เปิดตำนาน เทศกาลแห่งความสุข Merry Christmas

แสดงความคิดเห็น

ซานตาคลอส นำของขวัญมาให้

By พิมรินทร์

Merry Christmas เทศกาลแห่งความรื่นเริงในหมู่ชาวคริสต์ทั่วโลก เริ่มต้นขึ้นแล้วในวันที่25 ธันวาคม ของทุกๆ ปี ในช่วงฤดูหนาวที่ถูกปกคุลมไปด้วยหิมะ ซึ่งในวันนี้ครอบครัวชาวคริสต์ต่างพร้อมใจกัน ตกแต่งบ้านเรือนของตัวเองให้ดูสดใส มีชีวิตชีวา ด้วยต้นคริสต์มาสต์ที่ถูกประดับดาไว้อย่างสวยงาม พร้อมของขวัญกองโต ที่เหล่าสมาชิกในครอบครัวต่างตั้งใจนำมาแลกเปลี่ยนแบ่งปันความสุขให้แก่กัน และที่สำคัญเป็นวันที่เหล่าน้องๆ หนูๆ ต่างตั้งหน้าตั้งตารอคุณลุงซานตาคลอสผู้ใจดี์ที่จะนำของขวัญมาใส่ไว้ให้ในถุงเท้าคู่โตที่พวกเขาเตรียมเอาไว้ แต่จะมีใครทราบบ้างว่า วันคริสต์มาสที่เรารู้จักกันดีนี้ มีความเป็นมาอย่างไร และกลายมาเป็นวันที่คนทั่วโลกต่างให้ความสำคัญได้อย่างไร

Christmas มาจากภาษาอังกฤษโบราณคือคำว่า Christes Maesse แปลว่า บูชามิสซาของพระคริสตเจ้า โดยพบคำนี้ครั้งแรกในเอกสารโบราณในปี ค.ศ.1038 ภายหลังแปรเปลี่ยนมาเป็นคำว่า Christmas ซึ่งวันคริสต์มาส คือ การฉลองวันประสูติของพระเยซูผู้เป็นศาสดาสูงสุดของชาวคริสต์ทั่วโลก ตามหลักฐานในพระคัมภีร์ไบเบิ้ลบันทึกไว้ว่า พระเยซูประสูติในสมัยจักรพรรดิซีซ่าร์ ออกัสตัส แห่งโรมัน อย่างไรก็ตามในพระคัมภีร์ไม่ได้ระบุว่า พระเยซูประสูติวันหรือเดือนอะไร แต่สาเหตุที่ใช้วันที่ 25 ของทุกปี เป็นวันคล้ายวันประสูติของพระเยซูนั้น นักประวัติศาสตร์วิเคราะห์ว่า เดิมทีวันที่ 25 ธันวาคม เป็นวันที่จักรพรรดิเอาเรเลียนแห่งโรมัน กำหนดให้เป็นวันฉลองวันเกิดของสุริยเทพ ตั้งแต่ปี ค.ศ.274 แต่ชาวคริสต์ที่อยู่ในจักรวรรดิโรมัน รวมถึงชาวโรมันที่เปลี่ยนไปนับถือศาสนาคริสต์อึดอัดใจที่จะฉลองวันเกิดของสุริยเทพ จึงหันมาฉลองการบังเกิดของพระเยซูเจ้าแทน แต่ด้วยชาวคริสต์สมัยนั้นได้ถูกควบคุมเสรีภาพทางศาสนา จนถึงวันที่ 25 ธันวาคม ค.ศ.330 ชาวคริสต์จึงได้เริ่มฉลองวันคริสต์มาสต์อย่างเป็นทางการและเปิดเผยนับจากนั้นเป็นต้นมา จนกลายเป็นเทศกาลที่สำคัญของชาวคริสต์ทั่วโลกมาจนถึงทุกวันนี้

ต้นคริสต์มาส

เมื่อพูดถึงวันคริสต์มาสหากไม่พูดถึง “ซานตาคลอส" คุณลุงผู้ใจดีและเป็นขวัญใจของเหล่าเด็กๆ ทั่วโลกคงจะไม่ได้ ตำนานเกี่ยวกับซานตาคลอสได้เริ่มถูกเล่าขานขึ้นในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 4 มีเด็กชายคนหนึ่งเกิดในหมู่บ้านไมรา ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างเกาะโรดส์กับไซปรัส แต่ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นหมู่บ้านเดมรี มีบ้านเรือนตั้งเรียงรายบนสันทรายใกล้ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน

เด็กชายผู้เกิดในหมู่บ้านเล็ก ๆ มีชื่อว่า "นิโคลัส" ชีวิตของเขาอยู่บนกองเงินกองทอง เพราะพ่อแม่มีฐานะร่ำรวย ต่อมาไม่นานพ่อแม่ก็ถึงแก่กรรม ทรัพย์สินทุกอย่างจึงตกเป็นของบุตรชาย แต่ด้วยนิโคลัสเป็นคนที่มีอุปนิสัยโอบอ้อมอารีต่อคนยากคนจน เขาจึงชอบแจกสมบัติช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยากจน ครั้นมีครอบครัวของชายชราผู้ไร้ซึ่งเงินทองครอบครัวหนึ่ง กำลังมีปัญหาด้วยบุตรสาวทั้งสามต้องการแต่งงาน แต่ไม่มีเงินจัดพิธีให้สมเกียรติ ครอบครัวนี้จึงตกอยู่ในความทุกข์ แต่เมื่อนิโคลัสทราบข่าว จึงนำทองคำใส่ถุง 2 ถุง แอบย่องเข้าไปวางไว้ในบ้านของชายยากจนยามดึกสงัด ทำให้ 2 สาวได้จัดพิธีแต่งงานได้อย่างใหญ่โตสมความปรารถนา ต่อมาก็ถึงเวลาของบุตรสาวคนสุดท้องนิโคลัสก็นำถุงทองแอบมาหย่อนลงทางปล่องไฟในยามราตรีเช่นกัน จนทำให้นิโคลัสกลายเป็นที่ยกย่องของผู้คน ต่อมาชาวดัตช์บางกลุ่มได้อพยพมาอยู่ในอเมริกาและได้นำความศรัทธาในนักบุญนิโคลัสติดมาด้วย และในที่สุดก็ได้มีการดัดแปลงผสมผสานเข้ากับความเชื่อถือของชาวอเมริกันและเชื้อสายอื่นๆ ทางแถบตะวันออกของอเมริกา ดังนั้นตำนานเซนต์โคลัส จึงได้นำมาผูกโยงกับการเฉลิมฉลองเทศกาลคริสต์มาสต์ ซึ่งได้ขนานนามเขาว่า "ซินเตอร์คลาส" ต่อมาได้กร่อนกลายเป็น "ซานตาคลอส" และได้ถูกอุปมาให้เป็นบุคคลที่มาพร้อมกับความรัก ความเมตตากรุณา และความสดใสร่าเริงด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตร โดยมีบทบาทและหน้าที่สำคัญกับการแจกของขวัญให้กับเด็กๆ ในตอนเช้าตรู่ของทุกวันคริสต์มาสต์

จากพฤติกรรมของนิโคลัส เป็นสาเหตุให้พ่อแม่ของเด็กๆ ในสมัยต่อมา แอบนำของขวัญมาวางไว้ที่เตียงนอนของลูกๆ ในตอนกลางคืน ยามที่พวกเขาหลับสนิท แล้วบอกว่าซานตาคลอสนำของขวัญมามอบให้ จนกลายเป็นพฤติกรรมเลียนแบบที่ยกย่องซานตาคลอสให้ฝังอยู่ในจิตสำนึกของเด็กๆ สืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน

และนี่ก็คือ ตำนานความเป็นมาของกำเนิดซานตาคลอส นั่นเอง ทั้งนี้ภาพซานตาคลอสที่ผู้คนทั่วโลกรู้จัก คือ ชายแก่ใจดี หนวดเคราขาว พุงพลุ้ย ใส่โค้ทตัวหนาสีแดงขลิบขาว หอบข้าวของในถุงใบโตพะรุงพะรังที่เราคุ้นเคยกันนั้น เป็นฝีมือการวาดของนักเขียนการ์ตูนชื่อดังชาวอเมริกัน ที่ชื่อว่า "โธมัส แนสท์" ซึ่งประมวลมาจากข้อมูลทางประวัติศาสตร์ผสมผสานกับจินตนาการส่วนตัว และภาพแรกของซานตาคลอสนี้ได้ปรากฏเป็นครั้งแรกในนิตยสาร harper's illustrated weekly ปี พ.ศ.1863 และกลายเป็นภาพลักษณ์ของซานตาคลอส มาจนถึงทุกวันนี้

เด้กเล็กกับของขวัญ

อีกหนึ่งสิ่งที่ขาดเสียมิได้ในวันคริสต์มาส คือ ต้นคริสต์มาส หรือต้นสนที่นำมาประดับประดาด้วยดวงไฟหลากสีสัน สัญลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของวันคริสต์มาส ในสมัยโบราณ "ต้นคริสต์มาส" หมายถึง ต้นไม้ในสวนสวรรค์ ซึ่งอาดัมและเอวาไปหยิบผลไม้มากินและทำบาป ไม่เชื่อฟังพระเจ้า ซึ่งในศตวรรษที่ 11 ชาวคริสต์ได้ทำการแสดงละคร ถึงความหมายของคริสต์มาส และได้นำต้นไม้ต้นหนึ่งไว้ตรงกลางเพื่อประดับฉาก แสดงถึงบาปของอาดัมและเอวา ต้นไม้ที่ใช้เป็นต้นสน เนื่องจากเป็นต้นไม้ที่หาง่ายที่สุดในประเทศเหล่านั้น และได้ทำการแสดงเรื่อยมา จนถึงศตวรรษที่ 15 พระสังฆราชหลายแห่งได้สั่งห้ามแสดง เนื่องจากการแสดงนั้นกลายเป็นการเล่นเหมือนลิเก ล้อชาวบ้าน ผู้ปกครองบ้านเมืองและศาสนา ซึ่งชาวบ้านต่างรู้สึกเสียดาย ที่จะไม่มีโอกาสดูละครสนุกๆ แบบนั้นอีก จึงนำความประทับใจและความสนุกเหล่านั้นมาจัดกันที่บ้านเรือนของตนเอง ด้วยการนำต้นไม้มาไว้ที่บ้าน หลังจากนั้นจึงเริ่มมีการประดับประดาตกแต่งต้นไม้ของตัวเองด้วยการแขวนลูกแอปเปิ้ล ขนมและของขวัญกล่องเล็กกล่องน้อยอย่างที่เห็นอยู่ทุกวันนี้

นอกจากนั้น ชาวเยอรมันยังมีประเพณีอีกอย่างหนึ่งคือ มีการจุดเทียนหลายเล่มเป็นรูปปิรามิด ไว้ตลอดคืนคริสต์มาส โดยมีดาวดวงโตเป็นยอดปิรามิด ซึ่งประเพณีที่จะแขวนของขวัญและขนมก็ได้รวมกับประเพณีของชาวเยอรมันนี้ไว้ด้วยกัน มาตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 โดยเอาเทียนมาไว้ที่ต้นไม้เป็นรูปทรงปิรามิด ซึ่งนี่เป็นที่มาของประเพณีปัจจุบันที่มีการแขวนของขวัญ และไฟกระพริบไว้ที่ต้นคริสต์มาส และมีดาวไว้ที่สุดยอด ซึ่งเป็นที่นิยมชมชอบของชาวตะวันตกจวบจนปัจจุบัน เพราะเห็นว่าพระเยซูเปรียบเสมือนต้นไม้แห่งชีวิตที่เขียวสดเสมอในทุกฤดูกาล ซึ่งหมายถึงนิรันดรภาพของพระเยซู และนอกจากนั้นยังหมายถึงความสว่างของพระองค์ เสมือนแสงเทียนที่ส่องในความมืด ทั้งยังหมายถึงความชื่นชมยินดีและความสามัคคีที่พระเยซูประทานให้ และเมื่อเรื่องราวต่างๆ ที่มาจากคนละหนแห่งได้ถูกนำมาผูกโยงเป็นเรื่องราวเดียวกัน จนมีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน เทศกาลคริสต์มาส จึงกลายเป็นเทศกาลแห่งความสุข ที่มีแต่ความสดใส รื่นเริง และเต็มไปด้วยร้อยยิ้มที่ทุกคนต่างพร้อมแบ่งปันความสุขกันในวันนี้MerryChristmas

ขอบคุณ... http://www.phuketbulletin.co.th/Culture/view.php?id=265

ที่มา: phuketbulletin.co.thออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 23 ธ.ค.58
วันที่โพสต์: 24/12/2558 เวลา 11:29:35 ดูภาพสไลด์โชว์ เปิดตำนาน เทศกาลแห่งความสุข Merry Christmas

แสดงความคิดเห็น

รอตรวจสอบ
จัดฟอร์แม็ต ดูการแสดงผล

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

ยกเลิก

รายละเอียดกระทู้

ซานตาคลอส นำของขวัญมาให้ By พิมรินทร์ Merry Christmas เทศกาลแห่งความรื่นเริงในหมู่ชาวคริสต์ทั่วโลก เริ่มต้นขึ้นแล้วในวันที่25 ธันวาคม ของทุกๆ ปี ในช่วงฤดูหนาวที่ถูกปกคุลมไปด้วยหิมะ ซึ่งในวันนี้ครอบครัวชาวคริสต์ต่างพร้อมใจกัน ตกแต่งบ้านเรือนของตัวเองให้ดูสดใส มีชีวิตชีวา ด้วยต้นคริสต์มาสต์ที่ถูกประดับดาไว้อย่างสวยงาม พร้อมของขวัญกองโต ที่เหล่าสมาชิกในครอบครัวต่างตั้งใจนำมาแลกเปลี่ยนแบ่งปันความสุขให้แก่กัน และที่สำคัญเป็นวันที่เหล่าน้องๆ หนูๆ ต่างตั้งหน้าตั้งตารอคุณลุงซานตาคลอสผู้ใจดี์ที่จะนำของขวัญมาใส่ไว้ให้ในถุงเท้าคู่โตที่พวกเขาเตรียมเอาไว้ แต่จะมีใครทราบบ้างว่า วันคริสต์มาสที่เรารู้จักกันดีนี้ มีความเป็นมาอย่างไร และกลายมาเป็นวันที่คนทั่วโลกต่างให้ความสำคัญได้อย่างไร Christmas มาจากภาษาอังกฤษโบราณคือคำว่า Christes Maesse แปลว่า บูชามิสซาของพระคริสตเจ้า โดยพบคำนี้ครั้งแรกในเอกสารโบราณในปี ค.ศ.1038 ภายหลังแปรเปลี่ยนมาเป็นคำว่า Christmas ซึ่งวันคริสต์มาส คือ การฉลองวันประสูติของพระเยซูผู้เป็นศาสดาสูงสุดของชาวคริสต์ทั่วโลก ตามหลักฐานในพระคัมภีร์ไบเบิ้ลบันทึกไว้ว่า พระเยซูประสูติในสมัยจักรพรรดิซีซ่าร์ ออกัสตัส แห่งโรมัน อย่างไรก็ตามในพระคัมภีร์ไม่ได้ระบุว่า พระเยซูประสูติวันหรือเดือนอะไร แต่สาเหตุที่ใช้วันที่ 25 ของทุกปี เป็นวันคล้ายวันประสูติของพระเยซูนั้น นักประวัติศาสตร์วิเคราะห์ว่า เดิมทีวันที่ 25 ธันวาคม เป็นวันที่จักรพรรดิเอาเรเลียนแห่งโรมัน กำหนดให้เป็นวันฉลองวันเกิดของสุริยเทพ ตั้งแต่ปี ค.ศ.274 แต่ชาวคริสต์ที่อยู่ในจักรวรรดิโรมัน รวมถึงชาวโรมันที่เปลี่ยนไปนับถือศาสนาคริสต์อึดอัดใจที่จะฉลองวันเกิดของสุริยเทพ จึงหันมาฉลองการบังเกิดของพระเยซูเจ้าแทน แต่ด้วยชาวคริสต์สมัยนั้นได้ถูกควบคุมเสรีภาพทางศาสนา จนถึงวันที่ 25 ธันวาคม ค.ศ.330 ชาวคริสต์จึงได้เริ่มฉลองวันคริสต์มาสต์อย่างเป็นทางการและเปิดเผยนับจากนั้นเป็นต้นมา จนกลายเป็นเทศกาลที่สำคัญของชาวคริสต์ทั่วโลกมาจนถึงทุกวันนี้ ต้นคริสต์มาส เมื่อพูดถึงวันคริสต์มาสหากไม่พูดถึง “ซานตาคลอส" คุณลุงผู้ใจดีและเป็นขวัญใจของเหล่าเด็กๆ ทั่วโลกคงจะไม่ได้ ตำนานเกี่ยวกับซานตาคลอสได้เริ่มถูกเล่าขานขึ้นในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 4 มีเด็กชายคนหนึ่งเกิดในหมู่บ้านไมรา ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างเกาะโรดส์กับไซปรัส แต่ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นหมู่บ้านเดมรี มีบ้านเรือนตั้งเรียงรายบนสันทรายใกล้ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เด็กชายผู้เกิดในหมู่บ้านเล็ก ๆ มีชื่อว่า "นิโคลัส" ชีวิตของเขาอยู่บนกองเงินกองทอง เพราะพ่อแม่มีฐานะร่ำรวย ต่อมาไม่นานพ่อแม่ก็ถึงแก่กรรม ทรัพย์สินทุกอย่างจึงตกเป็นของบุตรชาย แต่ด้วยนิโคลัสเป็นคนที่มีอุปนิสัยโอบอ้อมอารีต่อคนยากคนจน เขาจึงชอบแจกสมบัติช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยากจน ครั้นมีครอบครัวของชายชราผู้ไร้ซึ่งเงินทองครอบครัวหนึ่ง กำลังมีปัญหาด้วยบุตรสาวทั้งสามต้องการแต่งงาน แต่ไม่มีเงินจัดพิธีให้สมเกียรติ ครอบครัวนี้จึงตกอยู่ในความทุกข์ แต่เมื่อนิโคลัสทราบข่าว จึงนำทองคำใส่ถุง 2 ถุง แอบย่องเข้าไปวางไว้ในบ้านของชายยากจนยามดึกสงัด ทำให้ 2 สาวได้จัดพิธีแต่งงานได้อย่างใหญ่โตสมความปรารถนา ต่อมาก็ถึงเวลาของบุตรสาวคนสุดท้องนิโคลัสก็นำถุงทองแอบมาหย่อนลงทางปล่องไฟในยามราตรีเช่นกัน จนทำให้นิโคลัสกลายเป็นที่ยกย่องของผู้คน ต่อมาชาวดัตช์บางกลุ่มได้อพยพมาอยู่ในอเมริกาและได้นำความศรัทธาในนักบุญนิโคลัสติดมาด้วย และในที่สุดก็ได้มีการดัดแปลงผสมผสานเข้ากับความเชื่อถือของชาวอเมริกันและเชื้อสายอื่นๆ ทางแถบตะวันออกของอเมริกา ดังนั้นตำนานเซนต์โคลัส จึงได้นำมาผูกโยงกับการเฉลิมฉลองเทศกาลคริสต์มาสต์ ซึ่งได้ขนานนามเขาว่า "ซินเตอร์คลาส" ต่อมาได้กร่อนกลายเป็น "ซานตาคลอส" และได้ถูกอุปมาให้เป็นบุคคลที่มาพร้อมกับความรัก ความเมตตากรุณา และความสดใสร่าเริงด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตร โดยมีบทบาทและหน้าที่สำคัญกับการแจกของขวัญให้กับเด็กๆ ในตอนเช้าตรู่ของทุกวันคริสต์มาสต์ จากพฤติกรรมของนิโคลัส เป็นสาเหตุให้พ่อแม่ของเด็กๆ ในสมัยต่อมา แอบนำของขวัญมาวางไว้ที่เตียงนอนของลูกๆ ในตอนกลางคืน ยามที่พวกเขาหลับสนิท แล้วบอกว่าซานตาคลอสนำของขวัญมามอบให้ จนกลายเป็นพฤติกรรมเลียนแบบที่ยกย่องซานตาคลอสให้ฝังอยู่ในจิตสำนึกของเด็กๆ สืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน และนี่ก็คือ ตำนานความเป็นมาของกำเนิดซานตาคลอส นั่นเอง ทั้งนี้ภาพซานตาคลอสที่ผู้คนทั่วโลกรู้จัก คือ ชายแก่ใจดี หนวดเคราขาว พุงพลุ้ย ใส่โค้ทตัวหนาสีแดงขลิบขาว หอบข้าวของในถุงใบโตพะรุงพะรังที่เราคุ้นเคยกันนั้น เป็นฝีมือการวาดของนักเขียนการ์ตูนชื่อดังชาวอเมริกัน ที่ชื่อว่า "โธมัส แนสท์" ซึ่งประมวลมาจากข้อมูลทางประวัติศาสตร์ผสมผสานกับจินตนาการส่วนตัว และภาพแรกของซานตาคลอสนี้ได้ปรากฏเป็นครั้งแรกในนิตยสาร harper's illustrated weekly ปี พ.ศ.1863 และกลายเป็นภาพลักษณ์ของซานตาคลอส มาจนถึงทุกวันนี้ เด้กเล็กกับของขวัญ อีกหนึ่งสิ่งที่ขาดเสียมิได้ในวันคริสต์มาส คือ ต้นคริสต์มาส หรือต้นสนที่นำมาประดับประดาด้วยดวงไฟหลากสีสัน สัญลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของวันคริสต์มาส ในสมัยโบราณ "ต้นคริสต์มาส" หมายถึง ต้นไม้ในสวนสวรรค์ ซึ่งอาดัมและเอวาไปหยิบผลไม้มากินและทำบาป ไม่เชื่อฟังพระเจ้า ซึ่งในศตวรรษที่ 11 ชาวคริสต์ได้ทำการแสดงละคร ถึงความหมายของคริสต์มาส และได้นำต้นไม้ต้นหนึ่งไว้ตรงกลางเพื่อประดับฉาก แสดงถึงบาปของอาดัมและเอวา ต้นไม้ที่ใช้เป็นต้นสน เนื่องจากเป็นต้นไม้ที่หาง่ายที่สุดในประเทศเหล่านั้น และได้ทำการแสดงเรื่อยมา จนถึงศตวรรษที่ 15 พระสังฆราชหลายแห่งได้สั่งห้ามแสดง เนื่องจากการแสดงนั้นกลายเป็นการเล่นเหมือนลิเก ล้อชาวบ้าน ผู้ปกครองบ้านเมืองและศาสนา ซึ่งชาวบ้านต่างรู้สึกเสียดาย ที่จะไม่มีโอกาสดูละครสนุกๆ แบบนั้นอีก จึงนำความประทับใจและความสนุกเหล่านั้นมาจัดกันที่บ้านเรือนของตนเอง ด้วยการนำต้นไม้มาไว้ที่บ้าน หลังจากนั้นจึงเริ่มมีการประดับประดาตกแต่งต้นไม้ของตัวเองด้วยการแขวนลูกแอปเปิ้ล ขนมและของขวัญกล่องเล็กกล่องน้อยอย่างที่เห็นอยู่ทุกวันนี้ นอกจากนั้น ชาวเยอรมันยังมีประเพณีอีกอย่างหนึ่งคือ มีการจุดเทียนหลายเล่มเป็นรูปปิรามิด ไว้ตลอดคืนคริสต์มาส โดยมีดาวดวงโตเป็นยอดปิรามิด ซึ่งประเพณีที่จะแขวนของขวัญและขนมก็ได้รวมกับประเพณีของชาวเยอรมันนี้ไว้ด้วยกัน มาตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 โดยเอาเทียนมาไว้ที่ต้นไม้เป็นรูปทรงปิรามิด ซึ่งนี่เป็นที่มาของประเพณีปัจจุบันที่มีการแขวนของขวัญ และไฟกระพริบไว้ที่ต้นคริสต์มาส และมีดาวไว้ที่สุดยอด ซึ่งเป็นที่นิยมชมชอบของชาวตะวันตกจวบจนปัจจุบัน เพราะเห็นว่าพระเยซูเปรียบเสมือนต้นไม้แห่งชีวิตที่เขียวสดเสมอในทุกฤดูกาล ซึ่งหมายถึงนิรันดรภาพของพระเยซู และนอกจากนั้นยังหมายถึงความสว่างของพระองค์ เสมือนแสงเทียนที่ส่องในความมืด ทั้งยังหมายถึงความชื่นชมยินดีและความสามัคคีที่พระเยซูประทานให้ และเมื่อเรื่องราวต่างๆ ที่มาจากคนละหนแห่งได้ถูกนำมาผูกโยงเป็นเรื่องราวเดียวกัน จนมีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน เทศกาลคริสต์มาส จึงกลายเป็นเทศกาลแห่งความสุข ที่มีแต่ความสดใส รื่นเริง และเต็มไปด้วยร้อยยิ้มที่ทุกคนต่างพร้อมแบ่งปันความสุขกันในวันนี้MerryChristmas ขอบคุณ... http://www.phuketbulletin.co.th/Culture/view.php?id=265

จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย

  1. เพิ่ม
  2. เพิ่ม ลบ
  3. เพิ่ม ลบ
  4. เพิ่ม ลบ
  5. เพิ่ม ลบ
  6. เพิ่ม ลบ
  7. เพิ่ม ลบ
  8. เพิ่ม ลบ
  9. เพิ่ม ลบ
  10. ลบ
เลือกการตกแต่งที่ต้องการ

ตกลง ยกเลิก

รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)

Waiting...

ค้นหาข้อมูลในห้องสมุด