ชลประทานสุราษฎร์ฯเร่งผลักดันน้ำออกทะเลให้ทันก่อนฝนตกระลอกใหม่

ชลประทานสุราษฎร์ฯเร่งผลักดันน้ำออกทะเลให้ทันก่อนฝนตกระลอกใหม่

วันที่ 16 มกราคม นายวีระ คงทอง ผอ.โครงการชลประทานจังหวัดสุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า กรมชลประทานได้เฝ้าติดตามลุ่มแม่น้ำตาปีในพื้นที่น้ำท่วม อ.พระแสง เคียนซา และ อ.พุนพิน โดยพบว่าที่ อ.พระแสง น้ำลดลงตลิ่งแล้ว ส่วนที่ อ.เคียนซา ยังล้นตลิ่งที่ 1.50 เมตร มีแนวโน้มลดไหลบ่าลงพื้นที่ตอนล่าง ซึ่งมวลน้ำก้อนใหญ่ไหลมาพื้นที่ อ.พุนพิน ได้มีการเร่งผลักดันแม่น้ำตาปีออกทะเล โดยเรือผลักดันน้ำกองทัพเรือที่สะพานจุลจอมเกล้า 2 เทศบาลเมืองท่าข้าม 16 เครื่อง ที่สะพานคลองพุนพิน ต.ศรีวิชัย 10 เครื่อง และกรมชลประทานอีก 6 เครื่อง ที่สะพานคลองบางกล้วย ต.บางใบไม้ อ.เมืองสุราษฎร์ธานี รวม 32 เครื่อง เร่งดันน้ำผ่านคลองพุนพินออกอ่าวไทย

นายวีระกล่าวว่า เร่งระบายน้ำได้วันละ 80 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยมีน้ำค้างทุ่งอยู่ 500 ล้านลูกบาศก์เมตร คาดว่าอีก 1-2 วัน พื้นที่ อ.พระแสง จะเข้าสู่สภาวะปกติ ส่วน อ.เคียนซา น้ำจะลดสู่สภาวะปกติในวันที่ 20 ม.ค.เวลา 23.00 น. และเหลือที่ อ.พุนพิน ท่วมสูง 1-1.50 เมตร ในพื้นที่ ต.ท่าข้าม ต.เขาหัวควาย ต.กรูด ต.ท่าสะท้อน การระบายน้ำต้องรีบผลักดันในช่วงน้ำลงและไม่มีน้ำทะเลหนุน

“ขณะนี้แนวโน้มน้ำลดลงถ้าไม่มีฝนตกลงมากในพื้นที่ลุ่มน้ำตาปี โดยคาดว่าวันที่ 18 ม.ค.ฝนจะหนักในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี แต่หากไม่เกิน 100 มิลลิเมตร มั่นใจว่าจะไม่ท่วมเขตพื้นที่เศรษฐกิจเทศบาลเมืองท่าข้ามอย่างแน่นอน จะมีแต่ในพื้นที่ลุ่ม ซึ่งจะต้องเร่งพร่องน้ำที่มีอยู่นี้ออกไปก่อนให้ทันรับมือ” นายวีระกล่าว

ด้านนายทนงศักดิ์ ทวีทอง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้นำข้าวสารและถุงยังชีพไปมอบช่วยเหลือแรงงานชาวพม่าไร้ญาติประมาณ 60 คนที่อพยพหนีน้ำขึ้นมาพักอาศัยที่ศูนย์บริการผู้สูงอายุ ต.ท่าสะท้อน อ.พุนพิน

นายทนงศักดิ์กล่าวว่า ขณะนี้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดทั้ง อบจ. เทศบาล และ อบต.ได้ระดมรถแบ๊กโฮ เครื่องจักรกลหนัก รถน้ำ และเครื่องมือต่างๆ กันเองมาแบ่งพื้นที่เข้าไปช่วยเหลือซ่อมถนน สะพานและล้างโคลนตามบ้าน โรงเรียน เพื่อเปิดเส้นทางให้ประชาชนเข้าออกและเข้าไปช่วยเหลือได้ ซึ่งขอวิงวอนให้กระทรวงมหาดไทยได้มีคำสั่งเปิดทางให้ อบจ.และเทศบาลจังหวัดต่างๆนำเครื่องมือเข้ามาช่วยพื้นที่ประสบภัยได้ เพื่อให้ช่วยเหลือรวดเร็ว เพราะระเบียบที่มีอยู่ติดขัดมาก

ด้านเจ้าหน้าที่สำนักศิลปากรที่ 14 นครศรีธรรมราช ได้ไปสำรวจความเสียหายยอดพระบรมธาตุไชยา ที่วัดพระธาตุไชยาวรวิหาร อ.ไชยา หลังจากได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมรอบองค์พระธาตุ และในวิหารหลวง สูง 50-60 เซนติเมตร หลังมีการเร่งสูบน้ำระบายออกภายใน 36 ชั่วโมง เบื้องต้นพบว่า ส่วนฐานขององค์พระธาตุไม่มีความเสียหายมีเพียงคราบตะไคร่ดำจากความชื้น ได้ทำความสะอาดคราบน้ำแล้ว ส่วนพรมปูพื้นภายในวิหารถูกน้ำท่วมเสียหาย ซึ่งถือว่าองค์พระธาตุยังสมบูรณ์

ขณะที่นายเจริญศักดิ์ วงศ์สุวรรณ นายอำเภอไชยา กล่าวว่า ขณะนี้มีประชาชนมากราบไหว้พระบรมธาตุไชยาทุกวัน สำหรับพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติไชยา ได้รับผลกระทบจากน้ำเข้าท่วมในอาคารแสดงโบราณวัตถุ สูง 30-50 เซนติเมตร ทำให้ฐานของตู้จัดแสดงได้รับความเสียหายและหนังสือบางส่วนเสียหาย แต่วัตถุโบราณทั้งหมดไม่ถูกน้ำท่วม

ขอบคุณ... https://www.technologychaoban.com/bullet-news-today/article_10574

ที่มา: เทคโนโลยีชาวบ้านออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 17 ม.ค.60
วันที่โพสต์: 17/01/2560 เวลา 10:00:51 ดูภาพสไลด์โชว์ ชลประทานสุราษฎร์ฯเร่งผลักดันน้ำออกทะเลให้ทันก่อนฝนตกระลอกใหม่