ปักธงธรรม: อีกหนึ่งก้าว...สู่ความสำเร็จ ด้วยขันติธรรม!!

แสดงความคิดเห็น

หลักธรรมสำหรับผู้ปกครอง ที่จะนำพาสังคมประเทศชาติไปสู่ ความเจริญและสันติสุข ได้แก่ ๑.ต้องพิทักษ์ปกป้องคุ้มครองประชาชน ผู้อยู่ใต้ปกครองอย่างเสมอกัน ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง ๒.จะต้องมีหิริโอตตัปปะ (ความสะดุ้งกลัว-ความเกรงกลัวต่อบาป) สามารถดำเนินการตัดสินข้อพิพาทของประชาชนได้อย่างเที่ยงธรรม ๓.ไม่ขูดรีด ฉ้อโกง เอารัดเอาเปรียบประชาชน. ๔.จะต้องมีกองทุนสวัสดิการดูแลประชาชนอย่างพอควร ตามฐานะและวัย เช่น มีกองทุนสงเคราะห์ผู้สูงอายุ ไม่ทอดทิ้งแม้ในยามแก่เฒ่า ฯลฯ ๕.ไม่ควรมุ่งจัดเก็บภาษีอากรเกินความจำเป็น จนเป็นภาระของประชาชนที่หนักเกินไป ๖.ควรสนับสนุนช่วยเหลือกิจการของประชาชนในการประกอบสัมมาอาชีวะ ให้เกิดประโยชน์สุด เพื่อประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ ไม่มุ่งหวังหาประโยชน์จากประชาชน ๗.ควรมีสวัสดิการ กองทุนเพื่อดูแลข้าราชการให้ได้รับความสุขสบาย แม้ในวัยเกษียณแล้ว... ๘.ผู้ปกครองควรตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ควรคำนึงถึงสิ่งที่ถูกต้องชอบธรรมเป็นเกณฑ์ ๙.จะต้องส่งเสริม สนับสนุน เลี้ยงดู สมณพราหมณ์ ปราชญ์บัณฑิต นักวิชาการ ผู้ทรงคุณธรรมเสมอ และ ๑๐.จะต้องรู้จักพิจารณาตอบแทนให้บำเหน็จแก่ผู้กระทำความดี ความชอบ ตามควรแก่กิจที่เขาทำ

ขอเจริญพรสาธุชนผู้มีศรัทธามั่นคงในพระพุทธศาสนา ในห้วงเวลาที่เกิดสุญญากาศของ อำนาจปกครองในแผ่นดินที่ถูกต้องโดยธรรม...จึงเห็นภาพความเดือดร้อนของประชาชนทุกหมู่เหล่า...ที่ได้แสดงออกมาตามฐานะ หน้าที่ และสิทธิ์อันพึงควร ภายใต้ หลักความจริง... ยามนี้เราจึงเห็นความมีอยู่จริงของความทุกข์ ที่ประกอบอยู่ในชีวิตแห่งสัตว์ทั้งหลาย โดยมิได้เลือกที่รักมักที่ชัง สัตว์ทั้งหลายจึงเร่าร้อน เดือดเนื้อร้อนใจด้วย ไฟทุกข์ที่ลุกไหม้อยู่ในชีวิตที่ดำเนินอยู่อย่างถ้วนหน้า ไม่ว่าจะยืนอยู่ฟากฝ่ายใดในสังคมที่อุดมไปด้วยความทุกข์...

... ไม่น่ายินดีเลยกับภาพที่ประชาชนผู้บริสุทธิ์ ถูกยิงถูกทุบตี...ถูกปาระเบิดใส่...หลายชีวิตที่ล้มตายเลือดนองแผ่นดิน หลายชีวิตบาดเจ็บสาหัสจนถึงขั้นพิกลพิการ ซึ่งเกิดจากการกระทำของสัตว์ทุกข์ที่อาศัยแผ่นดินเดียวกัน...... ไม่น่ายินดีเลยกับภาพประชาชนผู้บริสุทธิ์ ต้องทิ้งบ้านทิ้งเรือน ละจากเรือกสวนไร่นา กิจการงานเมือง เพื่อมานั่งนอนประท้วงอยู่บนท้องถนน ที่อุดมไปด้วยความยากลำบากทั้งกลางวัน-กลางคืน เพื่อหวังให้ได้มาซึ่งความชอบธรรม...... ไม่น่ายินดีเลยต่อภาพ ชาวไร่-ชาวนาที่มีใบหน้าเศร้าหมอง นุ่งห่มด้วยเสื้อผ้าเก่าๆ ที่แข็งใจลุกออกมาเพื่อแสดงความรู้สึกว่า ฉันก็เป็นคนเหมือนกัน!...อย่าขูดรีด...อย่าฉ้อโกง...อย่ากดขี่ข่มเหงกันเลย! ... ไม่น่ายินดีเลยต่อภาพของคนเถื่อน สมุน คนพาล ถือไม้...ถือมีดดาบ ไล่ทุบตี...ไล่ฟัน...ใช้อาวุธปืนไล่ยิงสาดกระสุนใส่ประชาชนที่มีฐานะความ เป็นคนเช่นเดียวกัน ... ไม่น่ายินดีเลยต่อภาพที่วิ่งไล่ทุบตีกันของหมู่ชน เสียงระเบิดที่ดังกึกก้องพร้อมเสียงร้องครวญครางระงมไปทั่วของผู้บาด เจ็บ...และเสียงร้องไห้โศกาอาดูรของญาติ มิตรที่ได้พบเห็นบุคคลผู้เป็นที่รักได้ตายไป ... ไม่น่ายินดีเลยกับ การใช้อำนาจเถื่อนที่ได้มาด้วยความมิชอบธรรม เพื่อคุกคาม ข่มขู่ รุกราน และทำลายประชาชน...การพูดใส่ร้าย...ใส่เท็จ ประชาชนผู้บริสุทธิ์ไปวันๆ โดยมิรู้จักความละอายต่อบาปกรรม...ไม่เกรงกลัวต่อเวรกรรม ... ไม่น่ายินดีเลย เมื่อชนกลุ่มผู้มีอำนาจอยู่ในมือ ใช้อำนาจอย่างไร้ การุณยธรรม ต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ ที่เพียงแค่มีความเห็นต่างกัน และไม่ยอมรับอำนาจที่ไม่ถูกต้อง...... ไม่น่ายินดีเลย ในภาพของผู้มีบทบาทหน้าที่ เพื่อพิทักษ์ชาติ-ปกป้องดูแลให้ความสุขแก่ประชาชน แต่กลับเมินเฉยอย่างนิ่งสงบ ด้วยความหวาดกลัว...ความเห็นแก่ตัว...การสนับสนุนให้คนพาล...ทุรชน ทำร้าย เข่นฆ่าประชาชน แม้กลางวันแสกๆ...... ไม่น่ายินดีเลยกับความไร้จิตวิญญาณที่มีธรรมของชนชั้นผู้มีอำนาจ ที่มุ่งแสดงออกเพียงเพื่อความประสงค์เพื่อประโยชน์แห่งตน มากกว่าประโยชน์ของประ ชาชน...ประเทศชาติเป็นสำคัญ... ไม่น่ายินดีเลยกับ ภาพลักษณ์ชนชั้นนำที่มุ่งเสพสุข จนลืมความทุกข์ของแผ่น ดิน จนสิ้นความใส่ใจในความทุกข์ร้อนของประเทศชาติ...ไม่เดือดเนื้อร้อนใจต่อการ นำพาสังคมประเทศชาติไปในทางที่เสื่อมของบางหมู่ชน...

.. น่ารังเกียจอย่างยิ่งต่อผู้ใช้อำนาจของประชาชนไปในทางทุจริต... โลภโมโทสัน มากไปด้วยอคติธรรม ไร้พรหมวิหารธรรม คบค้ากับอำนาจเถื่อนเพื่อแสวงหาประโยชน์ให้กับตนและคณะ แม้จะทำลายแผ่นดินบ้านเกิดเมืองนอน ก็กล้าหาญกระทำ อย่างไม่เกรงกลัวต่อบาปกรรมใดๆ... และน่ารังเกียจอย่างยิ่งต่อผู้มีบทบาทหน้าที่ซึ่งมีอำนาจในการกระทำ กลับไม่ ใช้อำนาจไปในทางที่ให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชนของแผ่นดิน แต่กลับละทิ้งบทบาทหน้าที่อันควร...ทั้งที่ปฏิญาณสาบานตนเพื่อปฏิบัติ หน้าที่อย่างซื่อ สัตย์ต่อประเทศชาติ...ประชาชน... น่ารังเกียจจริงๆ เมื่อไม่เคยมีคำพูดใดๆ ออกมาจากปากของผู้มีฐานะบทบาทในการปกครองดูแลประเทศชาติ...เมื่อประชาชนใน แผ่นดินถูกข่มเหง...ถูกฆ่า...ถูกทำร้าย...ทำลาย.เป็นการแสดงความไม่ใส่ ใจ...ความไม่สนใจ ด้วยอำนาจอคติธรรมที่ครอบครองจิตสันดาน จนไร้คุณธรรม...... น่าสังเวชใจจริงๆ ที่เห็นภาพ ประชาชนผู้บริสุทธิ์ ถูกกองกำลังเถื่อน ทำร้าย...ทำลายทุกรูปแบบ และไร้อำนาจใดๆ ในบ้านเมืองเข้าไปปกป้องดูแล ฯลฯ

... ในวันนี้แห่งสังคมไทย...ชะตาชีวิตของชาวไทยกำลังเดินผ่านห้วง มรสุม...มหันตภัย เพียบพร้อมไปด้วยสัตว์ร้ายนานาชนิด ที่พร้อมจะห้ำหั่น ทำร้ายทำลาย...อย่างไม่ต้องถามหาเหตุผลว่า ทำไม......อย่างไร!?

การดำเนินชีวิตไปบนถนนคนเดินของจริงๆ...จึงไม่สนุกสนานอย่างที่เคย วาดมโนภาพ สร้างมโนทัศน์ ไว้ใน ณ กาลเวลาบัดนี้...สาธุชนจึงต้องตื่นตัว ประกอบตนอย่างมีสติปัญญาอยู่ทุกขณะ พึงจับมือกันให้แน่น ช่วยเหลือกัน...อย่าทอดทิ้งกัน

... หันหน้าเข้าหากัน ดูแลซึ่งกันและกัน...สองมือประสานกันให้มั่น หนึ่งใจผูกพันกันให้เหนียวแน่น ท่องบทมนต์มงคลคาถาของพ่อหลวงอันศักดิ์สิทธิ์ ปลุกเสกใจอย่าให้เสื่อม ด้วยคำว่า... นะโม...รู้รัก...นะโม สามัคคี...นะโม อย่าวิ่งหนี...นะโม กลับมาดูแลกัน...นะโม...นะโม...นะโม แล้วก็กลั้นลม อัดให้แน่น แล้วเปล่งเสียงออกมาให้ดังเพี้ยง!!... จนขนลุกขนพอง ปีติแผ่ซ่านไปทั้งตัว ให้น้ำหูน้ำตาไหล เย็นยะเยือกไปทั่วองคาพยพแห่งสกลกายนี้ เพื่อความสำเร็จแห่งพระคาถา รู้ รัก สามัคคี ที่ศักดิ์สิทธิ์...ซึ่งตามตำรามหาอุด ว่าไว้ว่า...อาการอย่างนี้ หนังเหนียว อยู่ยงคงกระพัน เพียบพร้อมด้วยเมตตามหานิยม แน่นอน...ไม่ต้องกลัวอำนาจมารใดๆ มาทำลาย ให้ย่อยสลายหายนะไปได้อย่างแน่นอน!!

ตามที่กล่าวมา หากรู้จักพิจารณาโดยแยบคาย ก็จะนำไปสู่ความเข้าใจในความจริงตามธรรมที่ว่า สุดท้ายแห่งการต่อสู้เพื่อขับเคลื่อนชีวิตไปสู่ความสำเร็จนั้น ไม่ว่าในกิจการใดๆ การพึ่งตนเองนั่นแหละ คือ ความจริงแท้...อย่าไปเรียกร้องเรียกหา...กองกำลังที่ไหนมาช่วยเลย...พึง สร้าง กองกำลังใจ นั่นแหละสำคัญสุด ไม่มีอะไรเหนือใจเรา เชื่อเถิด พ่อมหาจำเริญ...รวมใจ ร้อยจิตกันไว้ให้เป็นพวง จนเกิดกำลังธรรมด้วยอุดมคติอันเดียวกัน รับรองศักดิ์สิทธิ์ อิทธิฤทธิ์เข้มขลังนัก...พระพุทธเจ้าของเราจึงมีพระดำรัสแสดงไว้ในเรื่องดัง กล่าวอย่างชัดเจนไว้...ใจเป็นหัวหน้า...ใจเป็นใหญ่...ใจเป็นประธาน... ทุกอย่างสำเร็จด้วยใจ...

พระพุทธองค์ผ่านพ้นการพึ่งตนเองมาแล้ว ในยามต้องเผชิญกับวิกฤตการณ์ต่างๆ ด้วยธรรมวิธีที่นำไปสู่การพัฒนาใจให้เข้มแข็ง มั่นคงดำรงอยู่อย่างมี สติปัญญา อันสมบูรณ์พร้อมด้วยพุทธะ มีญาณทัสสนะวิสุทธิ จนสามารถชนะมารได้ทุกชนิด...ทุกกองกำลัง แม้พญามาราธิราชจะเคลื่อนพลมามากมาย เพียบพร้อมด้วยศัสตราอาวุธ (ไม่มั่นใจว่า มีระเบิด แก๊สน้ำตาแบบเดี๋ยวนี้ไหม!) แต่สุดท้ายพ่าย พระพุทธบารมี คือ คุณความดี...กุศลกรรม ที่พระองค์กระทำมาอย่างสืบเนื่อง ทั้งนี้ โดยการไม่ละทิ้งกฎกติกา 'การชนะอธรรมด้วยอำนาจธรรม...' ไม่ตบะแตกจนเสียขันติธรรม...และไม่ชักนำให้จิตใจเสียสมาธิ จนสูญเสียอุดมการณ์ธรรม...ต่อสู้ชนะมารด้วยหลัก สันติ อหิงสา จนเข้าถึงความมีชัยชนะอันไม่มีประมาณ ได้รับการกล่าวบูชาว่า "อนันตชินะ"...

จึงควรที่พ่อมหาจำเริญทั้งหลายจะได้มั่นคงในแนว ธรรมวิธี...อย่าละทิ้งเด็ดขาดในหลัก สันติ อหิงสา...อารยธรรมเพื่อการนำพาประเทศชาติ...ประชาชน ไปสู่ทิศแห่งชัยชนะ ที่มีสันติธรรมรออยู่...พึงอดทน อดกลั้น เข้มแข็งเข้าไว้ ขออีกเพียงก้าวเดียว ทุกอย่างเปลี่ยนผ่านสู่ความเป็นมงคลของประเทศชาติแน่นอน...แต่กรุณาอย่าลืม ความไม่ประมาท พกพาติดจิตอยู่ตลอดเวลา เพราะที่สุดแห่งธรรมโอสถ คือ อัปปมาทธรรม...ด้วยผู้ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ย่อมประสบความสุขสำเร็จในกิจอันควรสืบตลอดไป...เจริญพร.....โดย โดย.. พระ อ.อารยวังโส

dhamma_araya@hotmail.com

ขอบคุณ... http://www.ryt9.com/s/tpd/1827512

(ryt9.com ออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 31 ม.ค.57 )

ที่มา: ryt9.com ออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 31 ม.ค.57
วันที่โพสต์: 3/02/2557 เวลา 04:01:25

แสดงความคิดเห็น

รอตรวจสอบ
จัดฟอร์แม็ต ดูการแสดงผล

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

ยกเลิก

รายละเอียดกระทู้

หลักธรรมสำหรับผู้ปกครอง ที่จะนำพาสังคมประเทศชาติไปสู่ ความเจริญและสันติสุข ได้แก่ ๑.ต้องพิทักษ์ปกป้องคุ้มครองประชาชน ผู้อยู่ใต้ปกครองอย่างเสมอกัน ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง ๒.จะต้องมีหิริโอตตัปปะ (ความสะดุ้งกลัว-ความเกรงกลัวต่อบาป) สามารถดำเนินการตัดสินข้อพิพาทของประชาชนได้อย่างเที่ยงธรรม ๓.ไม่ขูดรีด ฉ้อโกง เอารัดเอาเปรียบประชาชน. ๔.จะต้องมีกองทุนสวัสดิการดูแลประชาชนอย่างพอควร ตามฐานะและวัย เช่น มีกองทุนสงเคราะห์ผู้สูงอายุ ไม่ทอดทิ้งแม้ในยามแก่เฒ่า ฯลฯ ๕.ไม่ควรมุ่งจัดเก็บภาษีอากรเกินความจำเป็น จนเป็นภาระของประชาชนที่หนักเกินไป ๖.ควรสนับสนุนช่วยเหลือกิจการของประชาชนในการประกอบสัมมาอาชีวะ ให้เกิดประโยชน์สุด เพื่อประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ ไม่มุ่งหวังหาประโยชน์จากประชาชน ๗.ควรมีสวัสดิการ กองทุนเพื่อดูแลข้าราชการให้ได้รับความสุขสบาย แม้ในวัยเกษียณแล้ว... ๘.ผู้ปกครองควรตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ควรคำนึงถึงสิ่งที่ถูกต้องชอบธรรมเป็นเกณฑ์ ๙.จะต้องส่งเสริม สนับสนุน เลี้ยงดู สมณพราหมณ์ ปราชญ์บัณฑิต นักวิชาการ ผู้ทรงคุณธรรมเสมอ และ ๑๐.จะต้องรู้จักพิจารณาตอบแทนให้บำเหน็จแก่ผู้กระทำความดี ความชอบ ตามควรแก่กิจที่เขาทำ ขอเจริญพรสาธุชนผู้มีศรัทธามั่นคงในพระพุทธศาสนา ในห้วงเวลาที่เกิดสุญญากาศของ อำนาจปกครองในแผ่นดินที่ถูกต้องโดยธรรม...จึงเห็นภาพความเดือดร้อนของประชาชนทุกหมู่เหล่า...ที่ได้แสดงออกมาตามฐานะ หน้าที่ และสิทธิ์อันพึงควร ภายใต้ หลักความจริง... ยามนี้เราจึงเห็นความมีอยู่จริงของความทุกข์ ที่ประกอบอยู่ในชีวิตแห่งสัตว์ทั้งหลาย โดยมิได้เลือกที่รักมักที่ชัง สัตว์ทั้งหลายจึงเร่าร้อน เดือดเนื้อร้อนใจด้วย ไฟทุกข์ที่ลุกไหม้อยู่ในชีวิตที่ดำเนินอยู่อย่างถ้วนหน้า ไม่ว่าจะยืนอยู่ฟากฝ่ายใดในสังคมที่อุดมไปด้วยความทุกข์... ... ไม่น่ายินดีเลยกับภาพที่ประชาชนผู้บริสุทธิ์ ถูกยิงถูกทุบตี...ถูกปาระเบิดใส่...หลายชีวิตที่ล้มตายเลือดนองแผ่นดิน หลายชีวิตบาดเจ็บสาหัสจนถึงขั้นพิกลพิการ ซึ่งเกิดจากการกระทำของสัตว์ทุกข์ที่อาศัยแผ่นดินเดียวกัน...... ไม่น่ายินดีเลยกับภาพประชาชนผู้บริสุทธิ์ ต้องทิ้งบ้านทิ้งเรือน ละจากเรือกสวนไร่นา กิจการงานเมือง เพื่อมานั่งนอนประท้วงอยู่บนท้องถนน ที่อุดมไปด้วยความยากลำบากทั้งกลางวัน-กลางคืน เพื่อหวังให้ได้มาซึ่งความชอบธรรม...... ไม่น่ายินดีเลยต่อภาพ ชาวไร่-ชาวนาที่มีใบหน้าเศร้าหมอง นุ่งห่มด้วยเสื้อผ้าเก่าๆ ที่แข็งใจลุกออกมาเพื่อแสดงความรู้สึกว่า ฉันก็เป็นคนเหมือนกัน!...อย่าขูดรีด...อย่าฉ้อโกง...อย่ากดขี่ข่มเหงกันเลย! ... ไม่น่ายินดีเลยต่อภาพของคนเถื่อน สมุน คนพาล ถือไม้...ถือมีดดาบ ไล่ทุบตี...ไล่ฟัน...ใช้อาวุธปืนไล่ยิงสาดกระสุนใส่ประชาชนที่มีฐานะความ เป็นคนเช่นเดียวกัน ... ไม่น่ายินดีเลยต่อภาพที่วิ่งไล่ทุบตีกันของหมู่ชน เสียงระเบิดที่ดังกึกก้องพร้อมเสียงร้องครวญครางระงมไปทั่วของผู้บาด เจ็บ...และเสียงร้องไห้โศกาอาดูรของญาติ มิตรที่ได้พบเห็นบุคคลผู้เป็นที่รักได้ตายไป ... ไม่น่ายินดีเลยกับ การใช้อำนาจเถื่อนที่ได้มาด้วยความมิชอบธรรม เพื่อคุกคาม ข่มขู่ รุกราน และทำลายประชาชน...การพูดใส่ร้าย...ใส่เท็จ ประชาชนผู้บริสุทธิ์ไปวันๆ โดยมิรู้จักความละอายต่อบาปกรรม...ไม่เกรงกลัวต่อเวรกรรม ... ไม่น่ายินดีเลย เมื่อชนกลุ่มผู้มีอำนาจอยู่ในมือ ใช้อำนาจอย่างไร้ การุณยธรรม ต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ ที่เพียงแค่มีความเห็นต่างกัน และไม่ยอมรับอำนาจที่ไม่ถูกต้อง...... ไม่น่ายินดีเลย ในภาพของผู้มีบทบาทหน้าที่ เพื่อพิทักษ์ชาติ-ปกป้องดูแลให้ความสุขแก่ประชาชน แต่กลับเมินเฉยอย่างนิ่งสงบ ด้วยความหวาดกลัว...ความเห็นแก่ตัว...การสนับสนุนให้คนพาล...ทุรชน ทำร้าย เข่นฆ่าประชาชน แม้กลางวันแสกๆ...... ไม่น่ายินดีเลยกับความไร้จิตวิญญาณที่มีธรรมของชนชั้นผู้มีอำนาจ ที่มุ่งแสดงออกเพียงเพื่อความประสงค์เพื่อประโยชน์แห่งตน มากกว่าประโยชน์ของประ ชาชน...ประเทศชาติเป็นสำคัญ... ไม่น่ายินดีเลยกับ ภาพลักษณ์ชนชั้นนำที่มุ่งเสพสุข จนลืมความทุกข์ของแผ่น ดิน จนสิ้นความใส่ใจในความทุกข์ร้อนของประเทศชาติ...ไม่เดือดเนื้อร้อนใจต่อการ นำพาสังคมประเทศชาติไปในทางที่เสื่อมของบางหมู่ชน... .. น่ารังเกียจอย่างยิ่งต่อผู้ใช้อำนาจของประชาชนไปในทางทุจริต... โลภโมโทสัน มากไปด้วยอคติธรรม ไร้พรหมวิหารธรรม คบค้ากับอำนาจเถื่อนเพื่อแสวงหาประโยชน์ให้กับตนและคณะ แม้จะทำลายแผ่นดินบ้านเกิดเมืองนอน ก็กล้าหาญกระทำ อย่างไม่เกรงกลัวต่อบาปกรรมใดๆ... และน่ารังเกียจอย่างยิ่งต่อผู้มีบทบาทหน้าที่ซึ่งมีอำนาจในการกระทำ กลับไม่ ใช้อำนาจไปในทางที่ให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชนของแผ่นดิน แต่กลับละทิ้งบทบาทหน้าที่อันควร...ทั้งที่ปฏิญาณสาบานตนเพื่อปฏิบัติ หน้าที่อย่างซื่อ สัตย์ต่อประเทศชาติ...ประชาชน... น่ารังเกียจจริงๆ เมื่อไม่เคยมีคำพูดใดๆ ออกมาจากปากของผู้มีฐานะบทบาทในการปกครองดูแลประเทศชาติ...เมื่อประชาชนใน แผ่นดินถูกข่มเหง...ถูกฆ่า...ถูกทำร้าย...ทำลาย.เป็นการแสดงความไม่ใส่ ใจ...ความไม่สนใจ ด้วยอำนาจอคติธรรมที่ครอบครองจิตสันดาน จนไร้คุณธรรม...... น่าสังเวชใจจริงๆ ที่เห็นภาพ ประชาชนผู้บริสุทธิ์ ถูกกองกำลังเถื่อน ทำร้าย...ทำลายทุกรูปแบบ และไร้อำนาจใดๆ ในบ้านเมืองเข้าไปปกป้องดูแล ฯลฯ ... ในวันนี้แห่งสังคมไทย...ชะตาชีวิตของชาวไทยกำลังเดินผ่านห้วง มรสุม...มหันตภัย เพียบพร้อมไปด้วยสัตว์ร้ายนานาชนิด ที่พร้อมจะห้ำหั่น ทำร้ายทำลาย...อย่างไม่ต้องถามหาเหตุผลว่า ทำไม......อย่างไร!? การดำเนินชีวิตไปบนถนนคนเดินของจริงๆ...จึงไม่สนุกสนานอย่างที่เคย วาดมโนภาพ สร้างมโนทัศน์ ไว้ใน ณ กาลเวลาบัดนี้...สาธุชนจึงต้องตื่นตัว ประกอบตนอย่างมีสติปัญญาอยู่ทุกขณะ พึงจับมือกันให้แน่น ช่วยเหลือกัน...อย่าทอดทิ้งกัน ... หันหน้าเข้าหากัน ดูแลซึ่งกันและกัน...สองมือประสานกันให้มั่น หนึ่งใจผูกพันกันให้เหนียวแน่น ท่องบทมนต์มงคลคาถาของพ่อหลวงอันศักดิ์สิทธิ์ ปลุกเสกใจอย่าให้เสื่อม ด้วยคำว่า... นะโม...รู้รัก...นะโม สามัคคี...นะโม อย่าวิ่งหนี...นะโม กลับมาดูแลกัน...นะโม...นะโม...นะโม แล้วก็กลั้นลม อัดให้แน่น แล้วเปล่งเสียงออกมาให้ดังเพี้ยง!!... จนขนลุกขนพอง ปีติแผ่ซ่านไปทั้งตัว ให้น้ำหูน้ำตาไหล เย็นยะเยือกไปทั่วองคาพยพแห่งสกลกายนี้ เพื่อความสำเร็จแห่งพระคาถา รู้ รัก สามัคคี ที่ศักดิ์สิทธิ์...ซึ่งตามตำรามหาอุด ว่าไว้ว่า...อาการอย่างนี้ หนังเหนียว อยู่ยงคงกระพัน เพียบพร้อมด้วยเมตตามหานิยม แน่นอน...ไม่ต้องกลัวอำนาจมารใดๆ มาทำลาย ให้ย่อยสลายหายนะไปได้อย่างแน่นอน!! ตามที่กล่าวมา หากรู้จักพิจารณาโดยแยบคาย ก็จะนำไปสู่ความเข้าใจในความจริงตามธรรมที่ว่า สุดท้ายแห่งการต่อสู้เพื่อขับเคลื่อนชีวิตไปสู่ความสำเร็จนั้น ไม่ว่าในกิจการใดๆ การพึ่งตนเองนั่นแหละ คือ ความจริงแท้...อย่าไปเรียกร้องเรียกหา...กองกำลังที่ไหนมาช่วยเลย...พึง สร้าง กองกำลังใจ นั่นแหละสำคัญสุด ไม่มีอะไรเหนือใจเรา เชื่อเถิด พ่อมหาจำเริญ...รวมใจ ร้อยจิตกันไว้ให้เป็นพวง จนเกิดกำลังธรรมด้วยอุดมคติอันเดียวกัน รับรองศักดิ์สิทธิ์ อิทธิฤทธิ์เข้มขลังนัก...พระพุทธเจ้าของเราจึงมีพระดำรัสแสดงไว้ในเรื่องดัง กล่าวอย่างชัดเจนไว้...ใจเป็นหัวหน้า...ใจเป็นใหญ่...ใจเป็นประธาน... ทุกอย่างสำเร็จด้วยใจ... พระพุทธองค์ผ่านพ้นการพึ่งตนเองมาแล้ว ในยามต้องเผชิญกับวิกฤตการณ์ต่างๆ ด้วยธรรมวิธีที่นำไปสู่การพัฒนาใจให้เข้มแข็ง มั่นคงดำรงอยู่อย่างมี สติปัญญา อันสมบูรณ์พร้อมด้วยพุทธะ มีญาณทัสสนะวิสุทธิ จนสามารถชนะมารได้ทุกชนิด...ทุกกองกำลัง แม้พญามาราธิราชจะเคลื่อนพลมามากมาย เพียบพร้อมด้วยศัสตราอาวุธ (ไม่มั่นใจว่า มีระเบิด แก๊สน้ำตาแบบเดี๋ยวนี้ไหม!) แต่สุดท้ายพ่าย พระพุทธบารมี คือ คุณความดี...กุศลกรรม ที่พระองค์กระทำมาอย่างสืบเนื่อง ทั้งนี้ โดยการไม่ละทิ้งกฎกติกา 'การชนะอธรรมด้วยอำนาจธรรม...' ไม่ตบะแตกจนเสียขันติธรรม...และไม่ชักนำให้จิตใจเสียสมาธิ จนสูญเสียอุดมการณ์ธรรม...ต่อสู้ชนะมารด้วยหลัก สันติ อหิงสา จนเข้าถึงความมีชัยชนะอันไม่มีประมาณ ได้รับการกล่าวบูชาว่า "อนันตชินะ"... จึงควรที่พ่อมหาจำเริญทั้งหลายจะได้มั่นคงในแนว ธรรมวิธี...อย่าละทิ้งเด็ดขาดในหลัก สันติ อหิงสา...อารยธรรมเพื่อการนำพาประเทศชาติ...ประชาชน ไปสู่ทิศแห่งชัยชนะ ที่มีสันติธรรมรออยู่...พึงอดทน อดกลั้น เข้มแข็งเข้าไว้ ขออีกเพียงก้าวเดียว ทุกอย่างเปลี่ยนผ่านสู่ความเป็นมงคลของประเทศชาติแน่นอน...แต่กรุณาอย่าลืม ความไม่ประมาท พกพาติดจิตอยู่ตลอดเวลา เพราะที่สุดแห่งธรรมโอสถ

จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย

  1. เพิ่ม
  2. เพิ่ม ลบ
  3. เพิ่ม ลบ
  4. เพิ่ม ลบ
  5. เพิ่ม ลบ
  6. เพิ่ม ลบ
  7. เพิ่ม ลบ
  8. เพิ่ม ลบ
  9. เพิ่ม ลบ
  10. ลบ
เลือกการตกแต่งที่ต้องการ

ตกลง ยกเลิก

รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)

Waiting...