อย 15 ดอลลาร์ต่อชั่วโมง บวกกับทิป
หนึ่งใน Super Scoopers คือแจค เมอร์ฟี (Jack Murphy) วัย 32 ปี เขาสนุกกับการได้พบปะลูกค้า ผู้จัดการ และโค้ชสอนการทำงานที่สนับสนุนเขาในระหว่างช่วงกะทำงาน
“ผมรักที่จะมาทำงาน” เขากล่าว “ถ้าผมไม่ได้ทำงาน ผมคงร้องไห้ไปแล้ว”
ทุกอย่างที่ Golden Scoop ได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยให้พนักงานประสบความสำเร็จ: เมนูถูกปรับให้เรียบง่ายเพื่อความสะดวก พนักงานเตรียมไอศกรีมและจัดวางไว้ล่วงหน้าเพื่อให้บริการรวดเร็วขึ้น แฟ้มเอกสารที่มีรูปภาพขนาดใหญ่แสดงวิธีทำไอศกรีมแบบทีละขั้นตอน และขนมอบอื่น ๆ จัดเตรียมไว้
“ที่นี่มีการจ้างงานแบบเฉพาะบุคคล พวกเขาเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกที่เหมาะสมสำหรับบุคคลที่ทำงานที่นั่นเพื่อให้ประสบความสำเร็จ” ซาราห์ ฮาร์ต เวียร์ (Sara Hart Weir) ผู้อำนวยการบริหารของ Kansas Council on Developmental Disabilities กล่าว
เวียร์ซึ่งทำงานในคณะกรรมการของ Golden Scoop ด้วย หวังว่าจะได้เห็นนายจ้างในรัฐแคนซัสจำนวนมากขึ้น ทำตามแบบอย่างของร้านไอศกรีมแห่งนี้ หลังจากที่ในปีนี้รัฐได้ผ่านกฎหมายจัดสรรเงินช่วยเหลือให้กับองค์กรต่าง ๆ เพื่อจ่ายค่าจ้างให้กับคนพิการให้สูงกว่าค่าแรงขั้นต่ำ เป็นครั้งแรกที่กฎหมายของรัฐได้เปิดช่องให้ใช้เครดิตภาษีพิเศษเฉพาะกับนายจ้างที่จ่ายค่าจ้างเท่ากับหรือมากกว่าค่าแรงขั้นต่ำให้คนพิการ
ตั้งแต่ปี 1938 ในสมัยที่แฟรงคลิน ดี. รูสเวลต์ (Franklin D. Roosevelt) เป็นประธานาธิบดี กฎหมายของรัฐบาลกลางได้อนุญาตให้นายจ้างบางรายจ่ายค่าจ้างให้กับบุคคลที่ถูกมองว่ามีประสิทธิภาพการทำงานต่ำกว่าเกณฑ์เนื่องจากความพิการทางร่างกายหรือจิตใจ ต่ำกว่าค่าแรงขั้นต่ำของรัฐบาลกลาง ซึ่งเดิมกฎหมายมีจุดประสงค์เพื่อสร้างโอกาสสำหรับผู้ที่ขาดโอกาสการเข้าถึงงาน แต่นักกำหนดนโยบายในหลายรัฐกำลังพยายามยกเลิกแนวปฏิบัตินี้
โดยหากได้รับอนุญาตจากรัฐบาลกลาง นายจ้างเหล่านี้จะจ่ายค่าจ้างเพียงเล็กน้อยไม่กี่ดอลลาร์ต่อชั่วโมงใน "เวิร์คช็อปสำหรับผู้พิการ" ซึ่งทำสัญญากับบริษัทต่าง ๆ และจ้างคนทำงานให้ทำงานที่ไม่ต้องใช้ทักษะมาก เช่น การทำลายกระดาษ การติดฉลากผลิตภัณฑ์ หรือการบรรจุหีบห่อสินค้าอุปโภคบริโภค โดยให้คนทำงานพิการอยู่ร่วมกันแยกออกจากพนักงานทั่วไป
แม้ว่าคนทำงานส่วนใหญ่จะมีความพิการทางสติปัญญาซึ่งอาจรวมถึงโรคสมองพิการหรือดาวน์ซินโดรม แต่ระเบียบของรัฐบาลกลางระบุว่าความตาบอด การติดสุรา และการติดยาเสพติดก็ถือเป็นความพิการที่สามารถทำให้ได้รับค่าจ้างที่ต่ำกว่าได้ด้วยเช่นกัน
ตามข้อมูลของ National Conference of State Legislatures มีอย่างน้อย 16 รัฐที่ได้ยกเลิก "ค่าแรงขั้นต่ำแบบพิเศษ" (subminimum wage) นี้แล้ว รัฐอื่น ๆ รวมถึงแคนซัสและมินนิโซตา ได้ตกลงในแนวทางสายกลาง นั่นคือการสร้างกองทุนเพื่อช่วยเหลือนายจ้างขึ้นค่าจ้างให้กับผู้พิการ
การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่มีการตรวจสอบมาตรา 14(c) ของพระราชบัญญัติมาตรฐานแรงงานที่เป็นธรรม (Fair Labor Standards Act) ซึ่งเป็นกฎหมายของรัฐบาลกลางที่อนุญาตให้มีการจ่ายค่าจ้างที่ต่ำลง นอกจากนี้ยังมีการต่อสู้มาหลายสิบปีเพื่อให้ผู้พิการทางพัฒนาการได้เข้าเป็นส่วนหนึ่งของสังคมอย่างสมบูรณ์
แม้สภาคองเกรสจะล้มเหลวหลายครั้งในความพยายามยกเลิกแนวปฏิบัตินี้ โดยเมื่อปี 2023 สส. และ สว.จากทั้งสองสภาได้ร่วมกันเสนอร่างกฎหมายเพื่อยกเลิกแนวปฏิบัติดังกล่าว แต่ยังไม่มีความคืบหน้าใด ๆ ความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นภายหลังจากที่กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ ได้ประกาศ "การตรวจสอบอย่างครอบคลุม" เกี่ยวกับโครงการของรัฐบาลกลาง ในรายงานเมื่อปี 2020 คณะกรรมาธิการว่าด้วยสิทธิพลเมืองของสหรัฐฯ พบว่ามี "ความล้มเหลวอย่างต่อเนื่องในการกำกับดูแลและตรวจสอบนายจ้าง" โดยกระทรวงแรงงานและกระทรวงยุติธรรมของรัฐบาลกลาง
ขณะที่ผู้สนับสนุนสิทธิคนพิการจำนวนมากมองว่าการเลิกจ้างแรงงานตามระบบค่าแรงขั้นต่ำแบบพิเศษ เป็นเรื่องพื้นฐานของความเป็นธรรม แต่คนอื่น ๆ ก็มีความกังวลว่าการเพิ่มค่าจ้างอาจส่งผลกระทบต่อสวัสดิการด้านสังคมสำหรับคนทำงานพิการ หรืออาจทำให้สถานประกอบการบางแห่งที่จ้างงานคนพิการต้องปิดตัวลง
เมื่อปี 2023 รายงานจากหน่วยงาน U.S. Government Accountability Office พบว่ามีคนmeงานประมาณ 120,000 คน ที่ทำงานภายใต้ระบบนี้ โดยครึ่งหนึ่งมีรายได้ต่ำกว่า 3.50 ดอลลาร์ต่อชั่วโมง
แต่โครงการนี้มีการใช้งานลดลงมาหลายปี เนื่องจากพนักงานพิการจำนวนมากได้ย้ายออกจากสถานทำงานแบบ Sheltered Workshop (สถานทำงาน/โรงงานที่มีการดูแลเป็นพิเศษสำหรับคนพิการ) เข้าสู่สภาพแวดล้อมการทำงานในตลาดแรงงานปกติ เช่นเดียวกับร้านไอศครีม Golden Scoop
ในปี 2010 มีนายจ้างมากกว่า 3,100 ราย ทั่วประเทศที่เข้าร่วมโครงการค่าแรงขั้นแบบต่ำพิเศษของรัฐบาลกลาง จากข้อมูลของ Government Accountability Office (GAO) ซึ่งเป็นหน่วยงานตรวจสอบอิสระของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ พบว่าในปี 2019 ตัวเลขดังกล่าวลดลงเกือบครึ่ง และเหลือเพียงนายจ้าง 1,567 ราย เท่านั้นที่เข้าร่วม
“สิ่งที่โครงการนี้กลายเป็นมาตลอดหลายสิบปี คือเป็นโครงการเฉพาะกลุ่มมากสำหรับบุคคลที่มีความบกพร่องทางสติปัญญาอย่างรุนแรงและปัญหาสุขภาพจิต” คิต บริวเวอร์ (Kit Brewer) ผู้อำนวยการบริหารของ Project CU กล่าว ซึ่งเป็น Sheltered Workshop ในเมืองเซนต์หลุยส์ที่จ้างงานคนพิการทางพัฒนาการประมาณ 100 คน
บริวเวอร์ กล่าวว่าคนทำงานจำนวนมากไม่มีความสามารถในการผลิตเท่ากับคนที่ไม่มีความพิการ หมายความว่างานค่าแรงขั้นต่ำแบบพิเศษอาจเป็นทางเลือกเดียวของพวกเขา ซึ่งระบบเศรษฐกิจปัจจุบันนั้นไม่รองรับการจ่ายเงินที่สูงกว่านี้ Project CU ต้องแข่งขันกับบริษัทที่แสวงหาผลกำไรเช่นเดียวกับโรงงานอื่น ๆ
บริวเวอร์กล่าวว่าส่วนใหญ่ของผู้ที่ทำงานเกี่ยวกับการห่อ การติดฉลาก และการบรรจุภัณฑ์วัสดุในโรงงานของเขาจะต้องต่อสู้ดิ้นรนในการจ้างงานหลัก แม้แต่คนที่ที่มีทักษะที่เหมาะสม
“พวกเขาไม่มีความสะดวกสบาย ทั้งเพราะความวิตกกังวล, ความพิการ, หรืออาจเป็นเพราะความต้องการด้านพฤติกรรมบางอย่างของพวกเขา” เขากล่าว “และการทุ่มเงินเพื่อการเปลี่ยนแปลงก็ไม่ช่วยแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้”
ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคนพิการเอง
ในรัฐมินนิโซตา ผู้สนับสนุนด้านคนพิการได้ทำงานมาหลายปีเพื่อค่อยๆ ยกเลิกค่าแรงขั้นต่ำแบบพิเศษ เมื่อปี 2023 สมาชิกสภานิติบัญญัติของรัฐ ยอมรับคำแนะนำส่วนใหญ่จากคณะทำงานของรัฐ พวกเขาจัดหาเงินทุนสำหรับการให้ความช่วยเหลือด้านเทคนิค การจัดการเคส และการฝึกอบรมสำหรับนายจ้างที่กำลังเปลี่ยนมาจ่ายค่าแรงขั้นต่ำ
และในเดือน มี.ค. 2024 คณะกรรมมาธิการของสภานิติบัญญัติรัฐมินนิโซตา ได้อนุมัติร่างกฎหมายที่จะยกเลิกค่าแรงขั้นต่ำแบบพิเศษ
จิลเลียน เนลสัน (Jillian Nelson) สมาชิกของคณะทำงานและผู้สนับสนุนด้านทรัพยากรชุมชนและนโยบายที่ Autism Society of Minnesota แย้งว่า Sheltered Workshops นั้นล้าสมัยพอ ๆ กับสถานสงเคราะห์ของรัฐที่เคยเป็นที่อยู่อาศัยของคนพิการจำนวนมาก
“เราไม่มีทางทำแบบนั้นอีกตอนนี้” เธอกล่าว “เราเห็นแล้วว่าเมื่อเรานำผู้คนเหล่านี้ออกจากสถานสงเคราะห์ พวกเขาจะเติบโตเจริญรุ่งเรือง เมื่อเราพาคนออกจากสถานสงเคราะห์ ชุมชนของเราจะมีความหลากหลายมากขึ้น … และนี่ก็เป็นเรื่องเดียวกันเลย”
เนลสัน ผู้ซึ่งเป็นออทิสติก กล่าวว่าเธอต้องต่อสู้กับการทำงานในตลาดแรงงานหลักมาหลายปี เธอบอกว่าเธอไม่คุ้นเคยกับการเมืองในออฟฟิศและเปลี่ยนงานระดับเริ่มต้นไปเรื่อย ๆ แต่แล้วเธอก็พบกับนายจ้างที่ให้การสนับสนุนเธอ
“มันเปลี่ยนความรู้สึกเห็นคุณค่าในตัวเองของฉันไปเลยค่ะ มันเปลี่ยนมุมมองที่ฉันมีต่อตัวเอง” เธอกล่าว “มันยากที่จะต้องการอะไรมากกว่านี้ในชีวิต เวลาที่เราได้ค่าจ้างแค่ 4 ดอลลาร์ต่อชั่วโมง มันยากที่จะเห็นคุณค่าในตัวเองเมื่อคุณถูกบอกว่าคุณมีค่าแค่ 3 ดอลลาร์ต่อชั่วโมง”
แต่การยกเลิกค่าแรงขั้นต่ำพิเศษอาจจะทำให้บางครอบครัวมีทางเลือกน้อยลง เพราะมันอาจเป็นสาเหตุให้โรงงานต้องปิดตัวลง จิม อะเบเลอร์ (Jim Abeler) สมาชิกวุฒิสภารัฐมินนิโซตาจากพรรครีพับลิกันกล่าว
“สำหรับผม ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการเลือกครับ” อะเบเลอร์ ผู้ที่ต่อต้านการยกเลิกค่าแรงขั้นต่ำแบบพิเศษกล่าว “ไม่มีใครควรจะถูกจำกัด ดังนั้น หากพวกเขาต้องการมีอิสระ เราก็ควรพยายามสนับสนุนพวกเขาในสิ่งนั้น”
อะเบเลอร์ กล่าวว่าเขาสนับสนุนความพยายามที่จะช่วยให้คนทำงานที่พิการสามารถเข้าสู่การจ้างงานแบบมีการแข่งขันได้ –– หากพวกเขาเลือกที่จะทำเช่นนั้น แต่เขากล่าวว่า นั่นไม่ใช่ตัวเลือกสำหรับทุกคน
เขากล่าวว่า สำหรับชาวมินนิโซตา 3,200 คน ที่ทำงานเพื่อแลกกับค่าแรงต่ำกว่าขั้นต่ำแบบพิเศษ อาจจะมีแค่เพียงไม่กี่ร้อยคนที่สามารถหางานในตลาดแรงงานหลักได้
“ดังนั้น อย่างน้อย ๆ จะมีอีก 2,500 คน ที่ต้องนั่งอยู่บ้านพยายามต่อจิ๊กซอว์หรือดูทีวี อะไรทำนองนั้น” เขากล่าว
ความกังวลที่คล้ายกันนี้ได้ช่วยทำให้กฎหมายของรัฐยูทาห์ที่อาจจะยกเลิกค่าแรงขั้นต่ำพิเศษต้องล้มเหลวไปเมื่อเดือน ม.ค. 2024 เนท คริพเพส (Nate Crippes) นักกฎหมายผู้กำกับดูแลกิจการสาธารณะประจำศูนย์กฎหมายคนพิการแห่งยูทาห์กล่าว เขากล่าวว่าช่วงเวลา 45 วัน ของการประชุมสภานิติบัญญัติของรัฐยูทาห์ทำให้การถกเถียงประเด็นนี้อย่างจริงจังเป็นเรื่องยาก
"ผมคิดว่าประเด็นนี้ควรมีการอภิปรายกันนานกว่าการแค่พูดว่า 'โอ้ แล้วสถานที่เหล่านี้จะเจ๊ง คนจะไม่มีที่ไปสิ'" เขากล่าว "เพราะผมไม่คิดว่าเหตุการณ์แบบนั้นจะเกิดขึ้น"
คริพเพส กล่าวว่าโปรแกรมกลางวันและบริการอื่น ๆ สำหรับผู้พิการจะยังคงมีอยู่ต่อไปแม้ว่า sheltered workshops จะถูกบังคับให้จ่ายค่าแรงขั้นต่ำ
"สิ่งที่คาใจผมคือค่าแรงขั้นต่ำของเราค่อนข้างต่ำอยู่แล้ว และมันไม่ใช่ค่าแรงที่พอเพียงต่อการดำรงชีพอยู่แล้วด้วยซ้ำ" เขากล่าว "แค่จะให้คนได้รับเงิน $7.25 ต่อชั่วโมงก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องที่เหลือบ่ากว่าแรง"
สกอต ฮิลตัน (Scott Hilton) สมาชิกสภานิติบัญญัติรัฐจอร์เจีย มองปัญหานี้ผ่านมุมมองของลูกชายวัย 14 ปี ของเขา ซึ่งเป็นดาวน์ซินโดรม
"เป้าหมายของผมสำหรับลูกคือผมต้องการให้เขาเป็นผู้เสียภาษี และกลับมาเป็นประโยชน์ เป็นผลดีต่อระบบที่จ่ายเงินจำนวนมาก เพื่อให้เขามีชีวิตเป็นพลเมืองที่มีความสุข สุขภาพแข็งแรง และมีประสิทธิผล" เขากล่าว
ฮิลตัน ซึ่งเป็นสมาชิกพรรครีพับลิกัน เป็นผู้ร่วมสนับสนุนร่างกฎหมายในสมัยประชุมนี้ ที่จะบังคับให้ sheltered workshops อีก 8 แห่งที่เหลือในรัฐจ่ายค่าแรงขั้นต่ำ ร่างกฎหมายได้รับการอนุมัติโดยสภานิติบัญญัติของรัฐ และกำลังรอการพิจารณาในวุฒิสภาของรัฐ
"การทำงานนำมาซึ่งความสุขให้พวกเราหลายคน" ฮิลตัน กล่าว "และนั่นคือสิ่งที่เราต้องการให้กับลูก ๆ ทุกคนของเรา –– งานที่มีความหมายและค่าจ้างที่เป็นธรรม"