ความรู้จักประเมินตน (การประเมินตนเอง 10 ประการ)
การรู้จักประเมินตน คือความสำรวมระวัง การพิจารณามองหาข้อบกพร่องของตนอยู่เป็นนิจ องค์สมเด็จพระบรมศาสดาได้วางมาตรการตรวจสอบตนเองและประเมินตนเองไว้ 10 ประการ คือ
ประการที่ 1 ควรพิจารณาเนืองๆ ว่า บัดนี้เรามีเพศต่างจากคฤหัสถ์แล้ว อาการกิริยาใดอันสมควรแก่สมณะ เราต้องประพฤติปฏิบัติอาการกิริยานั้น ข้อนี้ทรงมุ่งสอนไปที่ภิกษุ แต่คฤหัสถ์หรือฆราวาสก็สามารถนำไปประยุกต์ปฏิบัติได้ โดยพิจารณาสถานะของตนว่าตนอยู่ในสถานะใด ก็ประพฤติกาย วาจา ใจให้เหมาะแก่สถานะนั้นๆ
ประการที่ 2 ควรพิจารณาเนืองๆ ว่า ความดำรงชีวิตของเราเนื่องด้วยผู้อื่น เราควรทำตัวให้เป็นคนเลี้ยงง่าย ข้อนี้ก็สามารถประยุกต์ใช้ได้ โดยวางตัวให้เป็นคนเลี้ยงง่าย หรือที่ภาษาคนทั่วไปเขาเรียกว่า เป็นคนติดดิน เป็นคนไม่เย่อหยิ่งในฐานะยศศักดิ์
ประการที่ 3 ควรพิจารณาเนืองๆ ว่า กิริยามารยาทที่เราต้องประพฤติปฏิบัติให้ดีขึ้นไปกว่านี้ยังมีอีก ไม่ได้มีเพียงแค่นี้ เพราะทุกคนสามารถพัฒนาตนได้เสมอตราบใดที่ยังไม่เป็นพระอรหันตขีณาสพก็ต้อง พัฒนาตนกันเรื่อยไป
ประการที่ 4 ควรพิจารณาเนืองๆ ว่า ตัวเราเองติเตียนตัวเราเนื่องจากมีข้อบกพร่องทางศีลธรรมได้หรือไม่ เรายังประพฤติผิดหรือย่อหย่อนในกิริยามารยาทใดบ้าง หรือแม้ในการทำงานในหน้าที่ เรามีส่วนบกพร่องประการใดบ้าง ไม่ต้องรอให้ใครผู้ใดมาติเตียน
ประการที่ 5 ควรพิจารณาเนืองๆ ว่า เพื่อนผู้ประพฤติพรหมจรรย์หรือเพื่อนผู้ร่วมงาน ซึ่งเป็นผู้รู้ผู้เชี่ยวชาญ ตำหนิเราโดยศีลหรือโดยหน้าที่ที่รับผิดชอบได้หรือไม่
ประการที่ 6 ควรพิจารณาเนืองๆ ว่า เราจะต้องพลัดพราก ต้องแยกจากสิ่งที่เรารักเราหวงแหนไป ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งหน้าที่การงาน หรือทรัพย์สิน หรือแม้กระทั่งชีวิต เพราะว่านี่เป็นเรื่องธรรมดา
ประการที่ 7 ควรพิจารณาเนืองๆ ว่า เรามีกรรมเป็นของตน เป็นผู้รับผลของกรรม มีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย ถ้าเราทำดีต้องได้ผลดี เราทำกรรมชั่วเราก็ต้องได้ผลไม่ดี เราต้องยอมรับกรรมที่เราทำลงไปทุกประการ
ประการที่ 8 ควรพิจารณาเนืองๆ ว่า วันเวลาล่วงไปๆ ไม่เคยหยุดนิ่ง คร่าเอาอายุและชีวิตเราไปทุกขณะ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่ เหลือเวลาแห่งชีวิตเราสักเท่าไร เพื่อจะได้ไม่ตั้งตนอยู่ในความประมาทมัวเมาจนลืมตัว
ประการที่ 9 ควรพิจารณาเนืองๆ ว่า เรายินดีในความสงบสงัดหรือไม่ หรือมัวแต่วุ่นอยู่กับความวุ่นวายต่างๆ นานา จนหาความสุขสงบให้แก่ชีวิตไม่ได้เลย
ประการที่ 10 อันเป็นข้อสุดท้าย ควรพิจารณาเนืองๆ ว่า เรามีคุณวิเศษหรือความสามารถพิเศษใดๆ อยู่บ้างหรือไม่ ถ้ายังไม่มีรีบสร้างสมขึ้นมาได้หรือไม่ ที่จะทำให้เราไม่เก้อไม่เขิน เมื่อถูกใครถามในโอกาสข้างหน้า เมื่อคนอื่นเขามีได้ เราก็สามารถทำให้มีได้
คอลัมน์ ธรรมะวันหยุด
บทความโดย พระเทพคุณาภรณ์ (โสภณ โสภณจิตฺโต ป.ธ. 9) เจ้าอาวาสวัดเทวราชกุญชรวรวิหาร
ขอบคุณ… http://www.itti-patihan.com/ความรู้จักประเมินตน-การประเมินตนเอง-10-ประการ.html
ที่มา: http://www.itti-patihan.com/ความรู้จักประเมินตน-การประเมินตนเอง-10-ประการ.html
วันที่โพสต์: 20/11/2556 เวลา 06:24:58
แสดงความคิดเห็น
รายละเอียดกระทู้
ความรู้จักประเมินตน (การประเมินตนเอง 10 ประการ) การรู้จักประเมินตน คือความสำรวมระวัง การพิจารณามองหาข้อบกพร่องของตนอยู่เป็นนิจ องค์สมเด็จพระบรมศาสดาได้วางมาตรการตรวจสอบตนเองและประเมินตนเองไว้ 10 ประการ คือ ประการที่ 1 ควรพิจารณาเนืองๆ ว่า บัดนี้เรามีเพศต่างจากคฤหัสถ์แล้ว อาการกิริยาใดอันสมควรแก่สมณะ เราต้องประพฤติปฏิบัติอาการกิริยานั้น ข้อนี้ทรงมุ่งสอนไปที่ภิกษุ แต่คฤหัสถ์หรือฆราวาสก็สามารถนำไปประยุกต์ปฏิบัติได้ โดยพิจารณาสถานะของตนว่าตนอยู่ในสถานะใด ก็ประพฤติกาย วาจา ใจให้เหมาะแก่สถานะนั้นๆ ประการที่ 2 ควรพิจารณาเนืองๆ ว่า ความดำรงชีวิตของเราเนื่องด้วยผู้อื่น เราควรทำตัวให้เป็นคนเลี้ยงง่าย ข้อนี้ก็สามารถประยุกต์ใช้ได้ โดยวางตัวให้เป็นคนเลี้ยงง่าย หรือที่ภาษาคนทั่วไปเขาเรียกว่า เป็นคนติดดิน เป็นคนไม่เย่อหยิ่งในฐานะยศศักดิ์ ประการที่ 3 ควรพิจารณาเนืองๆ ว่า กิริยามารยาทที่เราต้องประพฤติปฏิบัติให้ดีขึ้นไปกว่านี้ยังมีอีก ไม่ได้มีเพียงแค่นี้ เพราะทุกคนสามารถพัฒนาตนได้เสมอตราบใดที่ยังไม่เป็นพระอรหันตขีณาสพก็ต้อง พัฒนาตนกันเรื่อยไป ประการที่ 4 ควรพิจารณาเนืองๆ ว่า ตัวเราเองติเตียนตัวเราเนื่องจากมีข้อบกพร่องทางศีลธรรมได้หรือไม่ เรายังประพฤติผิดหรือย่อหย่อนในกิริยามารยาทใดบ้าง หรือแม้ในการทำงานในหน้าที่ เรามีส่วนบกพร่องประการใดบ้าง ไม่ต้องรอให้ใครผู้ใดมาติเตียน ประการที่ 5 ควรพิจารณาเนืองๆ ว่า เพื่อนผู้ประพฤติพรหมจรรย์หรือเพื่อนผู้ร่วมงาน ซึ่งเป็นผู้รู้ผู้เชี่ยวชาญ ตำหนิเราโดยศีลหรือโดยหน้าที่ที่รับผิดชอบได้หรือไม่ ประการที่ 6 ควรพิจารณาเนืองๆ ว่า เราจะต้องพลัดพราก ต้องแยกจากสิ่งที่เรารักเราหวงแหนไป ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งหน้าที่การงาน หรือทรัพย์สิน หรือแม้กระทั่งชีวิต เพราะว่านี่เป็นเรื่องธรรมดา ประการที่ 7 ควรพิจารณาเนืองๆ ว่า เรามีกรรมเป็นของตน เป็นผู้รับผลของกรรม มีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย ถ้าเราทำดีต้องได้ผลดี เราทำกรรมชั่วเราก็ต้องได้ผลไม่ดี เราต้องยอมรับกรรมที่เราทำลงไปทุกประการ ประการที่ 8 ควรพิจารณาเนืองๆ ว่า วันเวลาล่วงไปๆ ไม่เคยหยุดนิ่ง คร่าเอาอายุและชีวิตเราไปทุกขณะ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่ เหลือเวลาแห่งชีวิตเราสักเท่าไร เพื่อจะได้ไม่ตั้งตนอยู่ในความประมาทมัวเมาจนลืมตัว ประการที่ 9 ควรพิจารณาเนืองๆ ว่า เรายินดีในความสงบสงัดหรือไม่ หรือมัวแต่วุ่นอยู่กับความวุ่นวายต่างๆ นานา จนหาความสุขสงบให้แก่ชีวิตไม่ได้เลย ประการที่ 10 อันเป็นข้อสุดท้าย ควรพิจารณาเนืองๆ ว่า เรามีคุณวิเศษหรือความสามารถพิเศษใดๆ อยู่บ้างหรือไม่ ถ้ายังไม่มีรีบสร้างสมขึ้นมาได้หรือไม่ ที่จะทำให้เราไม่เก้อไม่เขิน เมื่อถูกใครถามในโอกาสข้างหน้า เมื่อคนอื่นเขามีได้ เราก็สามารถทำให้มีได้ คอลัมน์ ธรรมะวันหยุด บทความโดย พระเทพคุณาภรณ์ (โสภณ โสภณจิตฺโต ป.ธ. 9) เจ้าอาวาสวัดเทวราชกุญชรวรวิหาร ขอบคุณ… http://www.itti-patihan.com/ความรู้จักประเมินตน-การประเมินตนเอง-10-ประการ.html
จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย
รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)