ผู้นำสหรัฐยืนยัน “การดักฟังโทรศัพท์” เป็นไปตามกฎหมาย

แสดงความคิดเห็น

บารัก โอบามาประธานาธิบดีสหรัฐ

ผู้นำสหรัฐออกโรงปกป้องหน่วยงานด้านความมั่นคงว่า การดักฟังโทรศัพท์และแอบอ่านอีเมลมีจริง แต่อยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย เพื่อป้องกันภัยจากการก่อการร้าย

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. ว่า ประธานาธิบดีบารัค โบอามา ผู้นำสหรัฐ ยืนยันวิธีการ “ค้นหา” ข้อมูลของหน่วยสืบราชการลับ อยู่ภายใต้กรอบของกฎหมายและเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องกระทำ เพื่อต่อสู้กับกลุ่มก่อการร้ายและภัยที่กำลังคุกคามความมั่นคงของชาติ

โอบามาพยายามเรียกคืนความเชื่อมั่นจากชาวอเมริกันในเรื่องดังกล่าว ด้วยการออกมาแถลงด้วยตัวเองว่า โดยปกติสภาความมั่นคงแห่งชาติ ( เอ็นเอสเอ ) และสำนักงานสอบสวนกลางแห่งสหรัฐ ( เอฟบีไอ ) จะรวบรวมข้อมูลการใช้โทรศัพท์ในประเทศเป็นประจำทุกวันอยู่แล้ว แต่ไม่มีการดักฟังบทสนทนาโดยละเอียดอย่างแน่นอน เนื่องจากถือเป็นการละเมิดกฎหมายด้านสิทธิและเสรีภาพ

นอกจากนี้ ผู้นำสหรัฐกล่าวปกป้องการทำงานของเอ็นเอสเอและเอฟบีไอ ภายใต้ชื่อโครงการที่เรียกว่า “พีอาร์ไอเอสเอ็ม” ซึ่งเป็นช่องทางพิเศษให้เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองสามารถเข้าไปในระบบ คอมพิวเตอร์แม่ข่าย ( เซิร์ฟเวอร์ ) ของผู้ให้บริการด้านอินเตอร์เน็ทและโทรคมนาคมรายใหญ่ของประเทศ 9 แห่ง ที่รวมถึง “ไมโครซอฟท์” “กูเกิ้ล” “เฟซบุ๊ค” และ “แอปเปิ้ล” โดยยืนยันว่า รัฐบาลไม่ใช้วิธีการนี้กับชาวอเมริกันหรือผู้ที่อาศัยอยู่ในสหรัฐ เท่ากับว่า กระบวนการดังกล่าวเป็นการ “จับตา” และสืบค้นข้อมูลจากผู้ต้องสงสัยก่อการร้ายที่อยู่นอกประเทศเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม โอบามายอมรับข้อเสนอแนะ และคำวิพากษ์วิจารณ์จากทุกฝ่าย แต่ปิดท้ายเป็นนัย ด้วยการขอให้ทุกคนยอมรับว่า ปัจจุบันไม่มีใครสามารถมีความเป็นส่วนตัวหรือความปลอดภัยในการดำรงชีวิตใน สังคมได้อย่างเต็มร้อย บางคนอาจต้องยอมเสียสละบางสิ่งเพื่อประโยชน์ต่อสังคมโดยรวม

กระแสข่าวในเรื่องขั้นตอนการทำงานของหน่วยข่าวกรองสหรัฐถูกนำมาตีแผ่โดย หนังสือพิมพ์ “เดอะ การ์เดียน” ของอังกฤษ “เดอะ วอชิงตัน โพสต์” และ “เดอะ วอลล์ สตรีท เจอร์นัล” ของสหรัฐ เมื่อช่วงกลางสัปดาห์ ซึ่งสื่อทั้ง 3 ฉบับรายงานไปในทางเดียวกันว่า โครงการสืบค้นข้อมูล พีอาร์ไอเอสเอ็ม นั้นมีอยู่จริง ซึ่งยักษ์ใหญ่ในวงการเทคโนโลยีของสหรัฐได้ร่วมกันเปิดช่องทางนี้ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ของวอชิงตันเข้ามาค้นหาข้อมูลทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นอีเมล ภาพถ่าย คลิปเสียง หรือคลิปภาพเคลื่อนไหว ที่อาจเป็นเบาะแสนำไปสู่การจับกุมกับผู้ก่อการร้ายได้

ทั้งนี้ พีอาร์ไอเอสเอ็ม เริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นตั้งแต่เมื่อ 6 ปีก่อน หรือในสมัยของประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิ้ลยู. บุช แต่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็วในสมัยของโอบามา และเป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญของรายงานประจำวันด้านความมั่นคงจนถึงปัจจุบัน

ขอบคุณ... http://www.dailynews.co.th/world/210262 (ขนาดไฟล์: 167)

ที่มา: เดลินิวส์ออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 8 มิ.ย.56
วันที่โพสต์: 11/06/2556 เวลา 04:37:49 ดูภาพสไลด์โชว์ ผู้นำสหรัฐยืนยัน “การดักฟังโทรศัพท์” เป็นไปตามกฎหมาย

แสดงความคิดเห็น

รอตรวจสอบ
จัดฟอร์แม็ต ดูการแสดงผล

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

ยกเลิก

รายละเอียดกระทู้

บารัก โอบามาประธานาธิบดีสหรัฐ ผู้นำสหรัฐออกโรงปกป้องหน่วยงานด้านความมั่นคงว่า การดักฟังโทรศัพท์และแอบอ่านอีเมลมีจริง แต่อยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย เพื่อป้องกันภัยจากการก่อการร้าย สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. ว่า ประธานาธิบดีบารัค โบอามา ผู้นำสหรัฐ ยืนยันวิธีการ “ค้นหา” ข้อมูลของหน่วยสืบราชการลับ อยู่ภายใต้กรอบของกฎหมายและเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องกระทำ เพื่อต่อสู้กับกลุ่มก่อการร้ายและภัยที่กำลังคุกคามความมั่นคงของชาติ โอบามาพยายามเรียกคืนความเชื่อมั่นจากชาวอเมริกันในเรื่องดังกล่าว ด้วยการออกมาแถลงด้วยตัวเองว่า โดยปกติสภาความมั่นคงแห่งชาติ ( เอ็นเอสเอ ) และสำนักงานสอบสวนกลางแห่งสหรัฐ ( เอฟบีไอ ) จะรวบรวมข้อมูลการใช้โทรศัพท์ในประเทศเป็นประจำทุกวันอยู่แล้ว แต่ไม่มีการดักฟังบทสนทนาโดยละเอียดอย่างแน่นอน เนื่องจากถือเป็นการละเมิดกฎหมายด้านสิทธิและเสรีภาพ นอกจากนี้ ผู้นำสหรัฐกล่าวปกป้องการทำงานของเอ็นเอสเอและเอฟบีไอ ภายใต้ชื่อโครงการที่เรียกว่า “พีอาร์ไอเอสเอ็ม” ซึ่งเป็นช่องทางพิเศษให้เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองสามารถเข้าไปในระบบ คอมพิวเตอร์แม่ข่าย ( เซิร์ฟเวอร์ ) ของผู้ให้บริการด้านอินเตอร์เน็ทและโทรคมนาคมรายใหญ่ของประเทศ 9 แห่ง ที่รวมถึง “ไมโครซอฟท์” “กูเกิ้ล” “เฟซบุ๊ค” และ “แอปเปิ้ล” โดยยืนยันว่า รัฐบาลไม่ใช้วิธีการนี้กับชาวอเมริกันหรือผู้ที่อาศัยอยู่ในสหรัฐ เท่ากับว่า กระบวนการดังกล่าวเป็นการ “จับตา” และสืบค้นข้อมูลจากผู้ต้องสงสัยก่อการร้ายที่อยู่นอกประเทศเท่านั้น อย่างไรก็ตาม โอบามายอมรับข้อเสนอแนะ และคำวิพากษ์วิจารณ์จากทุกฝ่าย แต่ปิดท้ายเป็นนัย ด้วยการขอให้ทุกคนยอมรับว่า ปัจจุบันไม่มีใครสามารถมีความเป็นส่วนตัวหรือความปลอดภัยในการดำรงชีวิตใน สังคมได้อย่างเต็มร้อย บางคนอาจต้องยอมเสียสละบางสิ่งเพื่อประโยชน์ต่อสังคมโดยรวม กระแสข่าวในเรื่องขั้นตอนการทำงานของหน่วยข่าวกรองสหรัฐถูกนำมาตีแผ่โดย หนังสือพิมพ์ “เดอะ การ์เดียน” ของอังกฤษ “เดอะ วอชิงตัน โพสต์” และ “เดอะ วอลล์ สตรีท เจอร์นัล” ของสหรัฐ เมื่อช่วงกลางสัปดาห์ ซึ่งสื่อทั้ง 3 ฉบับรายงานไปในทางเดียวกันว่า โครงการสืบค้นข้อมูล พีอาร์ไอเอสเอ็ม นั้นมีอยู่จริง ซึ่งยักษ์ใหญ่ในวงการเทคโนโลยีของสหรัฐได้ร่วมกันเปิดช่องทางนี้ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ของวอชิงตันเข้ามาค้นหาข้อมูลทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นอีเมล ภาพถ่าย คลิปเสียง หรือคลิปภาพเคลื่อนไหว ที่อาจเป็นเบาะแสนำไปสู่การจับกุมกับผู้ก่อการร้ายได้ ทั้งนี้ พีอาร์ไอเอสเอ็ม เริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นตั้งแต่เมื่อ 6 ปีก่อน หรือในสมัยของประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิ้ลยู. บุช แต่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็วในสมัยของโอบามา และเป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญของรายงานประจำวันด้านความมั่นคงจนถึงปัจจุบัน ขอบคุณ... http://www.dailynews.co.th/world/210262

จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย

  1. เพิ่ม
  2. เพิ่ม ลบ
  3. เพิ่ม ลบ
  4. เพิ่ม ลบ
  5. เพิ่ม ลบ
  6. เพิ่ม ลบ
  7. เพิ่ม ลบ
  8. เพิ่ม ลบ
  9. เพิ่ม ลบ
  10. ลบ
เลือกการตกแต่งที่ต้องการ

ตกลง ยกเลิก

รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)

Waiting...