'อหิงสา'มรรคาสู่สันติ(๔ )สันติภาพโลกเริ่มต้นที่ปลายจมูก

แสดงความคิดเห็น

'อหิงสา'มรรคาสู่สันติ(๔ )สันติภาพโลกเริ่มต้นที่ปลายจมูก

'อหิงสา'มรรคาสู่สันติ(๔ )สันติภาพโลกเริ่มต้นที่ปลายจมูก : คันฉ่องและโคมฉาย โดย ว.วชิรเมธี

สันติภาพตามแนวพุทธเช่นที่กล่าวมานี้ มีลักษณะจำเพาะก็คือ ไม่ได้เกิดจากการหยิบยื่นให้ของคนอื่น แต่เป็นสันติภาพที่เราแต่ละคนจะต้องหยิบยื่นให้แก่ตัวเอง สันติภาพชนิดนี้ เราทุกคนมอบให้แก่ตัวเองได้ และใครสร้างขึ้นมาก็ได้ คนนั้นก็จะเป็นผู้มอบรางวัลสันติภาพให้แก่ตัวเอง อาจกล่าวในเชิงขำขันก็ได้ว่า รางวัลโนเบลสาขาสันติภาพนั้น ไม่จำเป็นต้องมอบโดยมูลนิธิอัลเฟรด โนเบล อีกต่อไป หากแต่เราทุกคนนี่เอง ก็สามารถมอบรางวัลสันติภาพที่ดียิ่งกว่ารางวัลโนเบลให้แก่ตัวเองได้ ขอเพียงเราตระหนักรู้ว่า วิธีสร้างสันติภาพนั้นอยู่ในวิถีอันเราทุกคนสามารถทำได้ด้วยตัวเองอยู่ แล้ว

การสร้างสันติภาพ หากล่าวตามนัยแห่งอริยมรรค จึงไม่ใช่เรื่องยาก ไม่ต้องใช้งบประมาณมหาศาล สันติภาพต้องการแค่เพียงการใส่ใจกับลมหายใจของเราเท่านั้นเอง สันติภาพโลก เริ่มต้นที่ปลายจมูก และจากปลายจมูกนี้ เราสามารถแผ่ขยายออกไปสู่การสร้างสันติภาพโลกในระดับที่เป็นสันติภาพระหว่าง ประเทศก็ได้ แต่หากเมื่อไหร่ก็ตามที่คนทำงานเพื่อสันติภาพ ไม่รู้จักสันติภาพภายในที่ปลายจมูกเสียแล้ว เมื่อนั้นเอง ที่งานสร้างสันติภาพจึงต้องพึ่งพาสหประชาชาติ สงคราม อาวุธนิวเคลียร์ การแทรกแซงทางเศรษฐกิจ และการคุกคามประเทศอื่นที่มีแสนยานุภาพทางทหารน้อยกว่าด้วยขีปนาวุธที่เหนือ กว่าให้หยุดอยู่ในที่ตั้ง สันติภาพเช่นนี้ เราไม่ควรเรียกว่า สันติภาพ หากควรเรียกมันว่า สงครามที่ถูกสะกดไว้ หรือมหันตภัยที่รอวันระเบิดมากกว่า

ในกระบวนทัศน์เพื่อสันติภาพ ท่ามกลางคำสอนมากมายของพระพุทธองค์ คำสอนเรื่อง 'เมตตา' คือ การมีไมตรีจิต หรือการมองคนทั้งโลกว่าเป็นเพื่อนสนิทมิตรที่รักของเรานั้น นับว่าเป็นคำสอนที่โดดเด่นมาก คำสอนเรื่องเมตตา เป็นคำสอนเพื่อสร้างสันติภาพอย่างแท้จริง และคำสอนเรื่องเมตตาหรือความรักที่แท้นี้ พระพุทธองค์ไม่ได้สอนให้เรามีเฉพาะกับคนด้วยกันเท่านั้น หากแต่ทรงสอนให้เราจงมีเมตตาหรือไมตรีต่อทั้งคน เทวดา อมนุษย์ สัตว์ดิรัจฉาน รวมถึงสรรพชีพ (สิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่มองไม่เห็น) สรรพสัตว์ (สิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่มองเห็น) ธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมด้วย

คำว่า 'เมตตา' กับคำว่า 'มิตร' เป็นคำที่มีรากศัพท์เดียวกัน มีความหมายเหมือนกัน

'เมตตา' แปลว่า มีเยื่อใยต่อกัน มีไมตรีต่อกัน มีความปรารถนาดีต่อกัน 'มิตร' ก็คือ คนที่มีความรู้สึกเยื่อใยต่อกัน ปรารถนาดีต่อกัน เห็นอกเห็นใจกัน หวังประโยชน์สุขต่อกัน

ในพระสูตรชื่อ 'กรณียเมตตสูตร' หรือ 'เมตตาสูตร' พระพุทธองค์ทรงสอนให้มนุษยชาติมีความรัก ความปรารถนาดีมีไมตรีต่อกันดังหนึ่ง 'มารดารักบุตรของตน' หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งว่า 'จงรักคนอื่นดั่งมารดารักบุตรของตน' ก็ได้

ขอบคุณที่มาจาก : คมชัดลึกออนไลน์

ที่มา: คมชัดลึกออนไลน์
วันที่โพสต์: 19/02/2556 เวลา 04:12:34

แสดงความคิดเห็น

รอตรวจสอบ
จัดฟอร์แม็ต ดูการแสดงผล

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

ยกเลิก

รายละเอียดกระทู้

'อหิงสา'มรรคาสู่สันติ(๔ )สันติภาพโลกเริ่มต้นที่ปลายจมูก 'อหิงสา'มรรคาสู่สันติ(๔ )สันติภาพโลกเริ่มต้นที่ปลายจมูก : คันฉ่องและโคมฉาย โดย ว.วชิรเมธี สันติภาพตามแนวพุทธเช่นที่กล่าวมานี้ มีลักษณะจำเพาะก็คือ ไม่ได้เกิดจากการหยิบยื่นให้ของคนอื่น แต่เป็นสันติภาพที่เราแต่ละคนจะต้องหยิบยื่นให้แก่ตัวเอง สันติภาพชนิดนี้ เราทุกคนมอบให้แก่ตัวเองได้ และใครสร้างขึ้นมาก็ได้ คนนั้นก็จะเป็นผู้มอบรางวัลสันติภาพให้แก่ตัวเอง อาจกล่าวในเชิงขำขันก็ได้ว่า รางวัลโนเบลสาขาสันติภาพนั้น ไม่จำเป็นต้องมอบโดยมูลนิธิอัลเฟรด โนเบล อีกต่อไป หากแต่เราทุกคนนี่เอง ก็สามารถมอบรางวัลสันติภาพที่ดียิ่งกว่ารางวัลโนเบลให้แก่ตัวเองได้ ขอเพียงเราตระหนักรู้ว่า วิธีสร้างสันติภาพนั้นอยู่ในวิถีอันเราทุกคนสามารถทำได้ด้วยตัวเองอยู่ แล้ว การสร้างสันติภาพ หากล่าวตามนัยแห่งอริยมรรค จึงไม่ใช่เรื่องยาก ไม่ต้องใช้งบประมาณมหาศาล สันติภาพต้องการแค่เพียงการใส่ใจกับลมหายใจของเราเท่านั้นเอง สันติภาพโลก เริ่มต้นที่ปลายจมูก และจากปลายจมูกนี้ เราสามารถแผ่ขยายออกไปสู่การสร้างสันติภาพโลกในระดับที่เป็นสันติภาพระหว่าง ประเทศก็ได้ แต่หากเมื่อไหร่ก็ตามที่คนทำงานเพื่อสันติภาพ ไม่รู้จักสันติภาพภายในที่ปลายจมูกเสียแล้ว เมื่อนั้นเอง ที่งานสร้างสันติภาพจึงต้องพึ่งพาสหประชาชาติ สงคราม อาวุธนิวเคลียร์ การแทรกแซงทางเศรษฐกิจ และการคุกคามประเทศอื่นที่มีแสนยานุภาพทางทหารน้อยกว่าด้วยขีปนาวุธที่เหนือ กว่าให้หยุดอยู่ในที่ตั้ง สันติภาพเช่นนี้ เราไม่ควรเรียกว่า สันติภาพ หากควรเรียกมันว่า สงครามที่ถูกสะกดไว้ หรือมหันตภัยที่รอวันระเบิดมากกว่า ในกระบวนทัศน์เพื่อสันติภาพ ท่ามกลางคำสอนมากมายของพระพุทธองค์ คำสอนเรื่อง 'เมตตา' คือ การมีไมตรีจิต หรือการมองคนทั้งโลกว่าเป็นเพื่อนสนิทมิตรที่รักของเรานั้น นับว่าเป็นคำสอนที่โดดเด่นมาก คำสอนเรื่องเมตตา เป็นคำสอนเพื่อสร้างสันติภาพอย่างแท้จริง และคำสอนเรื่องเมตตาหรือความรักที่แท้นี้ พระพุทธองค์ไม่ได้สอนให้เรามีเฉพาะกับคนด้วยกันเท่านั้น หากแต่ทรงสอนให้เราจงมีเมตตาหรือไมตรีต่อทั้งคน เทวดา อมนุษย์ สัตว์ดิรัจฉาน รวมถึงสรรพชีพ (สิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่มองไม่เห็น) สรรพสัตว์ (สิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่มองเห็น) ธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมด้วย คำว่า 'เมตตา' กับคำว่า 'มิตร' เป็นคำที่มีรากศัพท์เดียวกัน มีความหมายเหมือนกัน 'เมตตา' แปลว่า มีเยื่อใยต่อกัน มีไมตรีต่อกัน มีความปรารถนาดีต่อกัน 'มิตร' ก็คือ คนที่มีความรู้สึกเยื่อใยต่อกัน ปรารถนาดีต่อกัน เห็นอกเห็นใจกัน หวังประโยชน์สุขต่อกัน ในพระสูตรชื่อ 'กรณียเมตตสูตร' หรือ 'เมตตาสูตร' พระพุทธองค์ทรงสอนให้มนุษยชาติมีความรัก ความปรารถนาดีมีไมตรีต่อกันดังหนึ่ง 'มารดารักบุตรของตน' หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งว่า 'จงรักคนอื่นดั่งมารดารักบุตรของตน' ก็ได้ ขอบคุณที่มาจาก : คมชัดลึกออนไลน์

จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย

  1. เพิ่ม
  2. เพิ่ม ลบ
  3. เพิ่ม ลบ
  4. เพิ่ม ลบ
  5. เพิ่ม ลบ
  6. เพิ่ม ลบ
  7. เพิ่ม ลบ
  8. เพิ่ม ลบ
  9. เพิ่ม ลบ
  10. ลบ
เลือกการตกแต่งที่ต้องการ

ตกลง ยกเลิก

รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)

Waiting...