สมรภูมิ การเมือง สมรภูมิ ‘รัฐธรรมนูญ’ เอกภาพ แนวรบ
การปะทะระหว่างสมาชิกรัฐสภา 321 คน กับ ศาลรัฐธรรมนูญ มีประเด็นอันเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 เป็นตัวกลาง
ถามว่าภาวะอึดอัดคับข้องใจของสมาชิกรัฐสภาอยู่ตรงไหน
คำตอบก็คือ อยู่ตรงที่ศาลรัฐธรรมนูญไปรับคำร้องคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 98 ที่เสนอโดย ส.ว.ไว้เพื่อพิจารณา
อันเท่ากับเป็นสัญญาณว่าการเสนอแก้ไขอาจมีปัญหา
อันเท่ากับเป็นเครื่องชี้ให้เข้าใจว่า กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญของสมาชิกรัฐสภาแม้ว่าจะทำตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญก็มิอาจกระทำได้
หมายถึงต้องขึ้นอยู่กับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ
บทบาทและความหมายนี้แสดงให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรมว่า ศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจเหนือสมาชิกรัฐสภาอันเป็นฝ่ายนิติบัญญัติ
นี่คือความไม่พอใจ นี่คือการไม่เห็นด้วย
แม้ว่าความไม่พอใจทั้งหมดนี้จะส่งผลสะเทือนกระทั่งคนเสื้อแดงจำนวนหนึ่งไปชุมนุมบริเวณหน้าสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ
แต่ปัจจัยชี้ขาดอย่างแท้จริงอยู่ที่ ‘สมาชิกรัฐสภา’
เพราะ ว่าแก่นแท้ของความขัดแย้งครั้งนี้มิได้เป็นเรื่องของตัวบุคคลหากแต่กำลัง พัฒนาขยายเป็นความขัดแย้งระหว่างอำนาจ เป็นความขัดแย้งระหว่างสถาบัน
นั่นก็คือ ระหว่างอำนาจนิติบัญญัติ กับ อำนาจตุลาการ
นั่นก็คือ ระหว่างสถาบันรัฐสภา กับ สถาบันศาล
ข้อเสนอของ นายโภคิน พลกุล ที่สมควรมีการทำจดหมายเปิดผนึกชี้แจงรายละเอียดข้อเท็จจริงต่อประชาชนจึงมีความจำเป็นและมีความสำคัญ
สมาชิกรัฐสภาควรตระหนักในเรื่องนี้
หากติดตามกระบวนการเคลื่อนไหวของสมาชิกรัฐสภาก็จะสัมผัสได้ถึงความไม่เป็นกลุ่มเป็นก้อนถึงความไม่เป็นเอกภาพ
บทบาทของประธานรัฐสภาเป็นอย่างไร ยังมองไม่เห็น
บทบาทของคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร บทบาทของคณะกรรมการประสานงานวุฒิสภา ดำเนินไปอย่างไร ยังมองไม่เห็น
เห็นแต่เสียงโหวกเหวกของ ‘เสื้อแดง’
เห็นแต่ภาพการเคลื่อนไหวและการแถลงข่าวของสมาชิกรัฐสภาอย่างเป็นเอกเทศ มิได้ยึดโยงแม้กระทั่งกับพรรคการเมือง
นี่คือจุดอ่อนอันบั่นทอนกำลังอย่างแรง
ที่ไม่ควรมองข้ามอย่างเด็ดขาดคือ บทบาทของพรรคร่วมรัฐบาล บทบาทของส.ว.อันเป็นพันธมิตร
บทบาท ของพรรคร่วมรัฐบาลเป็นอย่างไรต้องสัมผัสจากบทบาทของพรรคเพื่อไทย บทบาทของส.ว.อันเป็นพันธมิตรเป็นอย่างไรต้องสัมผัสจากคณะกรรมการวิปส.ว.
หรือจะปล่อยเลยตามเลยเหมือนไม่มีภารธุระ
แสดงความคิดเห็น
รายละเอียดกระทู้
การปะทะระหว่างสมาชิกรัฐสภา 321 คน กับ ศาลรัฐธรรมนูญ มีประเด็นอันเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 เป็นตัวกลาง ถามว่าภาวะอึดอัดคับข้องใจของสมาชิกรัฐสภาอยู่ตรงไหน คำตอบก็คือ อยู่ตรงที่ศาลรัฐธรรมนูญไปรับคำร้องคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 98 ที่เสนอโดย ส.ว.ไว้เพื่อพิจารณา อันเท่ากับเป็นสัญญาณว่าการเสนอแก้ไขอาจมีปัญหา อันเท่ากับเป็นเครื่องชี้ให้เข้าใจว่า กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญของสมาชิกรัฐสภาแม้ว่าจะทำตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญก็มิอาจกระทำได้ หมายถึงต้องขึ้นอยู่กับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ บทบาทและความหมายนี้แสดงให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรมว่า ศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจเหนือสมาชิกรัฐสภาอันเป็นฝ่ายนิติบัญญัติ นี่คือความไม่พอใจ นี่คือการไม่เห็นด้วย แม้ว่าความไม่พอใจทั้งหมดนี้จะส่งผลสะเทือนกระทั่งคนเสื้อแดงจำนวนหนึ่งไปชุมนุมบริเวณหน้าสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ แต่ปัจจัยชี้ขาดอย่างแท้จริงอยู่ที่ ‘สมาชิกรัฐสภา’ เพราะ ว่าแก่นแท้ของความขัดแย้งครั้งนี้มิได้เป็นเรื่องของตัวบุคคลหากแต่กำลัง พัฒนาขยายเป็นความขัดแย้งระหว่างอำนาจ เป็นความขัดแย้งระหว่างสถาบัน นั่นก็คือ ระหว่างอำนาจนิติบัญญัติ กับ อำนาจตุลาการ นั่นก็คือ ระหว่างสถาบันรัฐสภา กับ สถาบันศาล ข้อเสนอของ นายโภคิน พลกุล ที่สมควรมีการทำจดหมายเปิดผนึกชี้แจงรายละเอียดข้อเท็จจริงต่อประชาชนจึงมีความจำเป็นและมีความสำคัญ สมาชิกรัฐสภาควรตระหนักในเรื่องนี้ หากติดตามกระบวนการเคลื่อนไหวของสมาชิกรัฐสภาก็จะสัมผัสได้ถึงความไม่เป็นกลุ่มเป็นก้อนถึงความไม่เป็นเอกภาพ บทบาทของประธานรัฐสภาเป็นอย่างไร ยังมองไม่เห็น บทบาทของคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร บทบาทของคณะกรรมการประสานงานวุฒิสภา ดำเนินไปอย่างไร ยังมองไม่เห็น เห็นแต่เสียงโหวกเหวกของ ‘เสื้อแดง’ เห็นแต่ภาพการเคลื่อนไหวและการแถลงข่าวของสมาชิกรัฐสภาอย่างเป็นเอกเทศ มิได้ยึดโยงแม้กระทั่งกับพรรคการเมือง นี่คือจุดอ่อนอันบั่นทอนกำลังอย่างแรง ที่ไม่ควรมองข้ามอย่างเด็ดขาดคือ บทบาทของพรรคร่วมรัฐบาล บทบาทของส.ว.อันเป็นพันธมิตร บทบาท ของพรรคร่วมรัฐบาลเป็นอย่างไรต้องสัมผัสจากบทบาทของพรรคเพื่อไทย บทบาทของส.ว.อันเป็นพันธมิตรเป็นอย่างไรต้องสัมผัสจากคณะกรรมการวิปส.ว. หรือจะปล่อยเลยตามเลยเหมือนไม่มีภารธุระ ขอบคุณhttp://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNMk5qa3dNakF3TVE9PQ==§ionid=
จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย
รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)