"รสนา" ยันชัด แก้ ม.68 ริดรอนสิทธิพิทักษ์รัฐธรรมนูญของ ปชช. เชื่อนำไปสู่แก้ รธน. ทั้งฉบับ
วันนี้ (2 เม.ย.) เวลา 10.30 น. ที่รัฐสภา ใน การประชุมร่วมกันของรัฐสภา เพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่..) พุทธศักราช.... โดยมีนายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม
นางสาวรสนา โตสิตระกูล ส.ว.กรุงเทพมหานคร อภิปรายว่าหากดูโดยภาพรวมร่างทั้ง 3 ฉบับเป็นไปเพื่อประโยชน์ของฝ่ายบริหารมากกว่าสิทธิของประชาชน ตนเห็นว่าควรจะแก้เพื่อให้ประชาชนตรวจสอบฝ่ายบริหารได้ง่ายขึ้น โดยให้ประชาชนสามารถฟ้องทางตรงต่อการเบียดบังงบประมาณของรัฐได้ ขณะที่การแก้มาตรา 68 ถือว่าเป็นการริดรอนสิทธิประชาชนในการพิทักษ์รัฐธรรมนูญ มาตรานี้จึงควรจะมีไว้ ทั้งนี้หากให้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญผ่านอัยการสูงสุดนั้นอัยการสูงสุดอาจไม่สั่ง ฟ้อง ดังนั้นสิทธิพิทักษ์รัฐธรรมนูญจึงควรเป็นสิทธิของประชาชนทุกคน เช่นเดียวกับหลายกรณีอัยการสูงสุดก็ปฏิบัติหน้าที่อย่างน่าสงสัยจนสังคมไม่ ให้ความไว้วางใจ ส่วนตัวเชื่อว่าการแก้มาตรานี้จะนำไปสู่การแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ
ส่วนการแก้ไขมาตรา 190 นั้น นางสาวรสนา กล่าวว่า ไม่เหมาะสม เพราะเป็นการสร้างอำนาจผูกขาดให้ฝ่ายบริหารมากขึ้น ส่วนการแก้รัฐธรรมนูญปลดล็อควาระดำรงตำแหน่งของ ส.ว.นั้น ตนเห็นด้วย แต่เรื่องที่มาของ ส.ว. นั้นไม่เห็นด้วยโดยเห็นว่า ส.ว. ควรมาจากการคัดสรรโดยสายวิชาชีพก่อน แล้วจึงค่อยมาอิงกับการเลือกตั้งของประชาชน ขณะที่การแก้รัฐธรรมนูญเรื่องการยุบพรรคการเมืองนั้น พรรคการเมืองทำให้นักการเมืองไม่มีอิสระในการทำหน้าที่ ดังนั้น จึงควรแก้ไขให้มีการสมัครรับเลือกตั้งในนามอิสระได้แทน ทั้งหมดจึงทำให้ตนไม่เห็นด้วยในการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้
ขอบคุณ http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1364875437&grpid=&catid=01&subcatid=0100
แสดงความคิดเห็น
รายละเอียดกระทู้
วันนี้ (2 เม.ย.) เวลา 10.30 น. ที่รัฐสภา ใน การประชุมร่วมกันของรัฐสภา เพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่..) พุทธศักราช.... โดยมีนายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม นางสาวรสนา โตสิตระกูล ส.ว.กรุงเทพมหานคร อภิปรายว่าหากดูโดยภาพรวมร่างทั้ง 3 ฉบับเป็นไปเพื่อประโยชน์ของฝ่ายบริหารมากกว่าสิทธิของประชาชน ตนเห็นว่าควรจะแก้เพื่อให้ประชาชนตรวจสอบฝ่ายบริหารได้ง่ายขึ้น โดยให้ประชาชนสามารถฟ้องทางตรงต่อการเบียดบังงบประมาณของรัฐได้ ขณะที่การแก้มาตรา 68 ถือว่าเป็นการริดรอนสิทธิประชาชนในการพิทักษ์รัฐธรรมนูญ มาตรานี้จึงควรจะมีไว้ ทั้งนี้หากให้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญผ่านอัยการสูงสุดนั้นอัยการสูงสุดอาจไม่สั่ง ฟ้อง ดังนั้นสิทธิพิทักษ์รัฐธรรมนูญจึงควรเป็นสิทธิของประชาชนทุกคน เช่นเดียวกับหลายกรณีอัยการสูงสุดก็ปฏิบัติหน้าที่อย่างน่าสงสัยจนสังคมไม่ ให้ความไว้วางใจ ส่วนตัวเชื่อว่าการแก้มาตรานี้จะนำไปสู่การแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ส่วนการแก้ไขมาตรา 190 นั้น นางสาวรสนา กล่าวว่า ไม่เหมาะสม เพราะเป็นการสร้างอำนาจผูกขาดให้ฝ่ายบริหารมากขึ้น ส่วนการแก้รัฐธรรมนูญปลดล็อควาระดำรงตำแหน่งของ ส.ว.นั้น ตนเห็นด้วย แต่เรื่องที่มาของ ส.ว. นั้นไม่เห็นด้วยโดยเห็นว่า ส.ว. ควรมาจากการคัดสรรโดยสายวิชาชีพก่อน แล้วจึงค่อยมาอิงกับการเลือกตั้งของประชาชน ขณะที่การแก้รัฐธรรมนูญเรื่องการยุบพรรคการเมืองนั้น พรรคการเมืองทำให้นักการเมืองไม่มีอิสระในการทำหน้าที่ ดังนั้น จึงควรแก้ไขให้มีการสมัครรับเลือกตั้งในนามอิสระได้แทน ทั้งหมดจึงทำให้ตนไม่เห็นด้วยในการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ ขอบคุณ http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1364875437&grpid=&catid=01&subcatid=0100
จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย
รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)