โมเดล"มานิต วิทยาเต็ม" ปฏิรูป"ศาลรธน. " เปิดอำนาจ"ปชช."วิพากษ์
หมายเหตุ - นายมานิต วิทยาเต็ม อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จากผู้ทรงคุณวุฒิสาขานิติศาสตร์ ตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2540 ให้สัมภาษณ์พิเศษ "มติชน" ถึงการปรับปรุงโครงสร้างและที่มาของคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 รวมทั้งอำนาจหน้าที่และบทบาทของศาลรัฐธรรมนูญในการวินิจฉัยคดีต่างๆ ที่เข้าสู่การพิจารณา
@ องค์ประกอบของคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญตามรัฐธรรมนูญปัจจุบันควรจะต้องมีการปฏิรูปหรือปรับปรุงให้เหมาะสมหรือไม่
เหตุ ที่ผมเห็นว่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 9 คนน้อยไป เพราะว่าเมื่อคิดดูในการประชุมองค์ต้องไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง คือไม่น้อยกว่า 5 คน มี 5 คนก็เป็นศาลรัฐธรรมนูญไปแล้วซึ่งถือว่าน้อยไป จาก 9 คน มีคน 5 คนประชุมขึ้นมาก็เป็นศาลวินิจฉัยเรื่องต่างๆ ได้มันน้อยไป ถ้าหากว่ามีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 15 คน เสียงข้างมากของ 15 คน คืออย่างน้อยต้องไม่น้อยกว่า 8 คน จึงจะเป็นองค์ประชุมได้ จำนวนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญควรเหมือนรัฐธรรมนูญ 2540 ตัวอย่าง การตัดสินบางเรื่อง เมื่อเร็วๆ นี้ มีตุลาการประชุมกันเพียง 5 คนถูกต้อง และ 3 คนเป็นเสียงข้างมากก็ชี้ออกมาได้ กลายเป็นว่า คน 3 คนเป็นศาลรัฐธรรมนูญ ผมรู้สึกว่าน้อยไปที่จะตัดสินเรื่องใหญ่ๆ ระดับประเทศระดับชาติ ดังนั้น ให้มีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 15 คน อย่างหลายประเทศ อาทิ ประเทศเยอรมนี หรือสาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้) ก็มีตุลาการ 15 คน
@ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญตามรัฐธรรมนูญ 2550 ที่มีผู้พิพากษาศาลฎีกาและศาลปกครองรวม 5 คนจากทั้งหมด 9 คน เป็นการให้น้ำหนักผู้พิพากษามากเกินไปหรือไม่
แม้จะมีตัวแทน ที่มาจากผู้พิพากษาศาลฎีกาถึง 5 คนก็ไม่เลว แต่จะทำยังไงถึงได้ผู้พิพากษาเป็นคลีน ของผู้พิพากษาศาลฎีกามาศาลรัฐธรรมนูญ 5 คน ศาลรัฐธรรมนูญอาจจะมีศักดิ์ศรีด้อยกว่าศาลยุติธรรมหรือศาลฎีกา เพราะเห็นว่าเวลามีกิจกรรมทางการต่างๆ ประธานศาลฎีกาเป็นประมุขฝ่ายตุลาการ ศาลอื่นอาจจะมีลำดับที่ศักดิ์ศรีด้อยกว่าอยู่ศาลยุติธรรม ดังนั้น การที่ผู้พิพากษาศาลฎีกาซึ่งอาวุโสแล้วมาอยู่ศาลรัฐธรรมนูญ บางทีหลายอย่างอาจจะด้อยกว่าศาลยุติธรรม เช่น อยู่ที่ศาลฎีกาต่อไปได้จนถึงอายุ 70 ปี ถ้ามาศาลรัฐธรรมนูญจะมีอายุเหลือเพียง 9 ปี จากเดิมจะต้องมีอีก 10 ปีในศาลฎีกา ถ้าพูดตลกๆ ถ้ามีการปฏิวัติรัฐประหาร เผลอๆ ศาลรัฐธรรมนูญก็จะถูกยุบเสียอีก ซึ่งศาลฎีกาไม่เคยถูกยุบ ยังไงก็ได้อยู่ตลอด เราไม่ได้คิดหรือเชียร์ให้มีการปฏิวัติ แต่พูดแบบตลก เช่น มาได้ 3 ปี มีการยึดอำนาจถูกยุบศาลรัฐธรรมนูญก็ตกงานไปเลย
@ คณะกรรมการสรรหาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตามรัฐธรรมนูญ 2550 ให้น้ำหนักไปที่ผู้พิพากษาศาลมากเป็นพิเศษ ในขณะที่ตัวแทนจากประชาชนมีส่วนร่วมน้อยเกินไป
ที่เห็นอยู่ก็ ดีอยู่แล้ว แต่ว่าควรจะมีดีกว่านี้ เพราะยึดโยงกับประชาชนพอสมควร มีประธานสภาผู้แทนราษฎร มีผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ประธานศาลฎีกา ประธานศาลปกครองสูงสุด และประธานองค์กรอิสระที่เลือกกันเองให้เหลือ 1 คน เท่ากับว่ามี 5 คนนี้เท่านั้นมาเลือกตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งผมเห็นว่าน้อยเกินไป คน 5 คน เป็นผู้มีเกียรติ น่าเชื่อถือ แต่ก็ขึ้นอยู่ยุคสมัย ผมคิดว่าจะต้องมีภาคประชาชนอย่างน้อย เช่น ประธานสภาหอการค้าไทย ประธานสภาอุตสาหกรรม หัวหน้าสหภาพแรงงาน คือ มาเลือกตุลาการที่มาจากสายผู้ทรงคุณวุฒิ และจะต้องได้รับความไว้วางใจจากภาคประชาชน เมื่อเลือกตัวแทนเหล่านี้มาได้แล้วก็ผสมกับรัฐธรรมนูญ 2540 ให้เลือกผู้ได้รับเสนอชื่อให้เป็นตุลาการเป็น 2 เท่าหรือ 3 เท่า แล้วไปลงมติเลือกกันในวุฒิสภา ถ้าไม่ถึงกึ่งหนึ่งก็ต้องให้คณะกรรมการสรรหาไปหาคนมาใหม่จนกว่าจะได้เสียง จากวุฒิสภาเกินกึ่งหนึ่ง
@ สัดส่วนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญควรเหมือนรัฐธรรมนูญ 2540 ให้มีผู้พิพากษา 7 คน และภาคประชาชน 8 คนหรือไม่
ควร เพิ่มโดยอีก 1 คนอาจจะให้ผู้ทรงคุณวุฒิที่มาจากยศไม่ต่ำกว่านายพลและเคยดำรงตำแหน่งบริหาร ซึ่งเป็นสายความมั่นคงที่มาจากทหารหรือตำรวจก็ได้ หรือปลัดกระทรวง รองผู้บัญชาการก็ได้ แต่ต้องเป็นคนที่เกษียณแล้ว โดยให้ฝ่ายความมั่นคงไปเสนอคนที่จะมาเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 1 คน เพื่อให้ข้อคิดเรื่องความมั่นคงของประเทศ เป็นกลุ่มที่ 5 โดยให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมาจากผู้พิพากษาศาลฎีกา 4 คน ผู้พิพากษาศาลปกครอง 2 คน ผู้ทรงคุณวุฒิสาขานิติศาสตร์ 5 คน ผู้ทรงคุณวุฒิสาขารัฐศาสตร์ 3 คน และเพิ่มผู้ทรงคุณวุฒิด้านความมั่นคงอีก 1 คน รวม 15 คน โดยตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่มาจากสายความมั่นคงจะให้ข้อมูลเบื้องหลังความ มั่นคงระหว่างประเทศก็ได้
@ ทำไม 6 ปีที่ผ่านมา การทำหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญชุดปัจจุบันจึงถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์มาก
ก็ เพราะประชาชนทุกภาคส่วนมีความตื่นตัวในสิทธิและเสรีภาพ และมีความรู้เรื่องกฎหมายมากขึ้น แต่ความตื่นตัวความรู้ข้อกฎหมายก็ถูกบ้าง แต่เขาตื่นตัวจะใช้สิทธิจึงออกมาเรียกร้อง เราตำหนิเขาไม่ได้ เป็นนิมิตหมายที่ดีกว่าจะมีประชาชนที่คิดอะไรแล้วไม่พูดไม่แสดงออก จำยอมต่อทุกอย่างแม้กระทั่งไม่พอใจ ตื่นตัวมาก็ดีจะได้คุยกันทำความเข้าใจกัน การวิพากษ์วิจารณ์ศาลรัฐธรรมนูญ มีหลักอยู่ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะต้องไม่มีเรื่องดูหมิ่นศาลเหมือนศาลยุติธรรม เพราะว่าศาลรัฐธรรมนูญตัดสินเรื่องการบ้านการเมือง สิทธิและเสรีภาพของประชาชน ดังนั้น ต้องให้เขาวิจารณ์ได้
@ ล่าสุด ศาลรัฐธรรมนูญใช้อำนาจตามกฎหมายฟ้องหมิ่นภาคประชาชนจะทำให้เกิดภาพความขัดแย้งบานปลายหรือไม่
อยู่ ที่คำพูดและอยู่ที่ใจ แต่ถ้าใจไม่นิ่งถูกอัดมากๆ ก็อาจจะร้อนขึ้นมาหน่อย แต่อย่าให้มันเดือด ถ้าเขาด่าถูกก็อาจจะเห็นว่าเราวินิจฉัยพลาดก็ได้ เราไม่น่าจะแรงไปกว่านี้ แต่ทำไงได้เราตัดสินไปแล้วเราอาจสำนึก เพราะก็มีการพลาดได้
@ สมัยที่ท่านเป็นตุลาการเคยถูกผู้เล่นชกกรรมการอยู่บ่อยครั้งเหมือนตุลาการชุดปัจจุบันหรือไม่
ของผมก็มีเหมือนกันนะ แต่เราไม่ได้พูดว่าเราถูกชก ก็โดนเหมือนกัน
@ แต่ตุลาการชุดปัจจุบันถูกเปรียบเทียบว่ากำลังถูกกองเชียร์โห่อยู่ข้างสนาม
ศาล รัฐธรรมนูญต้องถูกโห่เป็นธรรมดา ดังนั้น ต้องมีศาลรัฐธรรมนูญไว้ตัดสินคดีเพื่อให้คนโห่ได้ ถ้าไม่มีเอาไปฝากไว้กับศาลฎีกาก็โห่ไม่ได้ ถ้าเขียนยกเว้นไม่ให้โห่ได้ ศาลก็มึนไปเลย เพราะว่าเคยจะตัดสินคดีที่สงบให้เรียบร้อยแล้ววันหนึ่งมีคนแห่ การเมืองจะมาหาทำให้ท่านเดือดร้อน คดีศาลรัฐธรรมนูญ ศาลรัฐธรรมนูญเป็นศาลที่เกี่ยวกับเหตุการณ์ทางการเมือง เกี่ยวกับบ้านเมืองสิทธิและเสรีภาพประชาชน ดังนั้น ต้องให้คนวิจารณ์ เป็นธรรมดาให้เขาโห่ จะโห่ก็โห่ไป ก็ฟังไปคิด
@ ถ้าให้มีแนวคิดจะมีกฎหมายละเมิดอำนาจศาลรัฐธรรมนูญขึ้นมาก็ไม่น่าจะเป็นผลดีกับศาลรัฐธรรมนูญใช่หรือไม่
คง ออกไม่ได้หรอก เรื่องละเมิดอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ แต่ถ้าหมิ่นประมาทก็สามารถดำเนินการได้ สมัยก่อนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญก็เคยฟ้องคนหมิ่นประมาท เช่น ไปพูดกล่าวหาตุลาการว่าไปติดสินบนคนนั้นคนนี้ไปกินข้าวบ้านคนนั้น เต้าข่าว ศาลก็เลยฟ้องหมิ่นประมาท
@ การที่ศาลรัฐธรรมนูญเงียบไม่ชี้แจงหรือการออกมาชี้แจงต่อสาธารณะอย่างไหนจะเป็นผลดีต่อศาลมากกว่า
ไม่ ชี้แจงเสียเลยก็ไม่ดี แต่ถ้าชี้แจงก็ต้องพอเหมาะพองามมีเหตุผล แต่ถ้าเรื่องไม่งาม ชี้แจงยังไงประชาชนก็หน้าเบี้ยวก็ช่วยอะไรไม่ได้ ถ้าชี้แจงไม่ดีขึ้นก็ไม่ดี ถ้าของไม่ดีก็คงยาก เขาก็ไม่เชื่ออยู่ แต่ถ้าของมันดีจริงก็น่าจะชี้แจงได้พอสมควร เพื่อให้คนเห็นพอใจว่า ศาลมีเหตุผล แต่ศาลบางคนไม่ชอบชี้แจงเพราะว่าพูดไม่เก่ง
@ การบังคับใช้มาตรา 68 ให้สิทธิพิทักษ์รัฐธรรมนูญกรณีมีการล้มล้างการปกครองสามารถใช้สิทธิยื่นตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญได้หรือไม่
มี คนถามแล้วแต่ผมไม่อยาก เดี๋ยวจะมีคนโกรธผม แต่ผมว่าไม่น่าจะแปลว่าอันหนึ่งแต่จะแปลอีกอันหนึ่ง แต่ทุกคนก็เห็นว่าแปลได้สองอย่าง แต่ผมไม่อยากเดินไปหาพวก แต่ในใจผมก็ว่าอย่างนี้ไม่ใช่ แต่อีกพวกก็น่าจะถูกแล้ว ถ้าเป็นไปได้ก็ควรเขียนให้ชัด เพราะเขียนแล้วทำให้อ่านได้สองทาง
@ ตกลงการสถาปนากฎหมายสูงสุดของประเทศ ศาลรัฐธรรมนูญมีสิทธิเข้ามายับยั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐสภาได้หรือไม่
มัน มีข้อห้ามอยู่ตามรัฐธรรมนูญที่บอกว่าการแก้ไขเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองทำ ไม่ได้ แต่ข้อเหล่านี้คือพยายามรักษารัฐธรรมนูญไว้ เขียนอย่างไรก็แล้วแต่ ถ้ามีปฏิวัติเขาฉีกทิ้ง มีการยึดอำนาจเขาก็ล้างได้หมดทั้งฉบับ อย่าว่าแต่หมวดนั้น หมวดนี้
แสดงความคิดเห็น
รายละเอียดกระทู้
นายมานิต วิทยาเต็ม หมายเหตุ - นายมานิต วิทยาเต็ม อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จากผู้ทรงคุณวุฒิสาขานิติศาสตร์ ตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2540 ให้สัมภาษณ์พิเศษ "มติชน" ถึงการปรับปรุงโครงสร้างและที่มาของคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 รวมทั้งอำนาจหน้าที่และบทบาทของศาลรัฐธรรมนูญในการวินิจฉัยคดีต่างๆ ที่เข้าสู่การพิจารณา @ องค์ประกอบของคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญตามรัฐธรรมนูญปัจจุบันควรจะต้องมีการปฏิรูปหรือปรับปรุงให้เหมาะสมหรือไม่ เหตุ ที่ผมเห็นว่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 9 คนน้อยไป เพราะว่าเมื่อคิดดูในการประชุมองค์ต้องไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง คือไม่น้อยกว่า 5 คน มี 5 คนก็เป็นศาลรัฐธรรมนูญไปแล้วซึ่งถือว่าน้อยไป จาก 9 คน มีคน 5 คนประชุมขึ้นมาก็เป็นศาลวินิจฉัยเรื่องต่างๆ ได้มันน้อยไป ถ้าหากว่ามีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 15 คน เสียงข้างมากของ 15 คน คืออย่างน้อยต้องไม่น้อยกว่า 8 คน จึงจะเป็นองค์ประชุมได้ จำนวนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญควรเหมือนรัฐธรรมนูญ 2540 ตัวอย่าง การตัดสินบางเรื่อง เมื่อเร็วๆ นี้ มีตุลาการประชุมกันเพียง 5 คนถูกต้อง และ 3 คนเป็นเสียงข้างมากก็ชี้ออกมาได้ กลายเป็นว่า คน 3 คนเป็นศาลรัฐธรรมนูญ ผมรู้สึกว่าน้อยไปที่จะตัดสินเรื่องใหญ่ๆ ระดับประเทศระดับชาติ ดังนั้น ให้มีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 15 คน อย่างหลายประเทศ อาทิ ประเทศเยอรมนี หรือสาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้) ก็มีตุลาการ 15 คน @ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญตามรัฐธรรมนูญ 2550 ที่มีผู้พิพากษาศาลฎีกาและศาลปกครองรวม 5 คนจากทั้งหมด 9 คน เป็นการให้น้ำหนักผู้พิพากษามากเกินไปหรือไม่ แม้จะมีตัวแทน ที่มาจากผู้พิพากษาศาลฎีกาถึง 5 คนก็ไม่เลว แต่จะทำยังไงถึงได้ผู้พิพากษาเป็นคลีน ของผู้พิพากษาศาลฎีกามาศาลรัฐธรรมนูญ 5 คน ศาลรัฐธรรมนูญอาจจะมีศักดิ์ศรีด้อยกว่าศาลยุติธรรมหรือศาลฎีกา เพราะเห็นว่าเวลามีกิจกรรมทางการต่างๆ ประธานศาลฎีกาเป็นประมุขฝ่ายตุลาการ ศาลอื่นอาจจะมีลำดับที่ศักดิ์ศรีด้อยกว่าอยู่ศาลยุติธรรม ดังนั้น การที่ผู้พิพากษาศาลฎีกาซึ่งอาวุโสแล้วมาอยู่ศาลรัฐธรรมนูญ บางทีหลายอย่างอาจจะด้อยกว่าศาลยุติธรรม เช่น อยู่ที่ศาลฎีกาต่อไปได้จนถึงอายุ 70 ปี ถ้ามาศาลรัฐธรรมนูญจะมีอายุเหลือเพียง 9 ปี จากเดิมจะต้องมีอีก 10 ปีในศาลฎีกา ถ้าพูดตลกๆ ถ้ามีการปฏิวัติรัฐประหาร เผลอๆ ศาลรัฐธรรมนูญก็จะถูกยุบเสียอีก ซึ่งศาลฎีกาไม่เคยถูกยุบ ยังไงก็ได้อยู่ตลอด เราไม่ได้คิดหรือเชียร์ให้มีการปฏิวัติ แต่พูดแบบตลก เช่น มาได้ 3 ปี มีการยึดอำนาจถูกยุบศาลรัฐธรรมนูญก็ตกงานไปเลย @ คณะกรรมการสรรหาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตามรัฐธรรมนูญ 2550 ให้น้ำหนักไปที่ผู้พิพากษาศาลมากเป็นพิเศษ ในขณะที่ตัวแทนจากประชาชนมีส่วนร่วมน้อยเกินไป ที่เห็นอยู่ก็ ดีอยู่แล้ว แต่ว่าควรจะมีดีกว่านี้ เพราะยึดโยงกับประชาชนพอสมควร มีประธานสภาผู้แทนราษฎร มีผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ประธานศาลฎีกา ประธานศาลปกครองสูงสุด และประธานองค์กรอิสระที่เลือกกันเองให้เหลือ 1 คน เท่ากับว่ามี 5 คนนี้เท่านั้นมาเลือกตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งผมเห็นว่าน้อยเกินไป คน 5 คน เป็นผู้มีเกียรติ น่าเชื่อถือ แต่ก็ขึ้นอยู่ยุคสมัย ผมคิดว่าจะต้องมีภาคประชาชนอย่างน้อย เช่น ประธานสภาหอการค้าไทย ประธานสภาอุตสาหกรรม หัวหน้าสหภาพแรงงาน คือ มาเลือกตุลาการที่มาจากสายผู้ทรงคุณวุฒิ และจะต้องได้รับความไว้วางใจจากภาคประชาชน เมื่อเลือกตัวแทนเหล่านี้มาได้แล้วก็ผสมกับรัฐธรรมนูญ 2540 ให้เลือกผู้ได้รับเสนอชื่อให้เป็นตุลาการเป็น 2 เท่าหรือ 3 เท่า แล้วไปลงมติเลือกกันในวุฒิสภา ถ้าไม่ถึงกึ่งหนึ่งก็ต้องให้คณะกรรมการสรรหาไปหาคนมาใหม่จนกว่าจะได้เสียง จากวุฒิสภาเกินกึ่งหนึ่ง @ สัดส่วนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญควรเหมือนรัฐธรรมนูญ 2540 ให้มีผู้พิพากษา 7 คน และภาคประชาชน 8 คนหรือไม่ ควร เพิ่มโดยอีก 1 คนอาจจะให้ผู้ทรงคุณวุฒิที่มาจากยศไม่ต่ำกว่านายพลและเคยดำรงตำแหน่งบริหาร ซึ่งเป็นสายความมั่นคงที่มาจากทหารหรือตำรวจก็ได้ หรือปลัดกระทรวง รองผู้บัญชาการก็ได้ แต่ต้องเป็นคนที่เกษียณแล้ว โดยให้ฝ่ายความมั่นคงไปเสนอคนที่จะมาเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 1 คน เพื่อให้ข้อคิดเรื่องความมั่นคงของประเทศ เป็นกลุ่มที่ 5 โดยให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมาจากผู้พิพากษาศาลฎีกา 4 คน ผู้พิพากษาศาลปกครอง 2 คน ผู้ทรงคุณวุฒิสาขานิติศาสตร์ 5 คน ผู้ทรงคุณวุฒิสาขารัฐศาสตร์ 3 คน และเพิ่มผู้ทรงคุณวุฒิด้านความมั่นคงอีก 1 คน รวม 15 คน โดยตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่มาจากสายความมั่นคงจะให้ข้อมูลเบื้องหลังความ มั่นคงระหว่างประเทศก็ได้ @ ทำไม 6 ปีที่ผ่านมา การทำหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญชุดปัจจุบันจึงถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์มาก ก็ เพราะประชาชนทุกภาคส่วนมีความตื่นตัวในสิทธิและเสรีภาพ และมีความรู้เรื่องกฎหมายมากขึ้น แต่ความตื่นตัวความรู้ข้อกฎหมายก็ถูกบ้าง แต่เขาตื่นตัวจะใช้สิทธิจึงออกมาเรียกร้อง เราตำหนิเขาไม่ได้ เป็นนิมิตหมายที่ดีกว่าจะมีประชาชนที่คิดอะไรแล้วไม่พูดไม่แสดงออก จำยอมต่อทุกอย่างแม้กระทั่งไม่พอใจ ตื่นตัวมาก็ดีจะได้คุยกันทำความเข้าใจกัน การวิพากษ์วิจารณ์ศาลรัฐธรรมนูญ มีหลักอยู่ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะต้องไม่มีเรื่องดูหมิ่นศาลเหมือนศาลยุติธรรม เพราะว่าศาลรัฐธรรมนูญตัดสินเรื่องการบ้านการเมือง สิทธิและเสรีภาพของประชาชน ดังนั้น ต้องให้เขาวิจารณ์ได้ @ ล่าสุด ศาลรัฐธรรมนูญใช้อำนาจตามกฎหมายฟ้องหมิ่นภาคประชาชนจะทำให้เกิดภาพความขัดแย้งบานปลายหรือไม่ อยู่ ที่คำพูดและอยู่ที่ใจ แต่ถ้าใจไม่นิ่งถูกอัดมากๆ ก็อาจจะร้อนขึ้นมาหน่อย แต่อย่าให้มันเดือด ถ้าเขาด่าถูกก็อาจจะเห็นว่าเราวินิจฉัยพลาดก็ได้ เราไม่น่าจะแรงไปกว่านี้ แต่ทำไงได้เราตัดสินไปแล้วเราอาจสำนึก เพราะก็มีการพลาดได้ @ สมัยที่ท่านเป็นตุลาการเคยถูกผู้เล่นชกกรรมการอยู่บ่อยครั้งเหมือนตุลาการชุดปัจจุบันหรือไม่ ของผมก็มีเหมือนกันนะ แต่เราไม่ได้พูดว่าเราถูกชก ก็โดนเหมือนกัน @ แต่ตุลาการชุดปัจจุบันถูกเปรียบเทียบว่ากำลังถูกกองเชียร์โห่อยู่ข้างสนาม ศาล รัฐธรรมนูญต้องถูกโห่เป็นธรรมดา ดังนั้น ต้องมีศาลรัฐธรรมนูญไว้ตัดสินคดีเพื่อให้คนโห่ได้ ถ้าไม่มีเอาไปฝากไว้กับศาลฎีกาก็โห่ไม่ได้ ถ้าเขียนยกเว้นไม่ให้โห่ได้ ศาลก็มึนไปเลย เพราะว่าเคยจะตัดสินคดีที่สงบให้เรียบร้อยแล้ววันหนึ่งมีคนแห่ การเมืองจะมาหาทำให้ท่านเดือดร้อน คดีศาลรัฐธรรมนูญ ศาลรัฐธรรมนูญเป็นศาลที่เกี่ยวกับเหตุการณ์ทางการเมือง เกี่ยวกับบ้านเมืองสิทธิและเสรีภาพประชาชน ดังนั้น ต้องให้คนวิจารณ์ เป็นธรรมดาให้เขาโห่ จะโห่ก็โห่ไป ก็ฟังไปคิด @ ถ้าให้มีแนวคิดจะมีกฎหมายละเมิดอำนาจศาลรัฐธรรมนูญขึ้นมาก็ไม่น่าจะเป็นผลดีกับศาลรัฐธรรมนูญใช่หรือไม่ คง ออกไม่ได้หรอก เรื่องละเมิดอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ แต่ถ้าหมิ่นประมาทก็สามารถดำเนินการได้ สมัยก่อนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญก็เคยฟ้องคนหมิ่นประมาท เช่น ไปพูดกล่าวหาตุลาการว่าไปติดสินบนคนนั้นคนนี้ไปกินข้าวบ้านคนนั้น เต้าข่าว ศาลก็เลยฟ้องหมิ่นประมาท @ การที่ศาลรัฐธรรมนูญเงียบไม่ชี้แจงหรือการออกมาชี้แจงต่อสาธารณะอย่างไหนจะเป็นผลดีต่อศาลมากกว่า ไม่ ชี้แจงเสียเลยก็ไม่ดี แต่ถ้าชี้แจงก็ต้องพอเหมาะพองามมีเหตุผล แต่ถ้าเรื่องไม่งาม ชี้แจงยังไงประชาชนก็หน้าเบี้ยวก็ช่วยอะไรไม่ได้ ถ้าชี้แจงไม่ดีขึ้นก็ไม่ดี ถ้าของไม่ดีก็คงยาก เขาก็ไม่เชื่ออยู่ แต่ถ้าของมันดีจริงก็น่าจะชี้แจงได้พอสมควร เพื่อให้คนเห็นพอใจว่า ศาลมีเหตุผล แต่ศาลบางคนไม่ชอบชี้แจงเพราะว่าพูดไม่เก่ง @ การบังคับใช้มาตรา 68 ให้สิทธิพิทักษ์รัฐธรรมนูญกรณีมีการล้มล้างการปกครองสามารถใช้สิทธิยื่นตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญได้หรือไม่ มี คนถามแล้วแต่ผมไม่อยาก เดี๋ยวจะมีคนโกรธผม แต่ผมว่าไม่น่าจะแปลว่าอันหนึ่งแต่จะแปลอีกอันหนึ่ง แต่ทุกคนก็เห็นว่าแปลได้สองอย่าง แต่ผมไม่อยากเดินไปหาพวก แต่ในใจผมก็ว่าอย่างนี้ไม่ใช่ แต่อีกพวกก็น่าจะถูกแล้ว ถ้าเป็นไปได้ก็ควรเขียนให้ชัด เพราะเขียนแล้วทำให้อ่านได้สองทาง @ ตกลงการสถาปนากฎหมายสูงสุดของประเทศ ศาลรัฐธรรมนูญมีสิทธิเข้ามายับยั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐสภาได้หรือไม่ มัน มีข้อห้ามอยู่ตามรัฐธรรมนูญที่บอกว่าการแก้ไขเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองทำ ไม่ได้ แต่ข้อเหล่านี้คือพยายามรักษารัฐธรรมนูญไว้ เขียนอย่างไรก็แล้วแต่ ถ้ามีปฏิวัติเขาฉีกทิ้ง มีการยึดอำนาจเขาก็ล้างได้หมดทั้งฉบับ อย่าว่าแต่หมวดนั้น หมวดนี้ ขอบคุณ http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1367821075&grpid=01&catid=&subcatid=
จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย
รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)